I Found A Planet – ตอนที่ 40
40 พิสูจน์ความจริง
ณ ตอนนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่านาฬิกาต่างดาวที่เฉินจินนำกลับมาจากดาวไฮเออร์แอลฟานั้นมีมูลค้าขนาดไหน นาฬิกาเหล่านี้ถูกตีราคาขึ้นมาจากความแม่นยำ เที่ยงตรงและความก้าวล้ำของเทคโนโลยีที่ใช้ อีกทั้งมันสำคัญอย่างมากในการช่วยเป็นข้อมูลอ้างอิงสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศจีนตอนนี้ เนื่องจากมันอาจจะมีประโยชน์ได้อย่างมากในอนาคตและยิ่งไปกว่านั้นมันอาจจะยังสามารถทำงานได้ในอวกาศในตอนที่นักบินอวกาศต้องเดินทางไปยังดวงจันทร์ โดยนาฬิกาต่างดาวเรือนนี้มันให้ข้อมูลเวลาที่แม่นยำสูง อีกทั้งถ้ามันถูกผลิตขึ้นจริงในโลกยุคปัจจุบันมันจะช่วยให้ผู้คนที่ชอบทำกิจกรรมยามแจ้งสามารถดูนาฬิกาได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกระวนว่าถ่านนาฬิกาจะหมดหรือเวลาอาจคลาดเคลื่อน
นอกเหนือจากประโยชน์เหล่านี้แล้วนาฬิกาเรือนนี้ยังสามารถบอกทิศทางหากเกิดการผลัดลง ในยามที่มีแสงแดดนาฬิกานั้นจะมีเข็มทิศเพิ่มขึ้นมา และเข็มจะชี้ไปยังตัวเลขที่คำนวณจากแสงของดวงอาทิตย์และกำหนดทิศทางไปที่เลข 12 ซึ่งเปรียบได้กับเข็มที่พุ่งตรงไปทิศเหนือของเข็มทิศในปัจจุบัน
เราสามารถคำนวณละติจูดและลองจิจูดของตำแหน่งที่เราอยู่ปัจจุบันด้วยสูตรเฉพาะหากนาฬิกาของเรามีเวลาที่แม่นยำ จากทฤษฎีเดียวกันนี้มันก็ทำให้นาฬิกาของเรามีการทำงานคล้ายกับ GPS ที่ใช้กันในอเมริกา หรือ ในประเทศจีนก็ใช้ BPS พูดโดยย่อๆก็คือ เวลาบนนาฬิกาสามารถใช้ในการคำนวณข้อมูลทุกชนิดได้อย่างถูกต้องแม่นยำ
ฉันคงไม่สามารถเรียกมันว่าเป็นสินค้าฟุ่มเฟือยได้อีกแล้ว เพราะมันไม่ได้ใส่เอาไว้เทเฉยๆ แต่มันกลับกลายเป็นอุปกรณ์ที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก
และอย่างที่เขาคาดไว้นาฬิกาต่างดาวพวกนี้ส่วนใหญ่ที่ที่เขากองรวมกันกับเครื่องประดับก็มีกลไกการทำระดับอะตอมมิคด้วยกันทังนั้น
“ ขอบคุณพระเจ้าที่มันหลุดมาแค่เรือนเดียว…ไม่สิ!” ทันใดนั้นเฉินจินก็ดูหวาดกลัวขึ้นมา
อึ! ฉันคิดว่ามันมีมากกว่าหนึ่งเรือน นอกเหนือจากที่ฉันที่เอานาฬิกาเรือนนี้ให้กับพ่อ มันยังถูกขายไปอีกหลายเรือนเลย แต่นาฬิกาพวกนั้นมันเป็นนาฬิกาที่ฝั่งทองและเพชรที่ฉันขายพวกมันให้กับร้านขายเครื่องประดับ ในบรรดาพวกมันทั้งหมดมีหนึ่ง เรือนที่มีทับทิมสีฟ้าเม็ดใหญ่อยู่ตรงขอบตัวเรือน ที่ฉันขายให้กับร้านโซเธบี้ในราคา 445,000 หยวน ฉันควรทำอย่างไงดีละที่นี้!? ใครก็ตามที่ซื้อนาฬิกาอาจสังเกตเห็นบางสิ่งแปลกๆเกี่ยวกับพวกมันแล้วก็ได้ ฉันควรทำอย่างไรดี?
“ ฉันต้องคิดแผนเพื่อนำนาฬิกาต่างดาวพวกนี้กลับคืนมาทั้งหมด” เฉินจินได้แต่นั่งนิ่งไม่ได้ทำอะไรและเอามือก่ายหน้าผากของที่เต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆไหลหยดลงมาบนพื้น เฉินจินไม่สามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาถ้ามีคนรู้เรื่องนาฬิกาต่างดาวพวกนี้และส่งพวกมันให้เจ้าหน้าที่ของรัฐบาล และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลทำการตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด พวกเขาก็น่าจะนำกำลังตำรวจมารอบจับเขาอย่างแน่นอน มันน่ากลัวมากหลังจากที่เฉินจินคิดถึงเรื่องนี้ “ ฉันต้องนำนาฬิกาทุกเรือนกลับมาให้ได้ทั้งหมด”
ดังนั้นเฉินจินจึงออกเดินทาง ตั้งแต่เช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อค้นหานาฬิกาต่างดาวในเมืองและพยายามจำร้านค้าที่เขาเคยไป โรงรับจำนำร้านขายเครื่องประดับ…เขาเข้าไปในร้านค้าทั้งหมดและสอบถามเกี่ยวกับนาฬิกาแม้ว่าเขาจะมีเพียงความทรงจำที่คลุมเครือในการไปสถานที่นั้นก็ตาม สำหรับเมื่อสองเดือนก่อนที่ผ่านมา
“ เจ้าของร้านครับ ผมจำได้ว่าผมขายนาฬิกาให้กับคุณเมื่อสองสามเดือนที่แล้ว มันยังอยู่ที่คุณไหม?”
“ เจ้าของร้าน ผมขายนาฬิกาให้คุณสองเดือนที่แล้ว แต่ผมต้องการซื้อมันคืน มันมีคุณค่าทางจิตใจสำหรับผมมาก และมันก็สำคัญมากด้วย.”
“ ครับคุณจำผมได้ไหม ผมขายนาฬิกาให้กับคุณเมื่อสองสามเดือนก่อน…”
สามวันติดต่อกันเฉินจินเข้าร้านค้าอย่างน้อย 100 แห่งไม่ว่าเขาจะไปที่นั่นเมื่อสองเดือนก่อนหรือไม่ก็ตาม เขาพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดนี้อย่างเร่งด่วน แต่ถึงกระนั้นเขาก็ได้รับนาฬิกากับมาเพียงสามเรือนเท่านั้น และมันทำให้เขาสูญเสียเงินไป 74,000 หยวน ซึ่งมันเป็นเงินมากกว่า 10 เท่าที่เขาขายพวกมันไปในตอนนั้น
ดูเหมือนว่าเฉินจินจะไม่สามารถนำนาฬิกาอีกสี่เรือนกลับมาได้ ตามที่เจ้าของร้านบอก พวกเขาขายให้กับคนอื่นไปแล้วหรือนาฬิกาเรือนนี้“ มีคนขอดูแลต่อไปแล้ว”
สำหรับร้านค้าที่ได้นาฬิกาทับทิมสีฟ้าเม็ดใหญ่ไป เขาได้ขายให้กับร้านโซเทบี้ไปแล้ว พวกเขายืนยันว่าตามสัญญาที่พวกเขาเซ็นสัญญากับลูกค้าของพวกเขา เมื่อรายการถูกขายแล้วจะไม่มีการไถ่ถอนคืนและข้อมูลการติดต่อของผู้ซื้อยังคงเป็นความลับ เฉินจินไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยอมรับในสัญญา ในตอนนี้เฉินจินเต็มไปด้วยความกระวนวายอย่างบอกไม่ถูก มันทำให้เขากังวลอย่างมากเมื่อรู้ว่ามีปัญหาซ่อนเร้นอย่างใหญ่หลวงอยู่
เพื่อที่จะทำให้ผ่อนคลายขึ้น เขาตัดสินใจที่จะแยกแยะความเป็นไปได้ของนาฬิกาที่มีทั้งเพชรที่มีเข็มและนาฬิกาที่มีกลไกอะตอมมิคมันวิเคราะห์ สิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่นอนคือคนที่ซื้อนาฬิกาที่ประดับด้วยเพชรและทองคำอาจไม่ได้ซื้อไปชำแหละเพื่อดูชิ้นส่วนภายใน แต่อาจเพื่อ“ การออกสังคม”
มันสมเหตุสมผลอย่างยิ่งที่จะสมมติว่ามันเป็นไปได้ไหมที่นาฬิกา ที่ถูกฝังด้วยทับทิมและเพชรทั้งหมดที่เรียงรายอยู่บนนาฬิกาอาจไม่ใช่นาฬิกาอะตอมมิคเพราะมีพื้นที่ไม่เพียงพอจะใส่ฟังก์ชั่นพวกนั้นลงไป ดังนั้นเฉินจินหยิบนาฬิกาสามเรือนที่เขาประสบความสำเร็จในการซื้อคืนมา นำมันกลับไปยังแคมป์ในดาวไฮเออร์แอลฟา เขาขอให้หุ่นยนต์ดาเบ่า เปิดหลังนาฬิกาด้วยปืนเลเซอร์ความร้อนสูง
อย่างที่เขาคาดไว้เนื่องจากพื้นที่นาฬิกามีจำกัด ภายในนาฬิกามีเพียงส่วนประกอบบางอย่างที่นาฬิกากลไกปกติจะมี ไม่มีกลไกในระดับอะตอมแต่อย่างใด มันเหมือนกันสำหรับอีกสองเรือนที่เหลือ ไม่มีการติดตั้งกลไกอะตอมมิคไว้
ในที่สุดเฉินจินก็รู้สึกโล่งใจอย่างมาก! “ ฉันรู้แล้ว! พวกเขาก็ยังคงเป็นนาฬิกาธรรมดาเพราะเพชรที่อยู่รอบๆเลยไม่สามารถใส่กลไกระดับอะตอมเข้าไปได้สินะ? ฉันอาจจะกังวลมากเกินไป!”
อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรแน่นอน เฉินจินไม่สามารถมั่นใจได้ 100% ว่านาฬิกาที่อยู่ข้างนอกนั้นไม่มีนาฬิกาอะตอมในตัวเช่นกัน เป็นผลให้เขาดำเนินการกับกระบวนการของการจัดการและกรองนาฬิกาทั้งหมดที่ประดับด้วยอัญมณีจากกองเครื่องประดับขนาดใหญ่ ทั้งหมดมี 286 เรือน
อีกครั้งที่เขาเปิดหลังนาฬิกาด้วยปืนเลเซอร์ของดาเบ่าเพื่อดูข้างใน ในที่สุดเขายืนยันครั้งสุดท้ายของเขา นาฬิกา 268 เรือนเป็นแบบปกติในขณะที่อีก 18 เรือนเป็นนาฬิกาที่ติดตั้งกลไกเชิงอะตอมไว้
จากผลลัพธ์นี้เฉินจินคำนวณว่าความน่าจะเป็นสำหรับนาฬิกาประเภทนี้ที่มีนาฬิกาบรรจุกลไกระดับอะตอมอยู่ในตัวอยู่ที่ประมาณ 6.3% ของนาฬิกาทั้งหมดที่เขามีในตอนนี้
“ ถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับ 9 เรือนที่ฉันพึงขายไป … จำนวนนาฬิกาที่มีกลไกอะตอมจะเท่ากับ 0.56% ซึ่งหมายความว่านอกจากที่ฉันมอบให้พ่ออาจยังมีนาฬิกาทีหลุดอยู่ภายอนอกก็เป็นได้”
ถ้าฉันปัดเศษขึ้นมันเป็นเพียงหนึ่งนาฬิกาซึ่งหมายความว่ามีอีกหนึ่งคนเท่านั้นที่จะมีนาฬิกาอะตอม โอกาสของฉันและความลับของฉันที่จะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะชนนั้นต่ำมาก จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรมาก
“ นอกจากนี้คนที่ซื้อมันมักเป็นคนที่ร่ำรวยและต้องการใส่มันไว้ดูเท่ห์ไม่ใช่วิศวกรเหมือนพ่อ พวกเขาไม่สนใจเวลาและดูว่ามันแม่นยำหรือไม่”
แม้ว่าพวกเขาจะค้นพบบางสิ่งที่ผิดปกติเกี่ยวกับนาฬิกา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะตามให้มันกลับมาอยู่ที่เฉินจินอีกครั้ง ดังนั้น…มันไม่น่าเป็นไปได้ที่จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเฉินจิน โดยพื้นฐานแล้วไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา
เมื่อทราบถึงความน่าจะเป็นที่จะเกิดปัญหามันน้อยมาก เฉินจินจึงตัดสินใจที่จะรับความเสี่ยงและยกเลิกการค้นหาไป สำหรับเขาแล้วมันเป็นงานหนักมากและค่อนข้างเหนื่อยล้า มันมหัศจรรย์ที่เขาทำเรื่องพวกนี้มาสามวันติดต่อกัน
ตอนนี้เฉินจินไม่ต้องใช้เวลาทั้งวัน พยายามแก้ไขบางสิ่งที่เป็นไปได้ว่าจะไม่เกิดขึ้น มันจะไม่คุ้มค่ากับความพยายามของเขาโดย ท้ายที่สุดเขายังต้องดูแลเรื่องอื่น ๆ ที่ร้านขายเครื่องประดับของเขาเองต่อไป และลดความสนใจเรื่องนาฬิกาต่างดาวที่หลุดออกไป
หุ่นยนต์นำอุปกรณ์จำนวนมากและเสบียงกลับไปยังแคปม์ปล่องบริเวณปล่องภูเขาไฟเช่นกัน เขาจะต้องเริ่มเตรียมการสำหรับขั้นตอนต่อไปซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพลังงานในดาวไฮเออร์แอลฟาและแรงดันไฟฟ้าต่ำบนโลกที่เขาอยู่ อีกทั้งเขาต้องคิดแผนสำรองหากมีอะไรเกิดขึ้นกับนาฬิกาต่างดาวที่หลุดออกไป
…
ที่โต๊ะอาหารเย็นหลังจากประกาศการตัดสินใจของเขาว่าจะเลิกมองหาพ่อค้าแม่ค้า มันก็ไม่พ้นสายตาอันเฉียบคมของเฉาหลี่ไปได้ “ ลูก แม่เห็นลูกหาอะไรมาตั้งหลายวัน และยังออกไปไหนมาไหนตั้งแต่เช้าและอย่ากลับจนดึกจนดื่น แต่ก็เอาเถอะ ไม่เป็นไรลูก ตามใจลูก แล้วธรุกิจลูกล่ะ ลูกไม่ทำงานหรืออย่างไง ลูกไม่สามารถหายตัวไปทั้งวันแล้วทิ้งร้านไว้อย่างงี้ไม่ได้เลยนะ” เฉาหลี่ตักอาหารใส่จานให้กับเฉินจิน
“อือ.” เฉินกังไม่สามารถพูดอะไรได้จริงๆ เขารู้ว่าลูกของเขาพยายามอย่างหนักในการมองหาพ่อค้าทั่วเมืองซางไฮในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ไม่ใช่ความผิดของเฉินจินเลย มันเป็นความผิดของเฉินกังตั้งหากที่จะไม่ยอมรับความจริงและไม่ยอมแพ้ที่จะหานาฬิกาต่างดาวอีกสักเรือน
เฉินจินพยักหน้าอย่างสงบนิ่ง พ่อตั้งหากที่เป็นคนผิด เขาคิดกับตัวเอง
และนี้เป็นวิธีที่จะทำให้การตามหาคนขายนาฬิกาข้างถนนทั้งหมดจบลง สำหรับนาฬิกาที่เขามอบให้พ่อนั้นยังคงเป็นปริศนาในเชิงประวัติศาสตร์ของการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศนั่งมันอยู่ในห้องทดลองสำหรับเครื่องจักรที่มีความแม่นยำขนาดเล็กที่ ในห้องทดลองของบริษัท CAC
คอมเม้นต์