I Found A Planet – ตอนที่ 37
37 อ้อนวอน
ตอนนี้เฉินจินได้ที่ตั้งและทำเลที่เหมาะสมจะขายเครื่องประดับแล้ว ต่อไปก็เป็นเรื่องของเอกสารการจดทะเบียนที่เขาต้องทำให้มันถูกกฏหมาย ซึ่งใบอนุญาตที่จำเป็นต้องมีนั้นแบ่งออกเป็น 2 ใบ คือ ใบที่หนึ่งต้องมาจากสำนักบริหารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ และใบที่สองคือใบอนุญาตจากสำนักงานภาษี
เฉินจินเองก็วางแผนว่าจะเดินทางไปติดต่อทั้งสองสำนักงานภายในวันเดียวกัน และพยายามที่จะเร่งทั้งสองสำนักงานให้ออกใบอนุญาตให้เขาโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ทันใดนั้นเฉินจินก็คิดขึ้นมาได้ว่ามันมีปัญหาเล็กๆอยู่ นั้นก็คือแม่ของเขาเอง เฉาหลี่ทำงานอยู่ที่สำนักงานภาษี…ซึ่งมีอำนาจในการดูแลธุรกิจเครื่องประดับที่เฉินจินกำลังจะทำ ซึ่งหมายความว่าการได้รับใบอนุญาตที่เขาต้องการเขาจะต้องผ่านสายตาแม่ของเขาเอง
ในเรื่องนี้มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก ความจริงแล้วเฉินจินไม่ได้วางแผนจะบอกเรื่องการตั้งร้านขายเครื่องประดับให้กับพ่อและแม่ของเขารู้ เพราะเขาต้องการทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว ซึ่งเฉินจินค่อนข้างกังวลกับเรื่องนี้มาก เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าครอบครัวของเฉินจินทำเหมือนเฉินจินเป็นลูกแหง่ มันพิสูจน์ได้จากการที่เฉินจินหายไปจากบ้านสองวันที่แล้วเฉาหลี่ผู้เป็นแม่แทบจะอกแตกตายตอนที่ติดต่อเขาไม่ได้
มันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดเท่าไรที่แม่จะแสดงความหวังดีกับลูกและแสดงความเป็นห่วงเป็นใย แต่ในทางกลับกันก็หมายความว่าสำหรับเฉาหลี่ เธอยังมองว่าเฉินจินยังเป็นเด็กอยู่เสมอ เด็กน้อยที่ไม่ยอมโต อย่างไรก็ตามในฐานะพ่อแม่เขาพวกเขาย่อมที่จะหาสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกของพวกเขาอยู่แล้ว
แต่พวกเขาลืมคิดไปว่าเฉินจินไม่ใช้เด็กอีกต่อไป! เฉินจินเติบโตขึ้นพร้อมกับความทะเยอทะยานและความรับผิดชอบ เฉินจินจะไม่ยอมให้ใครมาแทรกแซงธุรกิจของเขาเด็ดขาด เพราะเขารู้ดีว่าเขาสามารถทำมันด้วยตนเองได้และจะออกมาสมบูรณ์แบบโดยไม่ต้องการรับความช่วยเหลือจากใครเลย
อย่างไรก็ตามเฉินจินก็ได้เช่าอาคารในการจัดตั้งร้านเครื่องประดับแล้ว ไม่มีการหลบหนีความจริงที่ว่าเขาต้องจัดการกับใบอนุญาตโดยต้องผ่านมือแม่ของเขาก่อน นอกจากนี้พ่อแม่ของเขาคงกำลังจะรู้เรื่องเกี่ยวกับร้านเครื่องประดับของเขา แต่ถึงอย่างไรเฉินจินก็เต็มไปด้วยมุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจนี้ต่อไป
“ฉันน่าจะบอกแม่เลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เผื่อว่าแม่อาจจะช่วยเดินเรื่องในการขอใบอนุญาตได้เร็วมากยิ่งขึ้น” ด้วยเหตุนี้เฉินจินจึงตัดสินใจบ้างอย่าง
ในช่วงอาหารเย็นเฉินจินบอกพ่อและแม่ของเขาเกี่ยวกับธุรกิจเครื่องประดับและพยายามพูดอ้อมว่าเขาได้ทำการเช่าอาคารเป็นที่เรียบร้อยแล้วไอรีนโนเวล
“อะไรนะ!? ลูกพูดว่าลูกเริ่มร้านขายเครื่องประดับอย่างงั้นหรอ” เฉาหลี่วางตะเกียบลงและมองดูลูกชาย เนื่องจากเธอไม่ค่อยเชื่อว่าเฉินจินจะทำเช่นนั้น “ เมื่อไม่นานมานี้ลูกพึงบอกว่าลูกอยากจะเข้าไปทำธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการผลิตชิ้นสวนไฮเทคและหุ่นยนต์? ทำไมลูกถึงสนใจขายเครื่องประดับในตอนนี้ล่ะ”
“ ตอนนี้ผมยังมีเงินไม่มากพอ เอาจริงๆแล้วการจะเข้าการทำธุรกิจด้านอุตสาหกรรมไฮเทคนั้นมันค่อนข้างยากและต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมหาศาล ผมเลยตัดสินใจที่จะทำธุรกิจขายเครื่องประดับไปก่อน “เฉินจินกล่าวขณะที่เขายิ้มอยู่ในใจ
“ ถึงยังไงก็ตามมันก็ยังต้องใช้เงินหลานแสนหยวนอยู่ดี ลูกมีเงินมากขนาดนั้นเลยหรอ?” เฉาหลี่เธอจ้องไปที่เฉินจินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย เพราะเธอทำงานในสำนักงานภาษีมานานทำให้เธอผ่านธุรกิจมาหลายประเภท และธุรกิจเครื่องประดับเป็นหนึ่งในธุรกิจหนึ่งที่มีการแข่งขันสูงมากและใช้เม็ดเงินในการลงทุนมหาศาลเช่นกัน
“ ตอนนี้เงินไม่ใช่ปัญหาสำหรับผมครับ ผมมีเงินพอที่จะตั้งร้านขึ้นมาได้ แต่สิ่งที่ผมต้องการคือใบอนุญาตและอยากให้แม่ช่วยผมเกี่ยวกับเรื่องนี้ที่ … ”
เฉาหลี่รีบพูดตัดบททันที่ “ ลูก ลูกไปเอาเงินมาจากที่ไหน แม้แต่ร้านเครื่องประดับเล็กๆแถวๆบ้านนอก ยังต้องมีค่าใช้จ่ายในการเช่าอาคารถึงอย่างน้อยเจ็ดหมื่นหยวน และย่านกลางเมืองเช่นนี้ คงต้องใช้เงินหลายแสนในการเช่าที่เลยนะ! ลูกต้องบอกความจริงกับแม่มา. ลูกเอาเงินพวกนี้มาจากไหน?”ไอรีนโนเวล
“ จริงๆเงินส่วนหนึ่งก็เป็นของผมแต่บางส่วนผมก็ยืมมาจากเพื่อน พอเถอะไม่ต้องถามคำถามนี้แล้วนะ” เฉินจินเริ่มรู้สึกรำคาญเล็กน้อยจากคำถามทั้งหมด เพราะเฉาหลี่นั้นเป็นแม่คนและค่อนข้างจู้จี้จุกจิก ชอบถามคำถามมากมายเพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะไม่ถูกหลอก
“ ลูกต้องบอกแม่ก่อน! ลูกไปเอาเงินจากที่ไหนมา? และจากใครด้วย? อย่าคิดแม้แต่จะยืมเงินนอกระบบมาเลยนะ ถึงแม้ว่าเงินนอกระบบมันจะยืมออกมาง่าย แต่ลูกอาจจะต้องเป็นหนีไปตลอดชีวิต! ถ้าลูกต้องการปิดหนี้แม่จะให้เงินลูกไปปิดหนี้เดียวนี้เลย!” ในตอนนี้เฉาหลี่โยนคำถามมากมายให้กับเฉินจิน เพราะนี้เป็นครั้งแรกที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอเริ่มต้นทำธุรกิจ เธอจึงเป็นห่วงเขาเอามากๆ
“ ผมบอกแม่แล้วไง ผมยืมเงินพวกนี้มาจากเพื่อนมันก็เป็นไงแค่ไม่เท่าไรเองประมาณ 20,000 หยวน ผมเองอยากทำธุรกิจนี้ด้วยตัวเองจริงๆ ไม่อยากจะพึงพ่อพึงแม่แล้วในตอนนี้ ถ้ามันเกิดข้อผิดพลาดอะไรจริงผมจะจัดการเรื่องนี้เอง พ่อกับแม่ไม่ต้องเป็นห่วงผม!” เฉินจินแสดงสีหน้าและแววตาที่จริงจังเป็นอย่างมาก เพราะในบางที่การที่มีแม่ที่นิสัยเช่นเฉาหลี่ก็ทำให้เขารู้สึกปวดหัวมากในบางครั้ง
“ ตอนนี้ โอเคจริงๆหรอ…” เฉาหลี่หยุดถามในทันทีเมื่อเห็นลูกชายของเธอแสดงสีหน้าที่จริงจังออกมา แต่ถึงกระนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามเรื่องอื่นๆเพิ่ม “เฉินจิน ถ้าลูกมีปัญหาเกี่ยวกับเงินจริงๆ ถ้ามันไม่เกิน 750,000 หยวนแม่สามารถโอนให้ลูกได้เลยนะ”
เฉินจินเงยหน้าขึ้น “แม่ครับ ผมบอกก่อนเลยนะว่าตอนนี้ผมขาดใบอนุญาตทำธุรกิจอีกสองใบและผมต้องการให้แม่ช่วยเรื่องนี้ตั้งหาก”
“อย่างงั้นหรอ ได้สิ. แม่จะช่วยลูกเอง” มันง่ายมากสำหรับเฉาหลี่ ในความเป็นจริงเฉาหลี่ก็แค่สั่งลูกน้องในสำนักงานของเธอให้ออกใบอนุญาตให้ นอกนั้นลูกน้องของเธอจะดำเนินการทุกขั้นตอนให้ทันที นอกจากนี้เธอยังมีเส้นสายในสำนักบริหารอุตสาหกรรมและการพาณิชย์ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เฉินจินจะได้รับใบอนุญาตภายในครึ่งวันถ้าเทียบกับผู้ขอออกใบอนุญาตคนอื่นจะต้องมาทำเรื่องไม่น้อยกว่า 3 วัน !
“ขอบคุณครับแม่!” เฉินจินรู้สึกดีมาก มันไม่ใช่ความคิดที่แย่เลยที่ตัดสินใจมาพึงแม่ของเขาตั้งแต่แรก!
“ แม่ทำได้ทุกอย่างสำหรับลูก” เฉาหลี่ยิ้มเมื่อเธอส่ายหัว จากนั้นเธอหันไปดูสามีของเธอเฉินกังและพูดว่า“ ตาเฒ่า ลูกของคุณกำลังจะทำธุรกิจ เขาจะเปิดร้านขายเครื่องประดับ”
อย่างไรก็ตามด้วยเหตุผลบางอย่างเฉินกังดูเหมือนจะไม่ได้ให้ความสนใจกับสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น เขากลับจ้องที่นาฬิกาบนข้อมือซ้ายแทน ต้อนนี้เฉินกังดูกระวนกระวายเหมือนมีเรื่องบางอย่างอยู่ภายในใจและก็เป็นเช่นนี้มาหลายวันแล้ว เขาแทบจะไม่ได้ยินคำพูดของเฉาหลี่และเฉินจินเลย เขาเอาแต่จ้องนาฬิกาตลอดเวลา; มันเหมือนว่าเขาไม่ได้ให้คนสนใจกับลูกและภรรยาของเลย:“ ไม่มีทาง…เป็นไปไม่ได้”
“ เฮ้ พี่เฉิน! ฉันกำลังพูดกับคุณอยู่นะ!”
เฉาหลี่เอาข้อศอกของเธอสะกิดเขา เห็นได้ชัดว่าการทำตัวแปลกๆของเฉินกังทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจเอามากๆไอรีนโนเวล
“ โอ้วววววว” การสะกิดของเฉาหลี่ทำให้เฉินกังรู้สึกตัวในทันที เขาปรับแว่นตาบนจมูกของเขาแล้วพูดอย่างเฉื่อยชา “ตะกี้พูดอะไรกันหรอ?”
เฉาหลี่เหลียวมองเขา และบอกเขาเกี่ยวกับร้านขายเครื่องประดับที่เฉินจินกำลังจะทำ
“ ร้านขายเครื่องประดับเหรอ?” เฉินกังมองลูกชายของเขาอย่างสงสัย “ เดี๋ยวก่อนลูกไม่ได้บอกว่าลูกต้องการทำธรุกิจพวกหุ้นยนต์หรืออะไรที่เป็นทำนองเรื่องปัญญาประดิษฐ์อะไรแบบนั้นเหรอ? แล้วลูกมาขายตัดสินใจขายเครื่องประดับได้ยังไงกัน?”
“ ครับ ตอนนี้ผมต้องหาเงินเพื่อเป็นต้นทุนก่อน หากไม่มีเงินผมจะไม่สามารถตั้งโรงงานเกี่ยวอุปกรณ์ไฮเทคได้แน่ๆ”
เฉินกังตกใจ เขาพยักหน้าและเห็นด้วยกับลูกชายของเขา “คิดได้ดี. ทำได้ดีมากไอ้ลูกชาย พยายามติดตามงานและรายได้มันจะมาเอง!” เขาคิดว่าแผนของเฉินจินค่อนข้างน่าเชื่อถือดังนั้นเฉินกังจึงให้การสนับสนุนเฉินจิน
แต่แล้วเขาก็จำบางสิ่งได้และถามลูกชายของเขา “ เฉินจิน ลูกเคยพูดว่าลูกได้ซื้อนาฬิกาเรือนนี้มาจากไหนนะ” เฉินกังแสดงนาฬิกาให้เฉินจินดู
“ อ่าวผมยังไม่ได้บอกพ่อหรอ? มันเป็นนาฬิการาคา 12 หยวนตามข้างทาง” เฉินจินเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง พ่อของเขาถามคำถามเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำอีก และเขาก็เคยตอบไปแล้ว
“ร้านมันตั้งอยู่ตรงไหนนะ ลูกพาพ่อไปจะได้ไหม”
“ผมเองไม่รู้จะบอกพ่อยังไงดี คนขายจะย้ายร้านไปเรื่อยๆไม่อยู่เป็นที่เป็นทาง และยิ่งเป็นเมืองใหญ่ๆอย่างเซี่ยงไหแล้ยนั้นมันก็ยากหน่อยที่จะหาเจอ?” เฉินจินอธิบายขณะที่เขากางมือ
“ เอาล่ะ…” เฉินกังส่ายหัวด้วยความหงุดหงิด ดวงตาของเขาจ้องเขม็งไปอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเฉินกังกำลังปิดบังบางอย่าง เขาเริ่มคิดในใจว่า ตอนนี้ฉันต้องแก้ไขปริศนานี้ด้วยตัวเองสินะราคา 12 หยวนอย่างงั้นหรอ!
คอมเม้นต์