I Found A Planet – ตอนที่ 2 ฉันค้นพบเศษโลหะปริศนา
ตอนที่ 2 : ฉันค้นพบเศษโลหะปริศนา
3 วันต่อมา ของที่เฉินจินซื้อก็มาถึงและถูกวางกองไว้บนพื้น
“วันนี้ฉันจะไปที่นั่นเพื่อสำรวจ”
เขาลองกระทุ้งประตูมิติในห้องน้ำดูเมื่อสองสามวันก่อน ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาไม่ได้เล่นเกมและไม่ได้ดูการ์ตูนช่องโปรดแม้แต่ตอนเดียว จากที่เคยเป็นคนติดบ้านตอนนี้ความคิดเหล่านั้นได้หายไปแล้ว หากไม่ใช่เพราะเขากำลังคำนึงถึงความปลอดภัย เขาคงจะรีบข้ามไปสู่โลกใหม่เสียทันที
ซึ่งตอนนี้อุปกรณ์ที่จำเป็นทั้งหมดก็มีครบแล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือใส่ชุดคลุมศีรษะที่สำคัญที่สุดมันจะช่วยป้องกันรังสีที่เป็นอันตรายได้ ชุดนี้ค่อนข้างหนักและอึดอัด ยังมีหน้ากากกันฝุ่นที่ดูน่าเกลียดเหมือนจมูกหมู แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ใส่ชุดนี้ หลุมอุกกาบาตที่เขาเคยเห็นอยู่หลังประตู ทำให้เขานึกถึงการระเบิดของนิวเคลียร์ซึ่งเกี่ยวข้องกับการแผ่รังสีนิวเคลียร์ ที่น่ากลัวมาก มันทำให้คนต้องทนทุกข์ทรมานจากโรคมะเร็งต่างๆ เมื่อรังสีสะสมในร่างกายมากเกินไป ความตายจะเกิดขึ้นแน่นอน 100%!
นอกจากต้องป้องกันตัวเองจากรังสีแล้ว เขายังต้องดูว่าอากาศในนั้นมีสารพิษหรือไวรัสร้ายแรงหรือไม่ อย่างไรก็ตามเขาต้องระมัดระวังและรอบคอบ ความไม่ประมาทจะนำเขาไปสู่ “ความสำเร็จ” นั่นคือข้อสรุปที่เฉินจินได้มาหลังจากการเล่นเกมส์เป็นเวลาหลายปี
หลังจากใส่ชุดคลุมศีรษะและหน้ากากกันฝุ่น เฉินจินใส่ของที่จำเป็นเพื่อที่จะผ่านประตูไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นเต็นท์, กระเป๋าเป้สะพายหลังขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยของว่าง น้ำแร่และเครื่องมือที่วางไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลังขนาดเล็กอีกสองใบถูกยัดเข้าไปในประตูมิติ
จากนั้นเขาจึงใช้เชือกนิรภัยยาวประมาณ 5 เมตร ปลายด้านหนึ่งมัดติดอยู่กับขาหยั่งในห้องนอน ขาหยั่งนั้นอยู่ระหว่างส่วนบนของกำแพงห้องน้ำทั้ง2ด้าน ปลายอีกด้านของเชือกนิรภัยยืดออกไปทางประตูและแขวนห้อยลงมาจากความสูงประมาณ 3 เมตรจากพื้นดิน มันไม่สูงมากนัก เขาต้องใช้เชือกเพื่อรองรับตัวเขาในการกลับออกมาจากประตูมิติได้อย่างราบรื่น
ในความจริงแล้วเขายังซื้อบันไดโลหะ เอ–เฟรม ที่พับได้ขนาด 3 เมตรทางออนไลน์ แต่มันมาไม่ถึง ทำให้เขาต้องใช้เชือกนิรภัยไปก่อน
“ไปกันเถอะ!”
เขาจับเชือกนิรภัยไว้ในมือทั้งสองข้างพร้อมกับร่างกายของเขาสั่นสะท้านสั่นเล็กน้อย เขาเหยียบลงบนโถชักโครกแล้วก้าวขาผ่านประตูมิติ ตามด้วยก้นและเอว ในที่สุดสิ่งที่เขารอคอยมาหลายวันก็เกิดขึ้น ใจกลางของแรงโน้มถ่วงกระแสพลังจากอีกโลกหนึ่งได้ดึงตัวเขาทะลุผ่านไป เขารู้สึกว่าตัวเองล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมายจนกระทั่งประตูมิติได้ปิดตัวลง
…
ณ โลกใหม่
ทิวทัศน์ของท้องฟ้าที่ปกคลุมในมุมกว้าง ร่างกายของเฉินจินอยู่ในโลกนี้เป็นครั้งแรก เขาหยิบเครื่องมือวัดออกมาจากกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาและทำแบบสำรวจเกี่ยวกับสภาพแวดล้อมทางกายภาพ
“แรงโน้มถ่วงมีค่า 9.81 โดยพื้นฐานแล้วใกล้เคียงกับโลก ความแรงของรังสีนิวเคลียร์มีอัตราวัด เท่ากับ 15.6 ไมโครซีเวิร์ตซึ่งเท่ากับ 10 เท่าของโลก โห! โลกนี้เป็นโลกหลังสงครามนิวเคลียร์อันยิ่งใหญ่ !”
แต่ความแรงของรังสีนี้ไม่ถือว่าสูงมาก มันจะไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากเกินไปต่อร่างกายมนุษย์ มันจะเป็นอันตรายเฉพาะในกรณีที่ร่างกายได้รับปริมาณรวมกว่า 100 มิลลิซีเวิร์ต ในช่วงเวลาสั้น ๆ และ 100 มิลลิซีเวิร์ต เท่ากับ 100,000 ไมโครซีเวิร์ต ซึ่งหากรังสีนี้เพิ่มขึ้น 17.5 เท่าถึงจะเป็นอันตรายต่อเขา
ดังนั้นเขาสามารถถอดชุดป้องกันออกได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยเขาตัดสินใจที่จะไม่ถอดมันออก การแผ่รังสีของบริเวณนี้อยู่ในขีดจำกัดความปลอดภัย แต่หากเป็นที่อื่นล่ะ? จะเป็นอย่างไรถ้าที่อื่นมีรังสีที่อันตรายต่อตัวเขา นั่นจะทำให้เขาเป็นอันตรายได้
“ออกซิเจนคิดเป็น 19% ของอากาศอยู่ในระดับล่างสุดของมาตรฐานปกติ … คาร์บอนไดออกไซด์ 0.12% ซึ่งเป็น 3 เท่าของโลกที่ปรากฏการณ์เรือนกระจกอยู่ในระดับวิกฤต! ระดับจุลินทรีย์ในอากาศกระจัดกระจายไปทั่ว มีความชื้นอยู่ที่15% สภาพอากาศส่วนใหญ่ดูแล้วค่อนข้างแห้งแล้ง “
หลังจากดำเนินการทดสอบข้อมูลต่าง ๆ แล้วเฉินจินก็ได้ข้อสรุปว่า เขาสามารถอยู่รอดได้ ภายใต้สถานการณ์ปกติ สถานการณ์ที่คนๆหนึ่งจะตายอย่างกระทันหันจะไม่เกิดขึ้น อย่างแน่นอน แต่ก่อนที่เขาจะสรุปได้ทั้งหมดว่าโลกนี้ปลอดภัยอย่างแท้จริง เฉินจินยังต้องสำรวจพื้นที่โดยรอบว่าปลอดภัยเช่นกัน เขารู้สึกว่านี่อาจเป็นการตัดสินใจที่เร็วไปหน่อย เขาต้องสำรวจดูว่าไม่มีสัตว์ขนาดใหญ่ที่เป็นอันตรายหรืออาจมีภัยคุกคามต่างๆที่เขาอาจไม่เคยเจอมาก่อนก็เป็นได้
เขาหยิบไม้เบสบอลและมีดพกออกมา เพื่อป้องกันอัตรายหากเขาพบกับสัตว์ประหลาดและสิ่งที่ทรงพลังมากเกินกว่าที่เขาจะสู้ไหว เขาตัดสินใจว่าจะรีบวิ่ง! ออกไปทันที สำหรับตอนนี้ชีวิตเขาสำคัญที่สุด
การสำรวจพื้นที่ของเขาเฉินจินวางแผนที่จะสำรวจบริเวณรอบนอกก่อน
“ปล่องภูเขาไฟนี่ ลาวาถูกหลอมละลายไปหมดแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องสำรวจอีก ลองไปดูบริเวณรอบนอกดีกว่า… .. “
ละแล้วปัญหาแรกก็เกิดขึ้น ปากปล่องภูเขาไฟนี้มีขนาดค่อนข้างใหญ่และตอนนี้เขาอยู่ในใจกลางปล่องนั้น หากต้องการที่จะเดินออกจากปล่องภูเขาไฟไปยังบริเวณรอบนอกเขาจะต้องเดินอย่างน้อย 4 ถึง 5 กิโลเมตร นั่นไม่ใช่ระยะทางสั้นๆ ใช้ความเร็วเดินปกติก็จะใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง
แต่นั่นมันก็ไกลมากเขาควรจะไปไหม?
เฉินจินนึกถึงสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า รุ่นวินรันเนอร์ของเขา เขาซื้อมาในราคา 5,000 หยวน มันมีความเร็วสูงสุด 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมงและสามารถเดินทางได้ 120 กิโลเมตร
“ฉันควรเอาวินรันเนอร์ มาด้วยเหรอนี่?”
เขาเงยหน้าขึ้นและดูที่เชือกนิรภัยที่ห้อยอยู่เหนือหัวเขาจากประตูมิติ
“ลืมไปเถอะ ฉันจะเอาวินรันเนอร์มาพรุ่งนี้ละกัน”
ว่าแล้วก็ห้อยกระเป๋าเป้เล็กๆไว้บนไม้เท้า เขาออกเดินทางไปอย่างเชื่องช้าและว่างเปล่า การเดิน 5 กิโลเมตรของเขาใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม นอกจากนี้เขายังต้องปีนขึ้นไปบนเนินเขาสูง ทำให้เขารู้สึกเหนื่อยหอบเป็นอย่างมาก
ที่บริเวณรอบนอก เขาปีนออกมาจากหลุมที่ไม่สม่ำเสมอ เฉินจินยืนอยู่บนที่จะเห็นบริเวณโดยรอบ มองเห็นหลุมที่ว่างเปล่าและมองไปยังปากปล่องภูเขาไฟซึ่งมีขนาดใหญ่มากเท่าที่จะมองเห็นผ่านดวงตาได้
“นี่เป็นผลมาจากการระเบิดของนิวเคลียร์อย่างน้อย 5,000,000 ตัน!”
หันกลับมาอีกครั้งเขามองไปรอบๆหลุม เมื่อมองดูทิวทัศน์เบื้องหน้า เฉินจินเกิดความรู้สึกเปล่าเปลี่ยวกับสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า นอกเหนือจากทะเลทรายที่ปกคลุมด้วยหินและท้องฟ้าประปรายก็ไม่มีร่องรอยของการมีอยู่ของสัตว์หรือพืชใดๆ สิ่งที่หูของเขาได้ยินมีเพียงแต่เสียงหวีดของลมที่ค่อนข้างชัดเจนกว่าที่ก้นปล่องภูเขาไฟ แต่บางครั้งมันก็พัดแรงเสียจนเขาแทบยืนไม่ไหว
เฉินจินตัดสินใจเดินหน้าต่อและสำรวจระยะทางไกลขึ้น โดยตั้งใจว่าจะไม่ไปไกลเกินไปและดูว่าเขาจะสามารถหาของที่คุ้มค่าจากโลกนี้ได้หรือไม่ เขาก้มหัวลงมองที่พื้น
จากการมองเห็นแค่สีดำและสีขาวผ่านแว่นตากันลม เขาเห็นหินก้อนใหญ่และก้อนเล็ก ทุกอย่างเป็นหินทั้งหมด เขาแทบจะไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหิน เขารู้สึกว่านี่เป็นฉากที่น่าเบื่อที่สุด
หลังจากเดินไปข้างหน้าประมาณ 1 กิโลเมตร เฉินจินตัดสินใจที่จะหันหลังกลับเพราะเขาคิดว่าไม่พบสิ่งใดมีค่า เขายกข้อมือและดูเวลาบนนาฬิกากันน้ำของเขา เขาเห็นว่าอีก2 ชั่วโมงจะเป็นเวลาค่ำแล้วจะต้องรีบกลับ
ทันใดนั้นจากตาของเฉินจินเหลือบเห็นแสงจากแหล่งโลหะ
“นั่นคืออะไร?”
เขาเดินไปหาแสงที่กระทบกับตาของเขาอย่างว่องไว หลังจากเดินไปประมาณ 15 เมตรเขาพบเศษโลหะอยู่ตรงกลางระหว่างกองหิน เศษโลหะนี้ดูเหมือนจะทำจากส่วนประกอบเหล็กบางชนิด
เฉินจินใช้พลังทั้งหมดของเขาถูและบีบมันถึงสองสามครั้ง แต่ก็ไม่เกิดผล เศษโลหะชิ้นนี้มีรูปร่างที่แปลกตามาก มีส่วนโค้งของระลอกคลื่นและมีลักษณะคล้ายอะมีบา จากการใช้อุปกรณ์ตรวจวัดรังสีวัดระดับรังสีของโลหะชนิดนี้พบว่าตัวเลขนั้นไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีเศษกัมมันตภาพรังสีใดๆในวัตถุชิ้นนี้
ดังนั้นเฉินจินเก็บเศษโลหะไว้ในกระเป๋าด้านข้างของเขา เขาตัดสินใจกลับไปที่ด้านล่างของปล่องภูเขาไฟแล้วก็ถอดชุดป้องกันที่น่าอึดอัดออก หลังจากพับมันแล้วก็โยนชุดเก็บเข้าไปในเต็นท์กันลมและกันฝน พร้อมกับของใช้อื่นๆ ไว้ในพื้นที่สำหรับกางเต็นท์เล็กๆไว้ ชั่วคราว
สุดท้ายหลังจากสวมเสื้อผ้าปกติเขาก็คว้าเชือกนิรภัยมาจับด้วยมือทั้งสองไว้ ใช้หัวเข็มขัดกีฬาที่ผูกไว้รอบเอวของเขา ดึงตัวเองกลับมาที่ห้องด้วยความพยายามเพียงเล็กน้อย
คอมเม้นต์