อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 265
CF:บทที่ 265 ตบตา
ซ่งยูหมิงตามหวังหลานไปที่ห้องรับรองที่ชั้นแรก เขานั้นตื่นเต้นมากและคิดอยู่ว่าเขาจะได้ข้อมูลอะไรจากรถคันนั้นบ้าง
แต่เขานั้นหารู้ไม่ว่า ตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินยังอยู่ข้างบนนั้น เขาได้หารือเรื่องวางหลุมพรางกับคนอื่นอยู่และกำลังรอให้เขากระโดดลงหลุมพรางนั้น
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินเดินลงมาจากชั้นบน เขาก็กล่าวทักทายและเดินไปที่ห้องแล็บ
ในห้องแล็บนั้น, จี้กำลังดัดแปลงเครื่องยนต์ให้เป็นตามในข้อมูลที่ตกลงกันเอาไว้โดยอู๋ฮ่าวเหรินและจื่อหยง
ถ้าเกิดมีใครศึกษาและทดลองตามข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์นี้ขึ้นมาจริงๆ ในตอนแรกเครื่องยนต์ก็จะระเบิดขึ้นมาทันที เพราะปัญหาทางด้านวัตถุดิบที่อู๋ฮ่าวเหรินได้วางเอาไว้
เมื่อพวกเขาสามารถแก้ปัญหาเรื่องของวัตถุดิบได้ เครื่องยนต์ก็จะมีปัญหาอีก ซึ่งถ้าพวกเขาอยู่ใกล้เกินไป ก็จะโดนลวกจากอุณหภูมิที่สูงที่ถูกปล่อยมาจากเครื่องยนต์
อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์นี้, ถึงจะวิจัยออกมาได้ในที่สุด ก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาอีก, นั่นคือวิ่งไปได้ 2 อาทิตย์เครื่องก็จะเริ่มเกิดปัญหาที่แก้ไม่ได้ และปัญหาต่างๆก็จะปรากฏขึ้นเรื่อยๆ
“ข้อมูลพร้อมแล้วรึยัง?”
“พร้อมแล้ว, แต่ว่าแบบนี้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์บางอย่างก็จะหลุดออกไปด้วยนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก อย่างไรเสียของพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่จะต้องจดสิทธิบัตรอยู่แล้ว ถึงแม้พวกเขาจะไม่ถาม พวกเขาก็จะรู้ได้อยู่ดี”
“ในเมื่อคุณไม่กังวลเรื่องที่พวกเขาจะได้ข้อมูลพวกนี้ไป ฉันได้ลองวิเคราะห์จากข้อมูลแล้ว จากในกรณีนี้ ถึงพวกเขาจะได้ข้อมูลไป ถ้าพวกเขาคิดที่จะวิจัยต่อ พวกเขาจะต้องเสียเงินค่าวิจัยสูงมาก”
ไม่นานนัก, ข้อมูลเหล่านี้ก็ถูกปรินต์ออกมา, เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินมองดูเอกสารพวกนี้ในรถและวางเอาไว้หลังคอมพิวเตอร์ในรถ แล้วก็ เขายังได้วางภาพร่างบางอย่างที่เหมือนจะเป็นภาพดีไซน์รถเอาไว้ด้วย แต่จริงๆแล้วมันเป็นแค่ภาพวาดขีดเขี่ยๆตอนที่เขากำลังเบื่อเท่านั้น เพื่อเอาไว้ลวงซ่งยูหมิง
ที่จริงแล้ว, เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินลองมาคิดดู เมื่อใดที่เขาได้ข้อมูลพวกนี้ไป, เขาย่อมที่จะต้องเอาข้อมูลนี้ไปส่งต่อให้คนอื่นเป็นแน่
และในตอนที่เขาส่งข้อมูลออกไปนั้น เขาก็จะถูกจับ และต้องไปใช้ชีวิตที่เหลือในคุกเท่านั้น
ขณะที่กำลังรออยู่ในห้องรับรองกับหวังหลาน, ซ่งยูหมิงก็ไม่ลืมที่จะสอบถามเรื่องของฟิวเจอร์กรุ๊ปจากหวังหลาน
แต่น่าเสียดายที่ หวังหลานนั้นแทบจะไม่ตอบคำถามของเขา, เพราะหวังหลานนั้นรู้ดีว่าข้อมูลบางอย่างของบริษัทนั้นไม่สามารถที่จะพูดออกไปได้
อีกทางด้านหนึ่ง ผู้อำนวยการหน่วยข่าวกรองก็ได้รับทราบเรื่องมาจากจื่อหยง
“แจ้งคนของเราออกไปว่า ให้ค่อยจับตาดูคนที่ชื่อซ่งยูหมิง,
เมื่อไรที่เขาออกมาจากฟิวเจอร์กรุ๊ป คอยจับตาดูเขาเอาไว้ทุกฝีก้าว ถ้าเขาได้ทำการส่งข้อความหรือข้อมูลอะไรออกไป, ให้เข้าจับกุมเขาโดยทันที”
“ส่วนที่เหลือให้เตรียมพร้อมเอาไว้ เมื่อพวกเราเข้าจับกุมคนๆนี้แล้ว เราก็จะเข้าจับกุมพวกสายลับคนอื่นๆที่เราแกะรอยไว้แล้วพร้อมกันเลยทีเดียว”
ในกรณีของซ่งยูหมิง, ทางหน่วยข่าวกรองได้ทำการขุดคุ้ยประวัติก็พบข้อมูลเกี่ยวกับการจารกรรมมากมาย ซึ่งทำให้พวกเขายินดีมาก
แต่ถึงแม้จะจับไปเสียตอนนี้, พวกเขาก็จะปล่อยพวกตัวเล็กให้หลุดลอยไปได้ แต่ทว่า ถึงแม้พวกเขาจะไม่จับชายคนนี้, แต่เมื่อใดที่เขาส่งข้อมูลนี้ออกไป เขาก็คงจะหนีหายไปอยู่ดี
อู๋ฮ่าวเหรินขับรถออกมาจากห้องแล็บมาจอดที่หน้าอาคารหลัก ซ่งยูหมิงก็ออกมาดูรถด้วยความตื่นเต้น แกล้งทำเป็นคนที่อยากรู้อยากเห็น และมองดูที่รถอย่างตั้งใจ
แต่น่าเสียดาย, มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้ข้อมูลอะไรจากภายนอกของรถ แน่นอนว่า, ถึงจะมีช่องปล่อยลมที่ใช้ปล่อยไอพ่นรวมอยู่ด้วย ข้อมูลก็ยังน้อยเกินไปอยู่ดี
“ท่านประธานอู๋ครับ, ขอผมเข้าไปนั่งข้างในหน่อยได้มั๊ยครับ?”
“แน่นอน”
อู๋ฮ่าวเหรินคิด, ถึงแม้เขาจะไม่พูดอะไรออกมา, แต่ฮ่าวเหรินก็คิดจะหาทางให้เขาเข้าไปนั่งข้างในอยู่ดี มิฉะนั้นแล้ว เขาจะขโมยข้อมูลพวกนั้นจากในรถไปได้อย่างไร
มองดูที่ประตูเปิดออกเองอัตโนมัติ, ทำให้ซ่งยูหมิงรู้สึกประหลาดใจและถามขึ้นมา “เทคโนโลยีนี้มันคืออะไรครับ?”
“เทคโนโลยีA.I.น่ะครับ, มีระบบตรวจจับติดตั้งอยู่, ตราบเท่าที่คุณยื่นมือไปจับมัน ประตูก็จะเปิดออกโดยอัตโนมัติครับ”
ซ่งยูหมิงผงกหัว และจ้องมองไปที่ประตู เพื่อดูว่ามีอุปกรณ์อะไรข้างในบ้าง
“ไม่มีเทคโนโลยีอะไรเป็นพิเศษหรอกครับ แม้แต่ A.I.ของกูเกิ้ลยังทำได้เลยครับ” อู๋ฮ่าวเหรินกล่าว
นั่งลงในรถ, ซ่งยูหมิงมองดูที่นั่งที่พับได้ข้างใน จึงได้ถามอย่างสงสัย “ทำไมถึงได้ออกแบบให้ที่นั่งพับได้งั้นหรือครับ?”
“มันเป็นความสนใจส่วนตัวน่ะครับ คุณจะเห็นได้ว่าที่นั่งพับได้พวกนี้จะช่วยเพิ่มที่ว่างภายในรถได้”
อู๋ฮ่าวเหรินชี้ไปที่คอมพิวเตอร์ภายในรถแล้วพูดขึ้น “นี่คือตัวระบบควบคุมของรถคันนี้ ซึ่งได้นำเทคโนโลยีA.I.เข้ามาใช้ในเทคโนโลยีขับรถแบบไร้คนขับที่ทุกคนกำลังศึกษากันอยู่ในปัจจุบันครับ”
ซ่งยูหมิงมองดูคอมพิวเตอร์ติดรถด้วยสายตาที่เปร่งประกาย ตอนนี้เขารู้สึกอยากที่จะชำแหละรถคันนี้เสียเหลือเกิน
เขามองไปที่เอกสารข้อมูลที่อู๋ฮ่าวเหรินวางไว้ใกล้ๆกับคอมพิวเตอร์ติดรถ และฉวยโอกาสตอนที่อู๋ฮ่าวเหรินไม่สนใจนั้น เข้าไปดูเอกสารเหล่านี้
เขาพบว่ามันเป็นภาพร่างดีไซน์รถอยู่ด้วย ทำให้หัวใจของเขาเต้นรัวขึ้นมา แล้วสีหน้าของเขา ก็ปรากฏสีหน้าที่ไม่เป็นธรรมชาติออกมา ก่อนที่จะกลับไปเป็นแบบเดิม
จุดประสงค์ในการมาที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปของเขานั้น, เป็นสิ่งที่เรียกว่าการร่วมมือกัน เพื่อให้ได้ข้อมูลเหล่านี้, ซึ่งเขาก็ไม่คาดคิดว่าข้อมูลพวกนั้นจะมาอยู่ในมือของเขาแล้ว
“ท่านประธานอู๋ครับ ขอผมนั่งข้างใน เพื่อขอประสบการณ์ความรู้สึกของรถคันนี้ขณะที่รถกำลังวิ่งได้ไหมครับ?”
ซ่งยูหมิงได้พยายามอย่างดีที่สุดที่จะแสร้งทำเป็นอยากรู้อยากเห็น ในขณะเดียวกัน เขานั้นก็คิดที่จะหาวิธีที่จะขโมยข้อมูลพวกนี้ไป
เมื่อรถสตาร์ท, อู๋ฮ่าวเหรินเองก็ได้สร้างสถานการณ์เป็นใจสำหรับเขาขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่เขานั้นไม่เห็นค่าของมัน และยังไม่เริ่มลงมือขโมยข้อมูลไป
ในการขับรถนั้นอู๋ฮ่าวเหรินได้สร้างสถานการณ์ให้เขาอีกครั้ง แต่คนๆนี้ก็ยังไม่เริ่มลงมือซักที ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาหน่อยๆ
จากสถานการณ์ ถ้าเขาไม่เอาข้อมูลพวกนี้ไป กับดักที่เขาวางเอาไว้ก็จะล้มเหลว, ซึ่งเรื่องนี้ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกผิดหวังขึ้นมาหน่อยๆ
เมื่อรถไปจอดอยู่ที่หน้าอาคารหลัก, ซ่งยูหมิงมองดูอู๋ฮ่าวเหรินและถามขึ้น “ทำไมคุณถึงไม่เบรคแบบที่เห็นในคลิปให้ดูหน่อยล่ะครับ?”
“เทคโนโลยีการเบรคแบบนั้นยังไม่สมบูรณ์น่ะครับ, มันอันตรายเกินไป พวกเรายังไม่ได้ทดลองเรื่องนั้นเลย”
อู๋ฮ่าวเหรินก็พร้อมที่สร้างสถานการณ์เป็นใจให้เขาอีกครั้ง เขาเปิดประตูออกมาและเดินลงจากรถ
เมื่อเห็นอู๋ฮ่าวเหรินลงจากรถไปแล้ว, มือของซ่งยูหมิงก็รวดเร็วปานสายฟ้าแล่บ, ดึงเอาเอกสารข้อมูลที่อยู่หลังคอมพิวเตอร์ติดรถมา แล้วจากนั้นเขาก็เก็บซ่อนข้อมูลพวกนั้นไว้ในตัวของเขา ข้อมูลพวกนั้นหายเขาไปในเสื้อของเขาราวกับเวทมนตร์
กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นโดยใช้เวลาแค่ 3 วิเท่านั้น เมื่อเขาลงจากรถตามหลังมา อู๋ฮ่าวเหรินนั้นคิดว่าแผนเขาพลาดแล้ว เขาจึงยังทำสีหน้าสิ้นหวังหน่อยๆอยู่
มองดูประตูที่ปิด และรถก็เคลื่อนที่ออกไป ซ่งยูหมิงก็ยิ้มขึ้นมา
“ประธานอู๋ครับถ้าคุณร่วมมือกับผมนะครับ ผมคิดว่าเทคโนโลยีรักษาสมดุลรถของผมนั้นจะมีบทบาทอย่างมากกับรถของบริษัทคุณมากครับ ผมหวังว่าจะได้เห็นรถล้ำสมัยมากกว่านี้ครั้งหน้าที่ผมมานะครับ ตอนนี้ผมขอตัวก่อนนะครับ”
อู๋ฮ่าวเหรินยิ้่มตอบและไม่ได้พูดอะไรออกไป
เมื่อซ่งยูหมิงออกไปแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินก็รีบถามจี้ขึ้นมา “จี้, แผนการสำเร็จมั๊ย?”
“สำเร็จ เขาเอาข้อมูลพวกนั้นไปแล้ว”
“เยี่ยมเลย เดี๋ยวผมจะแจ้งเรื่องนี้ให้จื่อหยงรู้ก่อน หวังว่าหมอนั่นจะยังหนีไปได้ไม่ไกล”
หลังจากที่ออกมาจากฟิวเจอร์กรุ๊ป ซ่งยูหมิงก็ขับรถไปที่ตัวอำเภอหยุนหลง และเริ่มทำการถ่ายรูปข้อมูลเหล่านั้นด้วยโทรศัพท์มือถือ
หลังจากที่กลับยังที่พักของเขาในอำเภอหยุนหลงแล้ว เขาก็เริ่มเปิดเว็บไซต์พิเศษของเขาขึ้นมาด้วยคอมพิวเตอร์ของเขา จากนั้นก็อัพโหลดข้อมูลและรูปถ่ายในมือถือขณะที่มองตั๋วเครื่องบินไปยังสหรัฐอเมริกาในตัวตนอื่น
คนๆนี้เคลื่อนไหวเร็วมาก หลายจากที่ตรวจสอบข้อมูลแล้ว เขานั้นไม่แม้แต่จะจัดเก็บข้าวของ เขาลุกขึ้นยืนและเตรียมพร้อมที่จะออกไป
แต่ทว่าในขณะนั้นเอง ประตูก็ถูกเปิดเข้ามาด้วยการใช้ความรุนแรงจากข้างนอก
———————
คอมเม้นต์