อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 71
CF:บทที่ 71 กล้วยไม้สีม่วง
การเปลี่ยนตัวผู้นำเขตมณฑลในครั้งนี้ ส่งผลเล็กน้อยกับบริษัทของอู๋ฮ่าวเหริน ในทางตรงกันข้าม การเติบโตของบริษัทก็เป็นไปได้อย่างราบลื่น
แต่อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้ยุ่งกับธุรกิจของบริษัท แต่ยุ่งกับเรื่องอื่นอยู่ นั่นคือการเผยแพร่กล้วยไม้สีม่วง
เมื่อย่างเข้าสู่เดือนเมษายน ก็จะเป็นช่วงเวลาที่ดอกกล้วยไม้สีม่วงจะออกดอก และเมื่อมองไปที่กล้วยไม้ที่โตบนภูเขา อู๋ฮ่าวเหรินก็รู้ว่ากล้วยไม้สีม่วงพวกนั้นกำลังจะบาน
และในตอนนี้ พนักงานใหม่สองคนของเซี่ยเสวี่ยที่เพิ่งเข้าบริษัทมา และงานแรกของพวกเขาคือการโฆษณาดอกกล้วยไม้สีม่วงพวกนี้
วันนี้พนักงานทุกคนของบริษัทกำลังเดินทางมาที่หมู่บ้านซุยฉุย บ้านเกิดของอู๋ฮ่าวเหริน ซึ่งถือเป็นของรางวัลของบริษัทก็ว่าได้
“มันสวยงามมาก เหมือนสวรรค์เล็กๆเลย” หลิวหมิงเยว่ที่เพิ่งเข้าบริษัทพูดชม
“คิดว่าสวยก็ดีแล้ว และงานของคุณวันนี้คือเผยแพร่ที่นี่” เซี่ยเสวี่ยพูดพร้อมกับยิ้ม
เว่ยหมิงหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป และยืนถ่ายอยู่ที่จุดสูงสุดของหมูบ้านซุยฉุย จากจุดนี้เขาสามารถชมความงามของทั้งหมู่บ้านได้
“มันเป็นเรื่องยากมากที่เข้าออกที่นี่ ถ้าปราศจากถนนนี้ ฉันไม่รู้ว่าบอสออกไปข้างนอกเรียนหนังสือได้ยังไง”
“จะออกแล้วข้ามเขานี้ได้ยังไงน่ะเหรอ? เด็กบนภูเขาทุกคนก็ทำแบบนี้ได้ทั้งนั้นแหละ เมื่อตอนฉันเป็นเด็กนะ ฉันเคยไปที่บ้านคุณตา แล้วฉันก็ร้องไห้ตลอดทางเลย” ดูเหมือนลู่เปงเฟยจะเคยมีประสบการณ์แบบนี้มาก่อน
หลิวเหมยหรู่พูดขึ้นอย่างจริงจัง “มีเพียงสภาพแวดล้อมแบบนี้ถึงจะสามารถฝึกคนได้ รีบไปกันเถอะ อย่าปล่อยให้หัวหน้าคอยนาน”
หลังจากขับรถเข้าไปในตัวหมู่บ้าน พวกเขาก็พบดอกไม้บานตลอดข้างทาง ดอกไม้สีม่วงนี้โปร่งแสง และเมื่อสะท้อนแสงจากดวงอาทิตย์ พวกมันดูจะเปร่งประกายและสวยงาม
“นี่คือดอกกล้วยไม้สีม่วงที่หัวหน้าบอกงั้นเหรอ? มันดูแปลกตาจัง ดูนี่สิ,ใบของมันดูเหมือนต้นปาล์มไม่ใช่รึไง? และดอกของมันแม้แต่ตอนนี้ก็ยังสวย จะเป็นยังไงบ้างนะถ้ามันบานแล้ว”
“มองอย่างงี้ก็ดูไม่ออกเหมือนกัน แต่ฉันได้ยินจากหัวหน้าว่าถ้าบานที่มันกลายเป็นเหมือนพระอาทิตย์สีม่วง”
หมู่บ้านซุยฉุยยืนรอต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยดอกกล้วยไม้สีม่วงชุดแรก ถึงแม้ว่าทั้งหมดจะเป็นพนักงานของบริษัทของอู๋ฮ่าวเหรินก็เถอะ แต่นั่นก็ทำให้หมู่บ้านซุยฉุยมีความสุขแล้ว และเพื่อการนั้นหมู่บ้านก็ได้ทำความสะอาดและจัดเตรียมถังขยะไม้ไผ่ไว้ให้ด้วย
ถึงแม้จะมีฝนตกลงมา ก็จะไม่มีโคลนเพราะได้ปูพื้นด้วยแผ่นหิน และแน่นอนว่าปัญหาเดียวของที่นี่คือที่จอดรถหน้าหมู่บ้านนั้นเล็กมาก จอดรถได้แค่ไม่กี่คันเท่านั้น
แน่นอนว่า ถ้ามีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในอนาคต หมู่บ้านก็อาจจะขยายที่จอดรถเข้ามาด้านใน
เรียกได้ว่าการมาพนักงานบริษัทของอู๋ฮ่าวเหรินครั้งนี้เหมือนมาเที่ยวเล่นเฉยๆ คนในหมู่เองยังสงสัยเลยว่า ดอกไม้สีม่วงพวกนี้ ถึงคนในหมู่บ้านจะคิดว่ามันสวยดีก็จริงอยู่ แต่พวกเขาก็ยังไม่เชื่อว่าพวกมันจะสามารถใช้ทำรายได้ได้
“ทางนี้ ทางนี้”
หยุดแล้วลงมาจากรถ พวกก็ตกใจเมื่อเห็นคนในหมู่บ้านมากมายมารอต้อนรับ ซึ่งอู๋ฮ่าวเหรินเองก็มาอยู่ยืนรอรวมกับคนในหมู่บ้านด้วย เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคน เขาจึงอธิบาย
“พอทุกคนได้ยินว่าคนจากบริษัทของเราจะมาดูดอกกล้วยไม้สีม่วงที่นี่ ทุกคนจึงมารวมตัวกันน่ะ”
“คนในหมู่บ้านดูกระตือรือร้นกันดีจัง หลาน,เรามาเริ่มลุยงานกันเถอะ คนอื่นมาเที่ยวชมทิวทัศน์ของที่นี่ แต่พวกเรามาที่นี่เพื่อโชว์ฝีมือ” หลิวหมิงเยว่พูดกับเพื่อนสนิทของเธอโจ้วหลาน
ทั้งสองคนหยิบอุปกรณ์ออกมาจากรถ มีกล้องมืออาชีพที่ใช้ถ่ายรูปทิวทัศน์ และอุปกรณ์บันทึกมากมาย
แน่นอนว่ามีผู้ชายบางคนถามพวกเธออย่างเขินๆ และอาสาที่จะช่วยถือของพวกนี้ให้
“ไปกันเถอะ ผมจะพาไปดูดอกกล้วยไม้ที่บริษัทของพวกเราจะโฆษณากัน ในอนาคต เครื่องดื่มที่บริษัทของเราจะผลิตนั้นจะทำมาจากผลของต้นพวกนี้ล่ะ”
เรียกได้ว่าวัตถุดิบที่ใช้ทำเครื่องดื่มของบริษัททำมาจากผลของต้นกล้วยไม้
เว่ยหมิงจึงถามขึ้นมา “หัวหน้าครับ กล้วยไม้พวกนี้ให้ผลผลิตเท่าไรครับ?”
“ผลผลิต? ในตอนนี้ก็ไม่แน่ใจนะ แต่น่าจะไม่ต่ำกว่า 100 ตัน”
เว่ยหมิงคอตก เนื่องจากเขาเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการผลิตเครื่องดื่ม เขาจึงอยากซักถามข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องดื่ม
ซึ่งถ้ามีผลผลิตเพียงแค่ 100 ตัน มันจะทำให้บริษัทขาดทุนในท้ายที่สุด ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขาไม่อยากจะเจอ
“หัวหน้าครับ พวกเราทำเครื่องดื่มอย่างอื่นนอกจากอันนี้ดีมั๊ยครับ?”
“อย่างอื่น? ทำไมต้องมีเครื่องดื่มอย่างอื่นอีก?”
“หัวหน้าครับ ผู้จัดการเว่ยน่าจะหมายถึงว่า ถ้ามีผลิตผลจำนวนน้อยเท่านี้ บริษัทเครื่องดื่มของเราจะทำกำไรได้ไม่มากพอและจะขาดทุนไปน่ะครับ” ลู่เปงเฟยพูดออกมาตรงๆ
ไม่มีอะไรที่จะต้องมามัวปิดบัง เพราะถ้าหากปล่อยไปจนกระทั่งเครื่องดื่มวางขาย ถึงตอนนั้นจะเป็นปัญหาได้
“ฮ่าๆ, คุณกังวลเรื่องนี้เองหรอกเหรอ ไม่ต้องกังวลไปหรอก คุณไม่ขาดทุนแน่นอน ตรงข้ามต่างหากเลยล่ะ เครื่องดื่มชนิดนี้จะทำกำไรให้บริษัทเราอย่างมหาศาล”
อู๋ฮ่าวเหรินก็เคยกังวลกับสิ่งนี้ แต่เมื่อจี้คำนวณต้นทุน ราคาขาย และกำไรของเครื่องดื่ม แล้วเขาก็ไม่ได้กังวลอะไรอีก
“เอาน่า พวกเราไม่จำเป็นต้องถกเรื่องนี้หรอก เดี๋ยวคุณจะเข้าใจเองตอนเครื่องดื่มนี้ถูกผลิตออกมา มาเถอะมาดูดอกกล้วยไม้สีม่วงกันเถอะ ผมคิดว่าคุณน่าจะชอบมัน”
เดินตามถนนแผ่นหินจนมาถึงใจกลางหมู่บ้าน ก่อนที่จะเดินไปตามพระอาทิตย์ ที่ไหล่เขาทางทิศใต้
หลังจากที่เดินออกมาจากหมู่บ้าน ทุกคนต่างก็ถูกดึงดูดโดยภาพที่อยู่เบื้องหน้า พอมองผ่านๆแล้ว ดูเหมือนมหาสมุทรสีม่วง ยามที่ดอกกล้วยไม้สีม่วงกำลังบานรับแสงตรงหน้า
“มันสวยมาก!”
“เหมือนอัญมณีสีม่วงเลย ถึงจะไม่ใช่จริงๆก็เถอะ”
เสียงกดชัทเตอร์ดังขึ้น มีหลายคนที่กล้องขึ้นมาและถ่ายรูปกันอย่างไว ราวกับว่าพวกเขากลับภาพที่อยู่เบื้องหน้ากำลังจะหายไปเดี๋ยวนั้น
“หัวหน้าคะ มันน่าจะไม่จำเป็นต้องตกแต่งอย่างอื่นหรอกค่ะ แค่เผยแพร่รูปถ่ายและวิดีโอก็พอแล้วค่ะ ฉันเชื่อว่าใครที่ได้เห็นภาพนี้จะต้องถูกดึงดูดด้วยภาพอันงดงามแน่นอนค่ะ” โจ้วหลานวางกล้องแล้วพูดขึ้น
ภาพนี้แหละที่สมควรแก่การประชาสัมพันธ์ ถ้าคุณมองไปที่ดอกสีม่วงพวกนี้ คุณจะได้กลิ่นเฉพาะตัวอ่อนๆของมัน ไม่เพียงแค่เพลิดเพลินไปกับภาพ แต่เหมือนทั้งร่างกายได้พักผ่อนโดยไม่ตั้งใจ
จริงๆแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินและคนในซุยฉุย ได้เคยชินกับสิ่งนี้โดยบังเอิญ เพราะพวกเขาได้มองดูดอกกล้วยไม้พวกนี้เติบโตมาโดยตลอด ทำให้พวกเขาเคยชินกับทัศนียภาพที่ยิ่งใหญ่พวกนี้เสียแล้ว
แต่ใครที่ได้เห็นดอกไม้นี้ครั้งแรก จะต้องส่งผลกระทบที่สั่นสะเทือนจิตวิญญาณภายในแน่นอน
ฉะนั้นแล้ว ทำไมจะต้องมีภาพที่สวยงามระดับตรึงใจคนหลายคนแบบนี้นี้เพียงแค่รูปเดียว
ทันทีที่ทุกคนตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ทุกคนก็เข้าสู่โหมดถ่ายรูปอย่างบ้าครั้ง แม้แต่หลิวเหมยหรู่ ผู้ที่ทำสีหน้าจริงจังอยู่เสมอ ก็แสดงสีหน้าหญิงสาวที่กำลังหลงใหลในความงามออกมา
แชะ แชะ แชะ แล้วก็แชะ
ภาพถ่ายพวกนี้ไม่จำเป็นต้องทำรีทัช เผยแพร่ทั้งแบบนี้ก็พอ
เมื่อได้เห็นรูปภาพแล้ว อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกได้เลยว่าในไม่กี่วันหลังจากนี้ หมู่บ้านซุยฉุยจะได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวกลุ่มแรกจริงๆแน่นอน
ในตอนเที่ยง พวกเขาทานอาหารที่ทำจากฟาร์มในหมู่บ้านซุยฉุย แหล่งอาหารทั้งหมดล้วนเก็บมาจากรอบๆภูเขา ปลาก็จับมาจากแม่น้ำ
หลิวหมิงเยว่และโจ้วหลาน ที่มาทำงานถ่ายรูปวัตถุดิบ ก็มีความสุขที่สุด สำหรับงานแรกแล้ว พวกเธอรู้สึกไม่มีปัญหาแต่อย่างใด
พอถึงตอนบ่าย ก็เป็นเวลากลับ แต่ก็มีกลุ่มคนที่รู้สึกไม่อยากจะกลับ
หลิวหมิงเยว่และโจ้วหลาน ที่กลับถึงที่พักของตัวเอง ก็เริ่มคัดเลือกภาพ พวกเธอคุ้นเคยกับงานถ่ายภาพและวิดีโออยู่แล้ว แต่คราวนี้พวกเธอสบายๆและไม่ต้องจำเป็นต้องตกแต่งภาพให้สวยงาม
เมื่อไรที่ภาพและวิดีโอพวกนี้ถูกเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์, พวกเธอคิดว่าผู้คนจะต้องสนใจมันอย่างแน่นอน
แน่นอนว่า พนักงานคนอื่นๆก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ และเป็นครั้งแรกที่เมื่อกลับถึงบ้านก็รีบโพสท์รูปลงบนโซเชียลเนทเวิร์คอย่างวีแชท
———————-
คอมเม้นต์