อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 268
CF:บทที่ 268 ปัญหาของบริษัทยานยนต์
จื่อหยงประหลาดใจเมื่อได้รู้ว่ารัฐมนตรีเกิ่งกำลังจะไปอู๋ฮ่าวเหรินพร้อมกับเขาเพื่อคุยเรื่องของดาวเทียม
รัฐมนตรีเกิ่งถามกับจื่อหยง “ในฐานะที่คุณเป็นคนที่พบเจอกับอู๋ฮ่าวเหรินบ่อยที่สุด คุณคิดว่าเขาจะยอมตกลงแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีกับทางรัฐในคราวนี้ไหม?”
“ผมคิดว่าได้นะครับ ในตอนที่เขาให้ข้อมูลนี้แก่ผมมา เขามีทีท่าเหมือนไม่ค่อยสนใจในเทคโนโลยีนี้เท่าไรครับ, ยิ่งไปกว่านั้นจากสถานการณ์ในปัจจุบัน เขาไม่จำเป็นจะต้องพึ่งเทคโนโลยีนี้ในการหาเงิน, ดังนั้นถ้าทางรัฐตอบตกลงที่จะช่วยเขาในการปล่อยดาวเทียมแล้ว เขาเองก็น่ายอมให้เทคโนโลยีกับเราเช่นกันครับ และจากท่าทีของเขานั้น แสดงให้เห็นว่าเขานั้นหวังให้จีนเข้มแข็งขึ้นอยู่ครับ”
จื่อหยงคิดว่าเทคโนโลยีของอู๋ฮ่าวเหรินนั้น บางอย่างเขาก็ได้ให้กับประเทศมาฟรีๆ ถึงแม้จะหวังผลประโยชน์ตอบแทนอยู่บ้าง, แต่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีที่ให้มานั้นแล้ว ผลประโยชน์เหล่านั้นเทียบกันไม่ได้เลย
“ดูเหมือนว่าคุณจะประเมิณเขาไว้สูงมากนะ งั้นต่อไปคุณคงต้องรับหน้าที่เจรจากับเขาบ่อยขึ้นหน่อยนะ แล้วก็ถ้าเขามีปัญหาอะไร ก็รายงานเข้ามาได้เลยทางรัฐจะช่วยเขาแก้ไขปัญหานั้นเอง”
เมื่อได้ยินที่รัฐมนตรีเกิ่งพูด จื่อหยงก็นึกออกขึ้นมาว่าอู๋ฮ่าวเหรินพูดเปรยๆว่าเขาอยากจะซื้อในคราวก่อน
“รัฐมนตรีเกิ่งครับ, คราวก่อนเขาเคยถามผมว่า ผมจะช่วยเขาซื้อเรือเพื่อมายกเครื่องใหม่ได้ไหมอยู่ ดูเหมือนเขาจะเตรียมออกทะเลเพื่อไปกู้ซากเรือล่ม เขานั้นหวังว่าของเก่าที่เขากู้ขึ้นมาจะเป็นของเขาครับ”
“โอ้, มีเรื่องแบบนั้นอยู่ด้วยสินะ” รัฐมนตรีเกิ่งคิดอยู่ชั่วขณะแล้วตอบกลับไป “ถ้าเป็นแบบนั้น ผมจะติดต่อไปหารัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมแล้วให้เดินเรื่องของพิพิธภัณฑ์เอกชนให้, ในอนาคต ถ้าเขาค้นพบของเก่าใต้ทะเล เขาก็จะไม่จำเป็นที่จะต้องส่งให้กับทางรัฐ”
รัฐมนตรีเกิ่งมองดูของขวัญในกล่องที่เขานำมากับเขาด้วย ในนั้นมีทั้งศิลปะและอักษรวิจิตรโบราณเป็นของขวัญให้อู๋ฮ่าวเหรินจากท่านผู้นำ และท่านผู้นำยังเคยบอกไว้ว่าถ้ามีเรื่องเล็กน้อยอะไรที่ทางเราสามารถช่วยเหลือเขาได้ก็ให้ช่วยเหลือเขาได้เลย
จื่อหยงนั้นไม่กล้าที่จะพูดออกไปว่า ที่อู๋ฮ่าวเหรินอยากได้นั้นคือเรือบรรทุกเครื่องบิน, เพราะถ้าเขาไม่เห็นด้วยขึ้นมา, เขาคงจะต้องอับอายน่าดู
พวกเขาเดินทางมาจนถึงหลี่ฉุย แต่บริษัทยนตกรรมที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในหลี่ฉุยนั้นกลับประสบปัญหาขึ้น
ในโรงงาน, มีกลุ่มช่างเทคนิคกำลังหารือเรื่องอะไรบางอย่างอยู่
“คนๆนั้นดูมีเงื่อนงำเกินไปนะว่ามั๊ย? เขาใช้เงินมากขนาดนั้นหาซื้อวัสดุมาได้นิดหน่อยได้อย่างไรกันนะ?”
“ใครจะไปรู้? ฉันได้ยินมาว่าเขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่ถูกส่งมาจากเบื้องบนก็ได้ เขานั้นรับผิดชอบเรื่องของการจัดซื้อให้กับบริษัทยานยนต์ แต่ด้วยวัสดุแค่นี้ต่อให้เป็นพวกเราก็เป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตอุปกรณ์ออกมาได้ตามต้องการหรอกนะ”
“เขาไม่กลัวเรื่องที่โครงการนี้เป็นโครงการร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปบ้างรึไงกัน ถ้าเกิดรู้ถึงเบื้องบนขึ้นมา มันไม่จบง่ายๆแน่”
“อา ฉันเองก็มีครอบครัวต้องดูแลเหมือนกัน ฉันยังไม่อยากออกจากที่นี่หรอกนะ ช่างหัวเรื่องนั้นไปก่อน ตอนนี้พวกเรามาผลิตอุปกรณ์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้กันเถอะ”
เหล่าผู้คนในโรงงานมองดูวัสดุที่สั่งซื้อมาและพูดอะไรไม่ออก, ซึ่งจำนวนแค่นี้มันไม่พออย่างแน่นอน
ในออฟฟิศของบริษัท มีชายวัยกลางคนรูปร่างผอมสูง กำลังชี้ไปที่ชายรูปร่างอ้วนที่มีหูและท้องใหญ่ที่กำลังร้องไห้ “เก้อซานเฝิง, คุณจะทำตัวลึกลับไปหน่อยมั๊ย? ด้วยเงินที่จัดให้มาจากเบื้องบนให้คุณไปซื้อวัตถุดิบกลับมาแค่นี้ เงินที่เหลือคุณเอาเข้ากระเป๋าตัวเองไปหมดแล้วรึไง?”
ชายอ้วนนั่งลงคุกเข่าและพูดอย่างรีบร้อน “รายการสั่งซื้ออยู่ที่นี่ครับ คุณจะลองตรวจสอบดูเองก็ได้ครับ”
ชายผอมสูงหยิบเขาใบสั่งซื้อขึ้นมาและตะโกนขึ้นมา “เอ็งไปซื้ออุปกรณ์และเครื่องจักรพวกนี้มาทำไม, ทำไมไม่ซื้อตามใบสั่งซื้อที่ผมให้ไปห๊ะ?”
ชายอ้วนใช้มืออุดหูและพูดตอบกลับมา “พูดเบาๆหน่อยได้มั๊ยครับ พวกเราจะศึกษาการทำรถได้อย่างไรถ้าไม่มีอุปกรณ์พวกนี้ล่ะครับ ผมเลยซื้ออุปกรณ์พวกนี้กลับมาด้วยยังไงล่ะครับ”
“พวกเราส่งไอ้โง่อย่างเอ็งที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยไปได้ยังไงกันนะ? อุปกรณ์ของพวกเราทั้งหมดนั้น เราสามารถผลิตเองได้ทั้งหมด เทคโนโลยีทั้งหมดที่พวกเราใช้กันในตอนนี้เป็นเทคโนโลยีล้ำสมัยที่สุดที่เราได้มาจากฟิวเจอร์กรุ๊ปนะรู้มั๊ย, ช่างเหอะ ชั้นขี้เกียจอธิบายให้ไอ้โง่อย่างนายฟังจริงๆ เมื่อจื่อหยงกลับมา คุณไปพบกับเขาและรายงานสถานการณ์เรื่องของการจัดซื้อให้เขาฟังละกัน, แล้วหวังว่านายคงจะไปไม่โดนเขายิงทิ้งละกัน”
แน่นอนว่า, ชายอ้วนคนนี้เข้ามาโดยอาศัยเส้นสาย ซึ่งเขานั้นไม่รู้เรื่องของบริษัทยานยนต์เลยแม้แต่นิดเดียว
“ไม่ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะสุดยอดแค่ไหนก็เหอะ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตอุปกรณ์ทั้งหมดนี่ได้ด้วยตัวเองนะครับ ตอนที่ผมสั่งซื้ออุปกรณ์พวกนี้มา ผมทราบมาว่าอุปกรณ์พวกนี้เป็นอุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดในจีนแล้วนะครับ”
ชายผอมสูงส่ายหัวของเขา เขารู้สึกว่าคงเปล่าประโยชน์ที่จะคุยกับคนๆนี้ต่อ เขาจึงตั้งใจที่จะแก้ไขปัญหานี้หลังจากที่จื่อหยงกลับมา
ปัญหาในการรวบรวมวัสดุในครั้งนี้ เป็นปัญหาที่เกิดมาจากปัญหาด้านบุคลากรของบริษัท, ดูเหมือนจะมีคนจำนวนมากที่ถูกบรรจุเข้ามาในบริษัทยานยนต์เพิ่มโดยหัวหน้าเมื่อ 2 วันก่อน
ซึ่งทำให้เกิดความสับสนอย่างมากในเรื่องของบุคลากรในบริษัท คนจำนวนมากที่ถูกบรรจุเข้ามาในครั้งนี้นั้นไม่ได้มีความรู้หรือความเข้าใจอะไรเลยและทำงานกันไปแบบมั่วๆ
ทั้งบริษัทที่อยู่ภายใต้ผู้คนที่ผสมปนเปแบบนี้ ย่อมไม่สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างแน่นอน
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินได้ส่งคนไปรับทราบถึงปัญหานี้ เขารู้สึกผิดหวังขึ้นมานิดหน่อย ในสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ คนพวกนั้นไม่สามารถผลิตชิ้นส่วนเครื่องยนต์ได้เลย ซึ่งเป็นไปได้ช้ามาก
ทันทีที่จื่อหยงลงมาจากรถไฟ เขาก็ได้รับโทรศัพท์มาจากอู๋ฮ่าวเหริน ซึ่งเขาคิดว่าฮ่าวเหรินนั้นโทรมาหาเขาเพื่อถามเรื่องของดาวเทียม
โดยไม่คาดคิด, อู๋ฮ่าวเหรินได้บ่นเรื่องของกำลังการผลิตของบริษัทยานยนต์ว่าที่ทำงานได้ช้ามาก ถ้าเป็นแบบนี้, เขาก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาเท่าไรถึงจะผลิตรถขึ้นมาได้ซักคัน
เรื่องนี้ทำให้จื่อหยงนั้นเกิดความสับสนขึ้นมา ก่อนที่เขาจะออกมานั้น กำลังการผลิตของบริษัทก็เข้าสู่ในสภาวะปกติแล้ว, แต่แค่สองวัน กำลังการผลิตกลับตกลงไปอีกได้อย่างไร
วางสายไป, เขาหันไปบอกกันรมต.เกิ่งว่า, เขาขอโทรศัพท์ไปหาที่บริษัทหน่อย, เมื่อเขาได้ทราบเรื่องที่เกิดขึ้นในสองวันที่ผ่านมา เขานั้นแทบจะกระอักออกมาเป็นเลือด
“จื่อหยง, เกิดอะไรขึ้น? ทำไม่สีหน้าคุณดูแย่ขนาดนั้น?”
“ไม่มีอะไรครับท่านรัฐมนตรี เดี๋ยวผมจะไปส่งคุณที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปก่อนนะครับ”
“คุณมีอะไรปิดบังผมอย่างงั้นหรือ, บอกผมมาว่ามันเกิดอะไรขึ้น อะไรที่ทำให้คุณโกรธได้ถึงขนาดนั้น”
จื่อหยงนิ่งคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะพูดออกมา “มีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นที่บริษัทยานยนต์น่ะครับ”
“บริษัทยานยนต์เป็นบริษัทที่คุณกับฟิวเจอร์กรุ๊ปร่วมมือกันไม่ใช่รึ, มันจะเกิดปัญหาขึ้นที่นั่นได้ยังไง?”
จื่อหยงคิดว่าเขาคงไม่อาจปิดบังได้อีกต่อไป ยังไงเรื่องนี้คงปิดไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเมื่อพวกเขาไปถึงฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว รัฐมนตรีเกิ่งก็คงจะได้พบกับอู๋ฮ่าวเหริน แล้วถ้าเขารู้เรื่องนี้จากปากอู๋ฮ่าวเหรินขึ้นมา มันจะยิ่งยุ่งยากยิ่งกว่าเดิม
เมื่อรัฐมนตรีเกิ่งได้ยินเรื่องปัญหาของบริษัทรถแล้ว เขาก็คิ้วขมวดและมีสีหน้าที่ไม่ดีขึ้นมา เขามาที่นี่เพื่อสานความสัมพันธ์ที่ดีกับอู๋ฮ่าวเหริน แต่ไม่คาดคิดว่าปัญหาแบบนี้จะเกิดทันทีที่เขาส่งมอบหน้าที่ให้กับคนอื่น
“ไปกันเถอะ, ผมจะไปที่บริษัทรถกับคุณด้วยเพื่อแก้ไขปัญหานี้”
รัฐมนตรีเกิ่งนั้นเชื่อว่า ปัญหานี้อาจจะไม่ใช่ปัญหาที่คนอย่างจื่อหยงแก้ได้ง่ายๆ ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมาอีก มันจะต้องส่งผลไปถึงการร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปแน่
ซึ่งเรื่องแบบนั้นจะเป็นเรื่องที่ให้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด ถ้ามันมีอะไรซ่อนอยู่ในพุ่มไม้ ก็ต้องกำจัดมันทันที
หลังจากที่เข้าไปในบริษัท, พวกเขาก็ทราบว่าพวกเขารออยู่ในห้องประชุมแล้ว จึงได้พากันเดินไปที่ห้องประชุม
“หลิวชางหัว, บุคลากรที่คุณจัดหามาในครั้งนี้ ควรจะให้ออกจากตำแหน่งพวกนั้นได้แล้วนะ มิเช่นนั้นพวกเราได้โดนโวยแน่”
“เฟิงลี่ อย่าทำเป็นโวยวายนักเลยน่า บุคลากรที่ผมจัดหามาพวกนี้ ผ่านการสรรหามาอย่างถูกต้องตามกฏหมายนะ คุณจะมาบอกพวกเขาไม่มีความรู้ความสามารถไม่ได้หรอกนะ”
“ความรู้, ความสามารถบนกระดาษน่ะเหรอ? ผมไม่สนหรอกว่าคุณจะจัดหาบุคลากรพวกนั้นมาได้ยังไง ถ้าคุณปล่อยให้พวกเขาอยู่ในตำแหน่งพวกนั้นต่อไป มันจะเกิดปัญหาขึ้นมาอีกแน่ คุณจะต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”
“ก็ได้ผมจะจัดการปัญหานี้เอง กะอีแค่ผลิตเสร็จล่าช้าแค่ไม่กี่วันมันมีปัญหาซักเท่าไรกันเชียว พวกฟิวเจอร์กรุ๊ปมันจะสำคัญอะไรมากขนาดนั้นเชียว, ก็แค่บริษัทเอกชนที่ร่วมมือกับทางรัฐเท่านั้น กะอีแค่ช้าไปไม่กี่วันก็ไม่น่าจะเป็นอะไร อย่าทำเป็นจู้จี้จุกจิกหน่อยเลยน่า”
“ปัง!” เสียงประตูที่ถูกเปิดเข้ามาอย่างแรงโดยรัฐมนตรีเกิ่ง เขานั้นไม่คาดคิดว่างานที่ได้รับมอบหมายมาจากเบื้องบนนั้นมันจะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ในตอนที่เขามาถึง
——————-
คอมเม้นต์