อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 155

อ่านนิยายจีนเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ตอนที่ 155 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

CF:บทที่ 155 งานแถลงข่าว
ในตอนเช้า พอมองไปที่การตกแต่งของบ้านฝั่งตรงข้ามแล้ว พวกเขาพร้อมที่จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้แล้ว
อู๋ ฮ่าวเหรินมองหลิงเหยาและถามว่า “นี่เตรียมก่อสร้างใหม่สินะ”
“ไม่ใช่หรอกน้องเขย มันเป็นแค่การตกแต่ง”
น้องเขยที่ชายคนนี้เรียกอย่างคล่องตัวถามต่อว่า “ไม่ใช่ว่านายอยากให้น้องสาวแต่งงานมานานแล้วหรอกหรือ?”
“จะเป็นไปได้ยังไง?” หลิงเหยาพูดอย่างตื่นเต้น “ถ้ามีใครกล้ามาจีบน้องสาวผมล่ะก็ ผมจะเอาปืนไปจ่อหน้าผากมันแล้วถามว่าจะเอายังไงเลยล่ะ”
“แต่นายเรียกฉันว่าน้องเขยอย่างคล่องราวกับคิดไว้แล้วเลย”
“ฮ่าๆ ยายผมบอกไว้ว่าคนอย่างคุณมีความสามารถอันยอดเยี่ยม ถ้าน้องสาวผมอยู่กับคุณล่ะก็เธอจะไม่ลำบากต่อให้รักษาเธอไม่ได้ก็ตาม”
อู๋ ฮ่าวเหรินพูดไม่ออก มันจริงที่ตัวตนของเธอในตอนนี้กับกำไรของบริษัทจะไม่ทำให้เธอต้องโศกเศร้าแน่นอน
“งั้นฉันไปก่อนนะ วันนี้ฉันต้องจัดการกับพวกนักข่าว”
“ไปเลยน้องเขย ถ้าสู้ไม่ไหวมาบอกผมเดี๋ยวผมจะไปอัดมันให้เลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดในใจว่าถ้าเขาจะอัดใคร เขาก็คงฆ่าวัวได้แล้ว มันไม่มีปัญหาอะไรทั้งนั้น
อู๋ เชิงมารออยู่แล้ว สาวน้อยสองคนนั้นก็ไม่มารบกวน ตำรวจได้เตือนพวกนักข่าวไว้แล้วว่าถ้าพวกเขามาวุ่นวายพวกเขาจะถูกจับขังสักสองสามวัน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้รับคำสั่งพิเศษมา
เมื่อเขามาถึงบริษัทก็มีมีนักข่าวรออยู่ที่หน้าประตู อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ซ่อนตัวถ้าพวกเขาอยากถ่ายรูปก็ถ่ายไป ขอแค่อย่ามาหยุดสัมภาษณ์ก็พอ
ยามเองก็ช่วยให้ความร่วมมือหยุดพวกนักข่าวที่อยากจะเข้ามาสัมภาษณ์
“นี่แหละคือยามที่บริษัทเรารับเข้ามา”
“ก็เรื่องถูกส่งมาเมื่อวาน และรายงานกับฝ่ายบุคคลแล้ว คุณไม่ได้เห็นตอนที่พวกเขาได้รู้ค่าจ้างและสวัสดิการของบริษัทเรา พวกเขาก็ตาเป็นประกายเลย”
เมื่อเขาเข้ามาในบริษัท ก็เห็นว่าตอนนี้คนหลายคนไม่อยู่ เขาไม่รู้จนกระทั่งถามพวกเขา การรับสมัครร้านค้าพิเศษได้เริ่มขึ้นแล้ว และฝ่ายบุคคลก็กำลังยุ่งอยู่กับเรื่องนี้
“ลิ่ว หมิงเยว่ เสี่ยว หลานทั้งสองคนจัดการนักข่าวเรียบร้อยแล้วรึยัง?”
“เรียบร้อยแล้ว อยู่ในหอประชุมของโรงงาน คนของเราได้ขออนุญาตผู้อำนวยการแล้ว วันนี้พวกนักข่าวต้องถามคำถามยากๆกับคุณแน่นอนระวังตัวไว้ด้วย”
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ตอบคำถามอะไรที่ไม่อยากจะตอบหรอก”
เสี่ยว หลานมองที่หัวหน้าของเธอก่อนจะถามว่า “หัวหน้า จริงรึเปล่าเรื่องการหมั้นเมื่อคืนนี้?”
เห็นสีหน้าอยากรู้อยากเห็นนั่นแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็พูดไปตรงๆว่า “จริง แต่มันก็เป็นคำสั่งจากพ่อแม่ฉันน่ะ ฉันไม่รู้อะไรเลย”
“อ้าว! แล้วจะทำยังตอนนี้”
“อย่าห่วงไปเลย เรื่องนี้มันพิเศษมากฉันจะจัดการมันด้วยตัวเอง ตอนนี้มันได้เวลาต้องไปหาพวกนักข่าวแล้ว”

ณ ขณะนี้หอประชุมเต็มไปด้วยนักข่าวจากทั่วโลก ครั้งนี้มีนักข่าวมากกว่าตอนที่แถลงการณ์เรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวะภาพบำบัดเสียอีก ณ ปัจจุบัน บริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปได้ถูกยอมรับว่าเป็นบริษัทที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ริเริ่มนวัตกรรมแปลกใหม่ที่สุด มีอิทธิพลมากที่สุด และอื่นๆอีกมากมาย
ยิ่งกว่านั้น ข่าวที่ว่าอู๋ ฮ่าวเหรินกำลังจะเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดในโลกก็ได้รับการยืนยันแล้ว และบางคนก็ได้ทำการคาดเดาอย่างคร่าวๆถึงกำไรสูงสุดของสินค้าคิดตามราคาของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวะภาพบำบัด ซึ่งชัดเจนว่าไม่ต่ำกว่าแสนล้านดอลลาร์
แน่นอนว่าพวกเขาได้คำนวณถึงค่าใช้จ่ายในการศึกษาเทคโนโลยี หรืออาจจะคิดค่าใช้จ่ายเป็นสองเท่าด้วยแล้ว
นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์บางคนก็คาดไว้ด้วยว่าถ้าอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวะภาพบำบัดนั้นเขาเป็นคนพัฒนามาด้วยตัวเองจริง เขาก็อาจจะได้รางวัลโนเบลในสาขากายภาพและการแพทย์ สองรางวัลในคราวเดียว
การมาถึงของอู๋ ฮ่าวเหรินสร้างความปั่นป่วนแต่ไม่ช้าก็ลดลง
“สวัสดี ขอต้อนรับสู่งานแถลงข่าวครั้งนี้ ผมต้องไปจัดการกับปัญหาบางอย่างเมื่อวันก่อนเลยต้องเลื่อนเวลาออกไปบ้างจนพวกคุณอดใจที่จะถามไม่ไหวเลยทีเดียว งั้นมาเริ่มกันเลยดีกว่า”
ทำใดนั้นแถวของกลุ่มนักข่าวก็ยกมือขึ้นพร้อมกับมองที่อู๋ ฮ่าวเหรินราวกับเป็นเด็กนักเรียน
นักข่าวที่ถูกเรียกโดยอู๋ ฮ่าวเหรินยืนขึ้นและพูดว่า “สวัสดีครับประธานอู๋ ผมคือนักข่าวจากสำนักข่าวด่วนในเมือง ประธานอู๋ มีสถาบันวิจัยที่แข็งแกร่งอะไรอยู่เบื้องหลังบริษัทคุณหรือไม่?”
“นั่นเป็นปัญหานะ บริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปของตอนนี้เป็นบริษัทเอกชน ทุกส่วนอยู่ในมือของผมไม่มีสถาบันวิจัยอะไรเกี่ยวข้อง แน่นอนว่าผมเคยได้รับเงินทุนจากต่างสถาบันการลงทุนของประเทศเนื่องจากปัญหาสำคัญ อย่างไรก็ตามเงินส่วนใหญ่ก็ได้นำไปลงทุนกับโครงการอื่นของผมแล้ว”
“สวัสดี ประธานอู๋ ฉันเป็นนักข่าวจากหนังสือพิมพ์อาทิตย์ ฉันอยากรู้ว่าคุณเป็นคนวิจัยอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวะภาพบำบัดทั้งหมดใช่ไหม?”
“ที่จริง นั่นก็เป็นคำถามที่ตอบได้นะ ใช่แล้ว มันเป็นงานวิจัยของผมเอง ไม่มีใครอื่นมีส่วนเกี่ยวข้องกับงานนี้”

“สวัสดี ประธานอู๋ บางคนบอกว่าเทคโนโลยีขั้นสูงแบบนี้ไม่มีทางพัฒนาได้ด้วยตัวคนเดียวแน่ นอกจากนี้สถาบันวิจัยของอเมริกาเพิ่งจะออกมาประกาศว่าเทคโนโลยีไฟฟ้าชีวะภาพบำบัดของคุณขโมยมาจากพวกเขา คุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้?”
“โอ้ ผมไม่คิดเลยว่าจะมีคนอื่นพัฒนาเทคโนโลยีไฟฟ้าชีวะภาพบำบัดด้วย พวกเขามั่นใจถึงแม้ว่าผมจะขอรับการคุ้มครองสิทธิบัตรแล้วก็ตาม ถ้าพวกเขาผลิตมัน ผมก็จะไม่ฟ้องพวกเขา เพียงเพราะว่ากำลังผลิตของบริษัทเราไม่เพียงพอกับความต้องการ พวกเขาสามารถช่วยผมแก้เรื่องความต้องการของลูกค้าได้บ้าง”
ได้ยินคำตอบแบบนี้แล้วนักข่าวหลายคนก็หัวเราะออกมา พวกเขาขอสิทธิบัตรไปแล้ว แต่อเมริกาก็เพิ่งจะกระโดดออกมาบอกว่าเทคโนโลยีของพวกเขาถูกขโมยไป ใช้เวลาตั้งนานกว่าจะออกมาประกาศได้ นี่ไม่ใช่เพื่อส่งพวกเขามาโต้แย้งหรอกหรือ?
“อย่างไรก็ตาม ฉันจำได้ว่ามีการโจรกรรมโรงงานที่ร่วมมือกับรัฐบาลเมื่อไม่นานมานี้ มันเห็นว่าเรายังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ”
ประโยคนี้ทำให้คนถามต้องรู้สึกอับอาย และนักข่าวบางคนก็ทำสีหน้าแปลกๆ
“สวัสดีค่ะ ประธานอู๋ ฉันเป็นนักข่าวจากหนังสือพิมพ์บันเทิง ฉันอยากรู้ว่าข่าวที่คุณได้คู่หมั้นที่ออกมาบนอินเตอร์เน็ตเมื่อคืนนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
“เอ่อ จะพูดว่าอย่างไรดีล่ะ? ความจริงแล้วเมื่อวานผมกลับบ้านไปก็ได้รู้ว่าการหมั้นหมายเป็นการแต่งงานที่พ่อแม่ของผมจัดการให้ แต่มันก็เป็นอะไรก็พิเศษอยู่ และถ้ามันเกี่ยวข้องกับบุคคลพิเศษ ผมก็จะตอบให้ตรงนี้เลยไม่ได้”
“สวัสดี ประธานอู๋ คุณ…”

อู๋ ฮ่าวเหรินพูดไม่ออก จู่ๆนักข่าวพวกนี้ก็ย้ายจากเรื่องธุรกิจของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปไปเรื่องส่วนตัวของเขาเสียอย่างนั้น
ก็มีคำถามที่ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวมาบ้างเป็นครั้งคราว หรือคำถามจากสื่อที่เน้นในเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
“คุณเป็นผู้ถามคนสุดท้ายแล้ว หลังจากคำถามนี้งานแถลงข่าวครั้งนี้ก็เป็นอันสิ้นสุด ถ้าพวกคุณยังมีคำถามอื่นอีก คุณสามารถไปที่หน้าถามตอบของเว็บไซต์ทางการได้ และผมจะหาเวลาตอบให้ล่ะกัน”
“สวัสดี ผมเป็นนักข่าวจากการเงินรายวัน ที่ผมอยากถามก็คือตอนนี้บริษัทคุณทำเงินได้มากขนาดไหนแล้ว”
“เป็นคำถามที่ตอบได้ยากจริงๆ ในปัจจุบัน ผมก็ไม่รู้ว่าบริษัททำเงินไปได้มากขนาดไหนแล้ว หลังจากที่เราขายสินค้าแล้วถึงจะนับตัวเลขเฉพาะได้ อย่างไรก็ตาม ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าผมจะจัดตั้งกองทุนสวัสดิการสาธารณะด้วยเงินพันล้านหยวนเพื่อช่วยเหลือผู้ที่จำเป็น”
หลังจากที่ตอบคำถามนี้แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็ออกไปข้างนอกเขาไม่อยากถูกพวกนักข่าวล้อมตัว
กลับมาในห้องทำงานของบริษัทแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็พูดว่า “จี้ ฉันควรจะเอาอะไรออกเบี่ยงความสนใจของพวกนักข่าวรึเปล่า?”
“ใช่ ฉันเพิ่งได้ข้อมูลบางอย่างมา อเมริกาได้เริ่มใช้อุปกรณ์พวกนั้นผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวะภาพบำบัดแล้ว”
“โอ้ ช่างเป็นข่าวใหญ่จริงๆ แต่มันคงต้องใช้เวลาไปอีกสักพัก นี่นายไม่ได้หมายความว่าการวิจัยของญี่ปุ่นก็คืบหน้า และพวกเขาก็เริ่มการทดลองไปแล้วใช่ไหม?”
พอเห็นข้อมูลที่จี้ให้มา อู๋ ฮ่าวเหรินก็หัวเราะและให้อาหารเรียกน้ำย่อยแก่พวกเขา ก่อนการการปฏิบัติการอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวะภาพบำบัดของอเมริกา เขาส่งเครื่องบินสอดแนมไปหลายลำและเฉลิมฉลอง
——————-

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด