อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 275
CF:บทที่ 275 การรับสมัครบุคลากรทางการแพทย์
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นพบว่า มีงานเรื่องของเทคโนโลยีการแพทย์นี้ที่ไม่สามารถทำได้ด้วยหุ่นยนต์อยู่เยอะมาก, ถ้าเขาทำเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองอย่างช้าๆ, เขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่จะศึกษาเรื่องนี้ได้สำเร็จ, และพร้อมที่จะใช้การได้อีก
ดังนั้น, ในเว็บไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป, จึงได้มีการประกาศรับสมัครนักวิจัยทางการแพทย์
และทุกครั้งที่มีข่าวการรับสมัครของฟิวเจอร์กรุ๊ปปรากฏขึ้นมา, ต่างก็ตกเป็นเป้าสนใจของผู้คนเสมอ
ยิ่งด้วยเรื่องของแผนการก่อสร้างเมืองในอำเภอหยุนหลงได้หลุดออกไปนั้น, ผู้คนจำนวนมากต่างก็พากันทยอยเข้ามาในอำเภอเล็กๆแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ, เพื่อมองหาโอกาสที่จะทำธุรกิจที่ทำเงินได้กัน
ในตอนนี้อำเภอหยุนหลงนั้น, เรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงตลอดทุกวัน, และระดับในการเปลี่ยนแปลงนี้ก็เป็นไปได้อย่างรวดเร็วมาก, จนเริ่มที่จะเบียดกับเมืองหลี่ฉุยแล้ว
ซึ่งเมืองหลี่ฉุยเองก็ได้มองหาช่องทางที่จะผนวกเขากับอำเภอหยุนหลง, เพื่อที่จะครอบครองฟิวเจอร์กรุ๊ปและพัฒนาให้กลายเป็นเป็นเมืองอันดับหนึ่ง
ในตอนนี้เมืองหลี่ชุยนั้นมีทั้งข้อมูลต่างๆ, รวมถึงเครื่องจักรในการผลิตไฟฟ้าชีวภาพบำบัด และโรงงานผลิตตัวเชื่อมของวัสดุเส้นใยพืช, และยังรวมถึงโรงงานผลิตรถยนต์
ดังนั้น, ผู้ว่าผานเจี๋ยหมิงก็ได้พยายามที่จะปรับปรุงหลี่ฉุยเสียใหม่และเตรียมการให้เป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ
ในเว็บบอร์ดของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น, หลายวันมานี้ขณะที่ทุกคนกำลังถกเถียงกันเรื่องของรถอยู่นั้น, การปรากฏของการรับสมัครบุคลากรทางการแพทย์ที่จู่ๆโผล่ขึ้นมานั้น ต่างก็ทำให้พวกเขานั้นสงสัย
“ใครก็ได้บอกข้าทีสิว่า เกิดอะไรขึ้นกันแน่, การรับสมัครบุคลากรทางการแพทย์นี่มันอะไร? ไม่ใช่ว่าทางฟิวเจอร์กรุ๊ปกำลังยุ่งอยู่กับเทคโนโลยีรถยนต์อยู่ไม่ใช่รึไง แล้วจะรับสมัครบุคลากรทางการแพทย์ไปทำไม?”
“เช่นเดียวกับข้างบน, ผมเองกำลังสงสัยอยู่ว่าเมื่อไรถึงจะมีรับสมัครพนักงานของฟิวเจอร์กรุ๊ปออกมา, แต่ใครก็ได้ช่วยบอกที่ว่าทำไมพวกเขาถึงรับสมัครบุคลากรทางการแพทย์แทน? ผมเป็นช่างผลิตชิ้นส่วนรถยนต์น่ะ, แล้วก็อยากที่จะเข้าฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วย”
“ผมเดาว่า อาจจะกำลังวิจัยเพื่อทำฟังชั่นใหม่ของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดก็เป็นได้ ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้เป็นเหมือนรายได้หลักของฟิวเจอร์กรุ๊ป และถ้าสามารถคิดค้นฟังชั่นใหม่ขึ้นมาได้, ลองดูที่หมวดหมอสิ พวกหมอที่ได้รับอนุญาติและพวกหมอที่มีชื่อเสียงนั้นสามารถทำเงินได้ถึง 7-800 หยวนต่อวันเลยนะ”
“ฉันว่าคุณเข้าใจอะไรผิดไปนิดหน่อยแล้ว รายได้หลักของฟิวเจอร์กรุ๊ปน่ะคือวัสดุเส้นใยพืชต่างหาก, ในระยะยาว รายได้นั้นอาจจะมากกว่าไฟฟ้าชีวภาพบำบัดเสียอีกนะ ฉันได้ยินมาว่าทางบริษัทได้รับเงินปันผลกำไรที่จ่ายให้โดยรัฐนั้น เป็นเงินถึงหลายร้อยพันล้านหยวนเลยนะ คุณไม่เห็นเหรอว่าบริษัทผลิตพลาสติกต่างชาติจำนวนมากต่างก็ต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าของอเมริกาเนี่ยโดนหนักสุดเลย, เหลือเพียงโรงงานผลิตพลาสติกไม่กี่โรงที่เหลือไว้สำหรับอุตสาหกรรมพลาสติก”
“จะว่าไป, ตอนนี้ฟิวเจอร์กรุ๊ปมีเงินเท่าไรแล้วเนี่ย? อู๋ฮ่าวเหรินเนี่ยมีเงินไม่ถึงล้านล้านหยวนแล้วเรอะ?”
“ในปัจจุบัน, ฟิวเจอร์กรุ๊ปไม่ได้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์,
แล้วก็คงไม่สามารถที่จะจดได้ด้วย, ดังนั้น คนที่จะรู้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นมีเงินมากเท่าไรนั้นก็คงมีแต่กระทรวงที่เกี่ยวข้องของรัฐเท่านั้น, แต่ทว่าก็พอจะเดาได้อยู่ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นน่าจะมีเงินอยู่เกิน 500 อันดับบริษัทที่มีเงินมากที่สุดในโลกไปแล้ว”
“พวกข้างบนน่ะ, จะออกนอกเรื่องไปไกลแล้วนะ, ข้าแค่ถามว่าทำไมฟิวเจอร์กรุ๊ปถึงได้คิดจะว่าจ้างบุคลากรทางการแพทย์กันอยู่นะ?”
จากนั้น, จึงได้มีคนที่เริ่มวิเคราะห์เรื่องนี้ และผลของการวิเคราะห์นั้นก็ค่อนข้างถูกเสียด้วย
“ผมลองวิเคราะห์เรื่องการรับสมัครครั้งนี้ดูแล้ว, ก่อนอื่นเลยฟิวเจอร์กรุ๊ปคงไม่คิดจะจ้างหมออย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นเรื่องของช่างเทคนิคที่เกี่ยวกับการวิจัยการผลิตยาล่ะ, ดังนั้นในกรณีนี้, มันคงไม่น่าเป็นอื่นนอกจากเรื่องของฟังชั่นของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดไปได้หรอก”
“แล้วก็, มีฟังชั่นบางอย่างของไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่ไม่ถูกเปิดให้บุคคลธรรมดาใช้อยู่ด้วยนะ, เพราะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในกองทัพนั้น มีฟังชั่นการทำงานที่่ต่างจากของที่พวกเราใช้กันอยู่ล่ะ, และก็มีความเป็นไปได้ด้วยว่าอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องของไฟฟ้าชีวภาพบำบัด แต่อาจจะเป็นไปได้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นกำลังศึกษาเรื่องของยาบางอย่างอยู่ก็เป็นได้”
“จากเรื่องของการรับสมัครครั้งนี้, อาจจะเกี่ยวข้องกับเส้นประสาท, มะเร็ง และการฟื้นฟูร่างกายก็ได้, ผมหวังว่าการคาดเดาของผมจะถูกจริงๆ, เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็จะเป็นเหมือนกับพรจากพระเจ้าสำหรับผู้ป่วยโรคเหล่านี้, เพราะถ้าได้ดูในห้องจัดแสดงของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้ว, ตราบเท่าที่ชายคนนั้นต้องการที่จะศึกษาเรื่องพวกนั้น, ดูเหมือนทุกสิ่งในนั้นจะสามารถทำให้เป็นจริงได้”
“จากที่อ่าน, ฉันรู้สึกไปเองรึเปล่านะว่าการวิเคราะห์ของคนข้างบนนั้นดูมีเหตุผล? มันจริงรึเปล่านะที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปคิดที่จะจัดการกับปัญหาทางการแพทย์พวกนี้”
“ฉันเองก็หวังให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นสามารถวิจัยเรื่องแบบนี้ได้สำเร็จเหมือนกัน, มันจะต้องเป็นข่าวดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยจำนวนมากอย่างแน่นอน”
ไม่นานนัก, เรื่องของการวิเคราะห์อันนี้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเว็บบอร์ด จึงได้มีใครบางคนได้สอบถามในส่วนของการแจกจ่ายข่าวสารของบริษัท
แน่นอนว่า, มีนักข่าวบางคนที่พอได้ทราบเรื่องนี้, และพวกเขาเองก็ต้องการที่ทราบเรื่องของรถยนต์จากฟิวเจอร์กรุ๊ปด้วย, แต่น่าเสียดายที่ พวกเขาไม่ได้ข่าวอะไรกลับไป
ด้วยการแทรกแซงของทางรัฐ ทำให้เป็นเรื่องยากมากสำหรับพวกเขาที่จะได้ข้อมูลกลับไปด้วย
พวกคนในกระทรวงสาธารณะสุขเอง, ทันทีที่ทราบข่าวนี้พวกเขาก็เริ่มที่จะหาข่าวเพื่อที่จะได้ทราบสถานการณ์
เพราะจากในคราวเรื่องของไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนั้น, เพราะพวกเขานั้นเลือกที่จะเมินเฉยในตอนนั้น สุดท้ายพวกเขาจึงต้องแบกรับปัญหาและทำการปฏิรูปการพยาบาล ดังนั้นในตอนนี้เรื่องของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นหากเป็นเรื่องของการพยาบาลแล้ว ต่อให้เป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างลมพัดหรือหญ้าไหวพวกเขาก็ต้องตื่นตัวกับเรื่องนี้ทันที
แน่นอนว่าเป็นจื่อหยงอีกครั้งที่ตกเป็นเป้า, เพราะเบื้องบนทุกคนต่างก็รู้ดีว่าเขานั้นเป็นคนเดียวที่ติดต่อกับอู๋ฮ่าวเหรินมากที่สุดแล้ว, มันจึงเป็นการง่ายที่สุดที่จะถามเรื่องของฟิวเจอร์กรุ๊ปผ่านทางเขา
ตอนที่รับสายโทรศัพท์ของจื่อหยง, อู๋ฮ่าวเหรินนั้นกำลังควบคุมเครื่องจักรกลและประกอบอุปกรณ์พยาบาลอยู่
บางอุปกรณ์นั้นไม่สามารถที่จะประกอบได้ด้วยหุ่นยนต์, ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง
“มีธุระอะไรงั้นเหรอครับ?” อู๋ฮ่าวเหรินกำลังวางชิ้นส่วนเล็กๆลงในเครื่องจักรขณะที่กำลังรอคำตอบจากจื่อหลง
“คุณกำลังวิจัยเรื่องของเทคโนโลยีการแพทย์อยู่เหรอ?”
จริงๆแล้ว, จื่อหยงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เพราะว่าเขานั้นได้รู้เรื่องของการผลิตรถยนต์และเทคโนโลยีดาวเทียมก่อนใคร, แต่เขานั้นกำลังไม่รู้สึกถึงเรื่องของการวิจัยทางการแพทย์เลย
“ใช่แล้ว, เมื่อวานนี้เอง หลังจากที่ผมเห็นทหารที่บาดเจ็บแล้ว ผมจึงได้ลองดูข้อมูลที่ผมเคยรวบรวมมาก่อนแล้วหาดู ผมจึงว่าจะลองศึกษาเรื่องนี้ดูว่ามันได้ผลอะไรมั๊ย?”
เมื่อได้ยินเสียงที่เหมือนไม่ค่อยใส่ใจของอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว, จื่อหยงรู้สึกเหมือนกับว่าคนๆนี้ดูไม่น่าเชื่อถือ
แต่ทว่า, หากลองคิดถึงเรื่องเทคโนโลยีแต่อย่างที่เขาเคยเอามาโชว์แล้วนั้น, จื่อหยงจึงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้, บางทีอัจริยะอาจจะเป็นแบบนี้ก็ได้
“ถ้าคุณขาดแคลนช่างเทคนิค, ผมน่าจะพอมองหาให้คุณได้”
อู๋ฮ่าวเหรินตอบปฏิเสธไป, เขาต้องการที่จะจ้างบุคลากรทางการแพทย์, เพื่อนอกจากการวิจัยทางการแพทย์แล้ว เขาก็จะได้จัดตั้งทีมแพทย์ของบริษัทขึ้นมาด้วย
เมื่อจื่อหยงได้บอกกับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณะสุขเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว, พวกเขาก็โล่งอกขึ้นมาหลังจากที่ทราบเรื่องแล้ว
จริงๆแล้ว, พวกเขานั้นยังมีงานอีกอย่างที่ต้องทำ, ถ้าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นวิจัยเรื่องยา ท้ายที่สุดพวกเขานั้นก็จะต้องเป็นผู้ยืนยันว่าใช้ได้จริง, และเมื่อถึงตอนนี้พวกเขาก็จะได้ทราบเรื่องนี้เอง
สำหรับเรื่องของการเข้าสู่วงการแพทย์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปในครั้งนี้นั้น, หลายๆประเทศไม่ได้ตอบสนองต่อข่าวนี้มากนั้น, ในทางกลับกัน พวกเขานั้นหวังว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นจะใช้เวลาอย่างมากไปกับการวิจัยในเรื่องนี้ ซึ่งดีกว่าให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้นวิจัยเรื่องของ A.I. และหุ่นยนต์ หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีทางการทหาร
แต่ทว่า, สำหรับเหล่าสถาบันวิจัยเกี่ยวกับยานั้น ซึ่งประสบความสำเร็จบางอย่างในด้านนี้มาบ้างแล้ว ก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวหลังจากที่ทราบเรื่องนี้
พวกเขานั้นต้องการที่จะใช้ผลงานการวิจัยของพวกเขา, แลกเปลี่ยนกับเงินของฟิวเจอร์กรุ๊ป หรือหวังที่จะให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปมาร่วมลงทุนกับพวกเขา
ดังนั้น, ในวันนั้นฟิวเจอร์กรุ๊ปก็ได้รับสายโทรศัพท์เป็นจำนวนมากจากสถาบันวิจัยยา, ว่าพวกเขานั้นต้องการที่จะร่วมมือกับฟิวเจอร์กรุ๊ปในเรื่องของการวิจัย
———————
คอมเม้นต์