อั่งเปาทะลุโลก (发个红包去未来 ) – ตอนที่ 199

อ่านนิยายจีนเรื่อง อั่งเปาทะลุโลก ตอนที่ 199 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

CF:บทที่ 199 กังฟู

เสียงกรีดร้องที่ดังขึ้นมานั้นไม่ได้มาจากใครอื่น แต่เป็นลิ่วหมิงเยว่ผู้ซึ่งออกมาจากตึกใหญ่ ซึ่งเสียงกรีดร้องของเธออย่างกับเป็นคลื่นใต้เสียงอย่างไงอย่างงั้น

ทำให้ผู้คนตื่นขึ้นมาจากภวังค์ ก่อนที่จะวิ่งไปหาอู๋ฮ่าวเหรินที่กำลังยืนดูหุ่นยนต์อยู่

“มันเป็นหุ่นยนต์จริงๆด้วย หัวหน้าสร้างหุ่นยนต์ขึ้นมาล่ะ!”

“นี่มัน, โคตรเท่ห์ไปเลย! แต่ว่าถ้าเผลอไปโดนเหยียบเข้านี่ ได้กลายเป็นมีทโลฟแน่นอน”

“เหลือเชื่อ มันช่างเหลือเชื่อจริงๆ แม้แต่หุ่นยนต์ก็ยังถูกสร้างขึ้นมาได้, ที่เขาหายเข้าไปในห้องแล็บนานๆช่วงนี้ ก็เพื่อสร้างหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมาเองหรอกเหรอ?”

เจียงเสี่ยวชวนรู้สึกตกตะลึง เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นหุ่นยนต์ที่นี่ มันเป็นหุ่นยนต์ที่เคลื่อนไหวได้คล่องแคล่ว ซึ่งรู้สึกเหมือนสมองของเขาถูกกระแทกเข้าอย่างจัง

ในความประทับใจของเขา, ดูเหมือนทางประเทศก็กำลังศึกษาวิจัยเรื่องนี้กันอยู่ ไม่สิ, ต้องบอกว่าหลายประเทศต่างก็กำลังศึกษาเรื่องนี้, แต่ทว่า สำหรับหุ่นยนต์ตัวใหญ่แบบนี้ ยังไม่มีประเทศไหนพัฒนาขึ้นมาได้สำเร็จเลย

อู๋ฮ่าวเหรินหยุดหุ่นยนต์แล้วหันกลับมามองฝูงชนที่อยู่ข้างหลังเขา

“หัวหน้าครับ คุณสร้างเจ้านี่ขึ้นมาเหรอครับ”

“จะบ้าเหรอ ของแบบนี้ถ้าไม่ได้สร้างโดยหัวหน้าแล้ว จะเป็นใครได้อีก เป็นนายรึไง, โคตรเท่ห์ไปเลยหัวหน้า ขอผมถ่ายรูปกับมันได้มั๊ยครับ?”

“หนูขอถ่ายด้วยค่ะ”

เหล่าพนักงานมองมาที่อู๋ฮ่าวเหรินด้วยความหวังว่าเขาจะยอมตกลงด้วย

มองดูบอดี้ใหญ่ยักษ์แล้วและหัวสุดเท่ห์ของหุ่นยนต์แล้ว มันช่างเหมือนหุ่นยนต์ที่อยู่ในหนังจริงๆ โดยเฉพาะภาพที่ฉายขึ้นมาบนหน้าจอจากกล้องที่ติดไว้, มันช่างยอดเยี่ยม ราวกับหลุดมาจากหนังไซไฟซักเรื่องจริงๆ

“พวกคุณถ่ายรูปได้ตามต้องการเลย ผมสร้างหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมาเอามันส์เฉยๆ ซึ่งมันก็ออกมาได้ไม่เลวนัก เดี๋ยวเอาไว้ผมทดสอบระบบฟังชั่นอื่นๆทีหลังก็ได้”

มองดูอู๋ฮ่าวเหรินที่สีหน้าไม่เปลี่ยนไป เจียงเสี่ยวชวนจึงพูดขึ้นอย่างตั้งใจ: “ประธานอู๋ เรื่องของหุ่นยนต์ตัวนี้ ผมว่าอย่าเพิ่งเผยแพร่ออกไปจะดีกว่า”

ในความคิดของเขา ของแบบนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นอาวุธทางยุทธศาสตร์ ซึ่งจะต้องถูกเก็บไว้เป็นความลับ เผยแพร่ออกไปไม่ได้

อู๋ฮ่าวเหรินมองมาที่เขา, แน่นอนว่าพอจะเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดอยู่ แล้วพูดขึ้นมาว่า: “ผมเข้าใจน่าว่าคุณต้องการจะสื่ออะไร แต่เจ้าสิ่งนี้น่ะมันไม่สร้างผลกระทบอะไรขนาดนั้นหรอกต่อให้มันถูกเผยแพร่ออกไป เมื่อก่อนก็เคยมีแบบนี้ อเมริกานั้นไม่ได้ต้องการที่จะโฆษณาอะไร เพียงแต่ตอนที่เขาสามารถวิจัยเรื่องของเครื่องบินโดรนได้นั้น ก็มีการเผยแพร่เป็นวิดีโอออกมา”

เขาชี้มาทางหุ่นยนต์และพูดขึ้น “เจ้าสิ่งนี้เองก็เผยแพร่ออกไปได้เช่นกัน,
มันไม่ใช่อะไรที่น่ากลัวขนาดนั้น มันเป็นได้แค่ ของเล่นชิ้นใหญ่ที่ดูน่ากลัวไปหน่อยเท่านั้นเอง ซึ่งจริงๆแล้วมันมีจุดอ่อนอยู่เยอะมากเลย ใช้แค่กับระเบิดต่อต้านรถถังก็พังมันได้แล้วครับ”

หุ่นยนต์ตัวนี้ยังเรียกได้ว่าห่างไกลจากหุ่นยนต์รบจริงๆที่อู๋ฮ่าวเหรินต้องการจะสร้างมาก ซึ่งหลักๆก็เป็นเรื่องของวัตถุดิบ ความคล่องตัว และเทคโนโลยี

แน่นอนว่าด้านพลังทำลายของเจ้าหุ่นยนต์ตัวนี้ก็ยังคงมีอยู่ มันเหมาะมากสำหรับการใช้รื้อถอนอาคารและเคลื่อนย้ายเครื่องจักรขนาดใหญ่

จุดประสงค์หลักของอู๋ฮ่าวเหรินที่สร้างหุ่นยนต์ตัวนี้ขึ้นมาก็เพื่อแสดงให้เห็นพัฒนาการของหุ่นยนต์และเตรียมพร้อมสำหรับการพัฒนาและวิจัยหุ่นขนาดเท่ามนุษย์ในอนาคต และอีกเหตุผลก็เพื่อเอาไว้ใช้เคลื่อนย้ายหรือถือสิ่งของ ซึ่งมันจะสะดวกกว่าการใช้เครื่องจักรทำให้

“ตะ, แต่…”

เจียงเสี่ยวชวนไม่สามารถที่จะหาเหตุผลมาทักท้วงเขาได้, เขาจะพูดอะไรได้ ในเมื่อมันเป็นผลงานวิจัยของเขา ซึ่งใครจะมีสิทธิที่จะไปทักท้วงอะไรได้

“ทำไมคุณถึงเป็นแบบนี้ล่ะคะ? พวกเราก็แค่ถ่ายรูปกัน ถึงแม้มันจะถูกโพสท์ลงบนโลกออนไลน์ออกไป, แต่ผู้คนก็คงคิดว่ามันเป็นแค่โมเดลอะไรแบบนั้น ถ้าคุณเซิร์จในอินเตอร์เนท มีรูปถ่ายโมเดลหุ่นยนต์แบบนี้เยอะแยะไปค่ะ”

เป็นพนักงานหญิงคนหนึ่งของบริษัทออกมาพูดต่อต้าน เรื่องที่คนๆนี้ออกมาห้ามไม่ให้ถ่ายรูป ซึ่งทำให้เธอทนไม่ไหว ถึงแม้เขาจะเป็นทหาร แต่ก็มาห้ามไม่ให้เธอถ่ายรูปเซลฟี่คู่กับหุ่นยนต์ไม่ได้

“ผู้กองครับ, ผมคิดว่าคุณควรจะรายงานเรื่องนี้ออกไปนะครับ ถึงแม้มันจะเป็นอะไรที่คนอื่นวิจัยก็เถอะครับ”

เจียงเสี่ยวชวน ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาจึงออกจากที่นั่นเพื่อไปรายงานเรื่องนี้

จริงๆแล้ว เขานั้นไม่จำเป็นที่จะต้องรายงานเลย เรื่องในคราวนี้ เพราะได้มีคนรายงานออกไปแล้ว เพราะมีคนมากมายที่ทางประเทศได้ส่งมาแฝงตัวอยู่ในหมู่รปภ.

จากการจับตาดูของจี้ อู๋ฮ่าวเหรินจึงรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว แต่ตราบเท่าที่พวกเขาไม่ได้ล้ำเส้นมามากเกินไป เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรกับคนพวกนี้

ในเวลานี้เอง, จู่ๆลู่เผิงเฟยก็ถามขึ้นมา “หัวหน้าครับ หุ่นยนต์ตัวนี้ทำอะไรอย่างอื่นได้นอกจากวิ่งกับกระโดดแบบเมื่อกี๊อีกมั๊ยครับ? มันสามารถแปลงร่างแบบในหนังได้มั๊ยครับ?”

“ลุงลู่ค่ะ คุณดูหนังมากไปแล้วนะคะ, ถ้ามองจากลักษณะของหุ่นตัวนี้แล้ว มันทำแบบในหนังไม่ได้หรอกค่ะ แม้แต่อาวุธก็ยังไม่ได้ถูกติดตั้งไว้เลย มันดูเหมือนหุ่นยนต์ที่ตั้งแสดงอยู่ตามงานจัดแสดงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากกว่า แค่มีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้นเองค่ะ” เด็กน้อยคนหนึ่งพูดออกมาอย่างฉะฉาน

ที่พูดออกมานั้นทำให้ลู่เผิงเฟยนั้นรู้สึกอายขึ้นมา, เมื่อสักครู่ เขานั้นตื่นเต้นมากจึงได้คิดและพูดแบบนั้นออกไป

“หุ่นยนต์ตัวนี้ไม่ได้ทำได้แค่วิ่งและกระโดดเท่านั้นหรอกน่า แต่มันยังใช้วิชากังฟูได้ด้วยนะ เดี๋ยวผมจะโชว์ให้ดูเอง”

ในเวลานี้อู๋ฮ่าวเหรินเองก็ต้องการที่จะทดลองดูว่าข้อมูลเรื่องกังฟูที่เขาใส่เข้าไปนั้นจะสามารถใช้การโดยหุ่นยนต์ได้หรือไม่

“กังฟูเหรอคะ? หัวหน้าคะมันไม่ยากเกินไปสำหรับหุ่นยนต์ตัวใหญ่ขนาดนี้ที่จะใช้ท่าเตะเหรอคะ? มันจะทำได้เหรอคะ?” โจ้วหลานมองไปที่หุ่นยนต์ยักษ์และถามอย่างสงสัย

อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้อธิบายอะไร เขากำลังใส่คำสั่งให้หุ่นยนต์อยู่

ทันใดนั้นเอง หุ่นยนต์ก็ฉีกขาออกมา อยู่ในท่ายืนม้าแบบกังฟู แล้วจากนั้นก็เริ่มชกหมัดตรงออกไป ก่อนที่จะยกเท้าขึ้นแล้วตวัดตบลงที่พื้นตรงหน้า

มองดูพื้นคอนกรีตที่อยู่ตรงใต้เท้าของหุ่นยนต์ เกิดเป็นหลุมเล็กๆขึ้นมา สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยนไปทันที และทำให้ทุกคนเข้าใจได้ในทันทีว่านี่มันไม่ใช่ของเล่นแล้ว

ถ้าพลังทำลายเช่นนี้ใช้กับผู้คนขึ้นมา คงได้ตายอย่างแน่นอน

แม้แต่พวกทหารเองยังต้องตกตะลึงกับพลังทำลายของมัน แต่หุ่นยนต์ในตอนนี้จะไม่ได้น่ากลัวถึงขนาดนั้น แต่ถ้ามันติดตั้งอาวุธหนักขึ้นมาเมื่อใด พวกเขาถูกฆ่าหมดแน่

มองดูหุ่นยนต์ที่ใหญ่และเทอะทะแบบนี้ กระโดดขึ้นจากพื้น แล้วเตะกลางอากาศได้ มันทำให้ทุกคนตกใจมาก

เมื่อหุ่นยนต์ตกลงมา พื้นซีเมนต์ก็ได้แตกพังไปหมด ดูเหมือนว่าจะต้องซ่อมพื้นตรงนี้ซะแล้ว

5 นาทีต่อมา ขณะที่หุ่นยนต์กำลังจะชกออกไปได้สักพัก มันก็เริ่มเคลื่อนไหวแปลกๆ แล้วก็หยุดนิ่งไปซะอย่างงั้น

“เอ๋, เกิดอะไรขึ้น? ทำไมมันไม่ขยับล่ะ?”

“มันไม่ขยับจริงๆด้วยแฮะ เป็นอะไรไปนะ?”

อู๋ฮ่าวเหรินมองมาที่หน้าจอแสดงข้อมูลในโน้ทบุ๊คและพูดขึ้นแบบเขินๆ “พลังงานหมดน่ะ หุ่นยนต์ตัวนี้มันต้องใช้พลังงานเยอะมาก เมื่อต้องทำท่วงท่าแบบนั้น”

เขาพบว่าจากเดิมที่คำนวณไว้ว่าจะใช้งานได้ซัก 10 นาที แต่กลับกลายเป็นว่าใช้เวลาเพียงแค่ 8 นาทีเท่านั้นก็ใช้พลังงานจนหมดเกลี้ยงแล้ว ดูเหมือนว่าถ้าปัญหาเรื่องของพลังงานยังไม่ได้ถูกแก้ไขล่ะก็ เจ้าหุ่นนี่ก็จะใช้ได้แค่ 10 นาทีเท่านั้น

“หัวหน้าครับ, หุ่นยนต์ตัวนี้จะกลายมาเป็นสินค้าของฟิวเจอร์กรุ๊ปงั้นเหรอครับ?”

“ตอนนี้ยังไม่หรอก อย่างที่ผมบอกไป หุ่นยนต์ตัวนี้ผมสร้างมาเล่นๆเท่านั้น, แต่ว่าหุ่นยนต์สำหรับใช้ในอุตสาหกรรมกับบ้านเรือนนั้น มันจะถูกวิจัยและสร้างในอนาคตนี่แหละ”

ในตอนนี้เองเจียงเสี่ยวชวนก็ได้เดินมาหาและพูดขึ้น “ท่านประธานอู๋ครับ พวกเราเข้าไปคุยกันด้านในหน่อยได้มั๊ยครับ”

“ได้สิ”

อู๋ฮ่าวเหรินปิดระบบของหุ่นยนต์และล็อคคอมพิวเตอร์ไว้ เพื่อกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมา

ทั้งสองคนเดินเข้าไปด้านในห้องแล็บ ปล่อยให้ฝูงชนยืนมองหุ่นยนต์ต่อไป

“ประธานอู๋ครับ ยังไงผมก็ยังหวังว่าคุณจะไม่เผยแพร่เรื่องนี้ออกไป แล้วก็แผนกวิจัยของประเทศซึ่งกำลังวิจัยเรื่องหุ่นยนต์กันอยู่เหมือนกัน ต้องการที่จะเชิญคุณมาดูการวิจัยที่ผ่านมาของพวกเขา ซึ่งคิดว่าคุณอาจจะสนใจน่ะครับ”

“โอ้, ทางประเทศเองก็วิจัยหุ่นยนต์เหมือนกันเหรอครับ เขาวิจัยกันไปถึงไหนกันแล้วล่ะครับ”

“ผมเองก็ไม่มั่นใจเรื่องนี้เหมือนกัน แต่ผมเพิ่งได้ยินมาว่าเพิ่งจะมีการค้นพบครั้งใหญ่เมื่อเร็วๆนี้เอง ดูเหมือนว่าส่วนหนึ่งจะมาจากความดีความชอบของท่านประธานอู๋ด้วย”

อู๋ฮ่าวเหรินนั้นรู้อยู่แล้วว่าพวกเขานั้นกำลังวิจัยเรื่องหุ่นยนต์กันอยู่ แต่คงยังติดในเรื่องของระบบควบคุม และการค้นพบเรื่องของ A.I.นั้น ทำให้พวกเขาสามารถสร้างตัวควบคุมขึ้นมาได้

“เอาสิ, ผมเองก็อยากจะไปเห็นเหมือนกัน ขอผมชมเทคโนโลยีของประเทศนี้ในด้านนี้หน่อยเถอะ บางทีผมอาจจะเอามาปรับใช้อะไรได้”

“ถ้าอย่างงั้นประธานอู๋ครับ, ได้โปรดเตรียมตัวให้พร้อม แจ้งกลับไปยังครอบครัวให้เรียบร้อย แล้วอีกสักครู่จะมีคนมารับคุณไปที่สถาบันวิจัยครับ”

อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่คิดว่าจะต้องไปเดี๋ยวนี้เลย เขาจึงได้รีบไปอธิบายและฝากงานต่างๆให้พนักงานในบริษัท
————————

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด