I Found A Planet – ตอนที่ 60
EP 60 วันตรุษจีนที่แสนเศร้า
By loop
ในความเป็นจริงเฉินจินเองก็กลัวว่าการขายทองจำนวนมากๆในคราวเดียวอาจสร้างปัญหาให้กับเขาได้ มันอาจทำให้คนอื่นสังเกตและสังสัยในตัวเขาว่าทองคำเหล่านี้มาจากไหน แต่ก็ยังดีที่ว่าบริษัทเซี่ยงไฮ้เทคโนโลยีของเขาอยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้งบริษัทใหม่ มันต้องการการลงทุนมหาศาล เพราะเฉินจินเองต้องหาเงินสด 400 ล้านหยวนในระยะเวลาที่กระชันชิดมากๆ นอกเหนือจากการขายทองคำให้มากขึ้นเฉินจินก็ไม่สามารถคิดหาวิธีการอื่นๆที่จะทำเงินได้ในช่วงสั้นๆและได้กำไรที่แน่นอนอย่างการขายเครื่องประดับได้
ยิ่งกว่านั้นในตอนนี้เขามีปืนจากดาวไฮเออร์แอลฟา มีหุ่นยนต์ชนิดพิเศษที่มีการดัดแปลงให้เหมือนมนุษย์ เนื่องจากผิวภายนอกของพวกมันถูกปกคลุมไปด้วยผิวหนังที่ทำจากซิลิกาเจล มีการปลูกผมให้คล้ายคลึงกับมนุษย์และตาจมูกและปากของหุ่นยนตร์ถูกถอดแบบมาให้เหมือนกับมนุษย์อย่างไร้ที่ติ หลังจากนำหุ่นยนตร์พวกนั้นมาใส่เสื้อผ้าแล้วแทบมันแทบจะไม่ต่างอะไรจากมนุษย์คนหนึ่งเลย หุ่นยนต์บางตัวมีรูปร่างลักษณะคล้ายหญิงสาว พวกมันมีร่างกายที่งดงามมีใบหน้าที่น่ารักและสามารถสร้างประสบการณ์ทางเพศที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงได้ หุ่นยนต์ประเภทนี้เรียกว่า “ฮิวแมน รีพิกล้า โรบอต” เมื่อเทียบกันหุ่นยนตร์เพศหญิงนั้นมีจำนวนมากกว่าหุ่นยนตร์เพศชายด้วยซ้ำในตอนนี้
เนื่องจากทีมสำรวจที่เฉินจินส่งออกไปพบหุ่นยนต์จำลองมนุษย์ที่ติดเชื้อไวรัสรีบูทแล้วเท่านั้น เฉินจินจึงไม่สามารถนำพวกมันกลับมายังโลกและใช้ประโยชน์จากหุ่นยนตร์เหล่านี้ได้ หากเขาสามารถหาสายการผลิตที่ผลิตหุ่นยนต์เหล่านี้ได้ เฉินจินก็จะได้หุ่นยนต์ที่สดใหม่จากโรงงานและเฉินจินก็จะได้ทำการตั้งโปรแกรมให้พวกมันทำตามคำสั่งของเขาเพียงผู้เดียวและนำหุ่นยนตร์เหล่านั้นกลับมายังโลกเพื่อเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวให้กับเขาเอง
เพราะว่ามีหุ่นจำลองมนุษย์บางตัวที่มีรูปร่างใหญ่โต แข็งแรงและเคลื่อนไหวได้รวดเร็วซึ่งเดิมทีพวกมันจะถูกสร้างขึ้นมาจะเป็นบอดี้การ์ดอยู่แล้ นอกจากนี้พวกมันยังได้รับการติดตั้งโปรแกรมทักษะการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง อาจจะพูดได้ว่าพวกมันมีความสามารถในการต่อสู้เหมือนแรมโบ้
ยิ่งไปกว่านั้นหุ่นยนต์บอดีการ์ดส่วนมากไม่ได้อยู่ภายใต้กฏ “3 ข้อของหุ่นยนต์” เพราะมันถูกเซตระบบมาเพื่อให้ป้องกันเจ้านายของมันจนตัวตาย และตอบโต้ศัตรูที่จ้องจะทำร้ายเจ้านายของมันในทันทีเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้านายของมันกลับมาอยู่ในสถานะที่ปลอดแล้ว
ดังนั้นเฉินจินจึงต้องการที่จะให้มีหุ่นยนตร์บอดีการ์ดอยู่ล้อมรอบโดยมีเงื่อนไขว่าหุ่นยนตร์เหล่านั้นจะต้องไม่ติดไวรัส ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆเฉินจินก็ล้อมรอบไปด้วยบอดีการ์ดที่คอยคุ้มครองเขาอยู่ตลอดเวลา ในการนี้เขาก็ไมต้องกลัวเรื่องความปลอดภัยและคนที่จะมาทำร้ายเขาได้ แน่นอนเฉินจินรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะเอาชนะอาวุธบางอย่างได้ ดังนั้นความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก เขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่นำทองออกมาขายจำนวนมหาศาลเช่นนี้อีก
“ วันนี้มันเป็นช่วงเวลาสุดพิเศษแล้ว เมื่อเซี่ยงไฮ้เทคโนโลยีได้ทำการพัฒนาและหุ่นยนต์ ‘วาวา’ และสร้างผลกำไรมหาศาลความต้องการเงินทุนของฉันก็จะลดลง จากนั้นฉันจะไม่ต้องส่งทองคำให้ร้านขายเครื่องประดับอีกต่อไป หรือบางทีฉันควรจะมองในระยะยาวโดยคำนึงถึงร้านค้าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือก็เป็นสิ่งที่ฉันให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก”
……
ช่วงนี้เองเป็นช่วงโปรโมชั่นการขายของมรดกแห่งอัญมาณี เพื่อต้อนรับวันตรุษจีนที่ใกล้เข้ามา โดยจะมีการจัดโปรโมชั่นไปจนถึงวันสุดท้ายของเดือน ในช่วงเวลาครึ่งหลังทางร้านก็ได้เพิ่มกิจกรรม เพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้า เพื่อจะเพิ่มยอดขายจนถึงปัจจุบันทางร้านทำยอดขายทะลุจากเป้าหมายไปอย่างมากมาย! เพราะปริมาณการขายเฉลี่ยต่อวันสูงถึง 20,000,000 หยวน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่าตกใจเอามากๆเลยทีเดียว!
ลูกค้าที่เข้ามาซื้อเครื่องประดับทำเหมือนว่าพวกเขาเข้ามาซื้อผักหรืออาหารแห้งเพียงเท่านั้น และมีลูกค้าที่อยู่ในวัยรุ่นจำนวนมากที่เลือกแต่งงานตอนปลายปี ทำให้ทางครอบครัวที่ค่อนข้างมีฐานะมาจับจ่ายซื้อทองไปเป็นของหมั่นงานแต่งอยู่ไม่น้อยและส่วนใหญ่จะมาจากชนบทแต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าคนบ้านนอกเหล่านี้มีเงินเป็นถุงเป็นถังเตรียมไว้ พวกเขาซื้อเครื่องประดับทองคำและเงินหลานกิโลกรัมหลังจากเข้ามาในร้าน มันมีแม้กระทั่งลูกค้าที่ซื้อเครื่องประดับห้ากิโลกรัมขึ้นไปในคราวเดียว มันทำให้ยอดขายของร้านในตอนนี้เกือบกลายเป็นที่หนึ่งของตลาดร้านเครื่องประดับในย่านนั้นแล้ว
ภายในระยะเวลาสั้นๆ 10 วันเครื่องประดับทองคำที่ถูกแลกเปลี่ยนมาจากทองคำ 800 กิโลกรัมที่เฉินจินนำมาจากดาวไฮเออร์แอลฟานั้นถูกขายจนหมดแล้ว ทองคำแท่ง 30 กิโลกรัมในตู้กระจกก็ถูกขายออกไปแล้วเช่นกัน เพราะมันดึงดูดความสนใจของลูกค้ามีลูกค้าที่มาจากชนบทยินดีที่จะซื้อมันไปทั้งชุดในราคา 8,640,000 หยวน แล้วเขาก็ยกมันไปทั้งตู้กระจกเลย!
เงินทุนจำนวน 200 ล้านหยวนที่เฉินจินต้องการนั้นได้รับนั้นมันสามารถรวบรวมได้ในระยะเวลาไม่เกิน 10 วัน เฉินจินถอนหายใจแรงมาก “ ดูเหมือนว่าการตั้งร้านขายเครื่องประดับของฉันคือข้อพิสูจน์ว่ามี ‘คนในชนบทนั้นรำรวยมาก’ และถ้าคนในเมืองล่ะจะมีเงินมากขนาดไหนกัน! เอาล่ะ ยังไงก็ตามนี้พึงเริ่มต้นเส้นทางที่ฉันจะกลายเป็นมหาเศรษฐี!”
…
ในวันที่ 30 ของวันตรุษจีนในที่สุดก็สิ้นสุดการขายในตลอดเดือนที่ผ่านมา และสรุปยอดขายต่างก่อนจะแยกย้ายกันออกจากร้านไป จนทำให้พื้นที่ในย่านเงียบสงบเหมือนกับเมืองร้าง
ไม่น่าแปลกใจเลยที่วันนี้เมืองฉางไห่จะเงียบสงบในวันนี้ เพราะคนส่วนใหญ่ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองนี้ เป็นแค่แรงงานที่เข้ามาทำงานเท่านั้น ดังนั้นแรงงานส่วนใหญ่จึงเลือกกลับบ้านในปีใหม่ ประมาณ 50% ของประชากรในเมืองกลับไปยังบ้านเกิด ทำให้เมืองฉางไห่ในตอนนี้มันมีบรรยากาศเหมือนนั่งฆาตกรโลกจิตหรือหนังผีที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเย็นยะเยือกไร้ผู้คนสัญจรไปมา
ในร้านเครื่องประดับของเฉินจิน พนักงานเกือบครึ่งหนึ่งก็ขออนุญาตเขาลางานเพื่อกลับไปบ้านเกิดของพวกเขาด้วยเช่นกัน เนื่องจากพนักงานในร้านมีเหลือเพียง 8 คนเท่านั้น และยังมีลูกค้าบางส่วนเข้ามาซื้อเครื่องประดับทำให้ เฉินจินต้องกลับมาที่ร้านเพื่อมาดูแลร้านและเห็นว่าหัวหน้าทีมเกาหยาน ยังอยู่ในร้าน ในฐานะพนักงานคนหนึ่งที่ทำงานมานานกว่าคนอื่น อันที่จริงเธอมีโอกาสกลับบ้านในช่วงตรุษจีนนี้
เฉินจินเดินไปถามว่า“ เฮ้เกาหยานทำไมคุณไม่กลับบ้านเลยล่ะ คุณสามารถลากลับบ้านได้นะ วันตรุษจีนนี้มันเป็นวันสำคัญมากเลยนะ”
“กลับบ้าน?” เกาหยาน ทำความสะอาดหินหยกด้วยผ้าไหมอยู่ เธอเงยหน้าขึ้นเธอแสดงท่าทางที่เหนื่อยล้าและหดหู่ ด้วยเสียงต่ำเธอพูดว่า“ ฉันไม่รู้สึกว่าอยากกลับบ้านเลย” ทำไมเธอถึงต้องกลับบ้าน ในแต่ละปีที่เธอกลับบ้านสิ่งแรกที่แม่ของเธอจะถามเมื่อเห็นหน้าเธอคือ“ปีนี้ลูกมีเงินมาเท่าไร เอาออกมาเร็วๆ และแม่จะไม่โวยวายทำร้ายลูก” เมื่อเธอนำเงินติดตัวกลับบ้านไปเยอะๆ แม่ของเธอจะมีความสุขมาก เธอจะบอกทุกคนว่าเธอมีลูกสาวที่กตัญญูและเป็นลูกสาวที่ดีกับแม่มาก
แต่เมื่อเธอมีเงินติดตัวกลับไปนิดหน่อยแม่ของเธอจะมีสีไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด เธอจะตำหนิเกาหยานและบ่นว่าเกาหยานนั้นไร้ประโยชน์และขี้เกียจ และกล่าวหาเกาหยานว่าทั้งปีหาเงินได้แค่เท่านี้เองหรอ หลังจากนั้นเธอก็ยังต้องทำงานบ้านหลายอย่างเช่นซักผ้าและทำอาหาร เธอเองจะต้องทำงานทุกอย่างอีกทั้งเกาหยานจะต้องเตรีมเงินจำนวนหนึ่งไว้ เพราะแม่ของเธอชอบเล่นการพนันและไถ่เงินจากเธออยู่เป็นประจำ
ตอนนี้เกาหยานดูอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก! เธอไม่มีแม้แต่ความหวังเล็กๆน้อยๆ ที่ว่าจะมีสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับช่วงตรุษจนี แต่อย่างน้อยปีนี้เป็นปีที่โชคดีที่สุดของเธอซึ่ง เกาหยานสามารถหาเงินได้อย่างมากมาย ในช่วงสี่เดือนที่เธอทำงานที่ร้านมรดกแห่งอัญมณีแห่งนี้ เธอสามารถเก็บได้มากกว่า 50,000 หยวนจากเงินเดือนและคอมมิชชั่นของเธอ นี่คือหลังจากหักค่าใช้จ่ายสำหรับต่างๆและล้างหนี้บัตรเครดิตของเธอไปแล้ว มันมีคำกล่าวคำหนึ่งกล่าวว่า“ เมื่อยิ่งหาเงินได้มากยิ่งขึ้น เจ้าของเงินจะเริ่มคิดมากขึ้นสำหรับใช้เงินก้อนนั้น”
เกาหยานเองก็รู้ว่า แม้ว่าเธอจะมอบเงินจำนวน 50,000 หยวนให้กับแม่ของเธอ แต่สิ่งที่เธอจะได้รับกลับมาก็คือการได้รับคำชื่นชมเพียงไม่กี่วัน เธอยังคงต้องทำหน้าที่แม่บ้านต่อไป แต่กลับกันในปีที่แล้วที่เธอมีเงินเล็กน้อยติดตัวไปให้กับแม่ของเธอ แม่ของเธอกับมีสีหน้าเย็นชาและดุด่าเธอ อีกทั้งหน้าที่ของเธอที่ทำงานบ้านของเธอยังเพิ่มมากขึ้น ในอดีตเกาหยานทำงานอย่างหนักเพื่อต้องการเพียงคำชมสองสามคำจากแม่ของเธอเท่านั้น
สำหรับน้องชายของเธอที่อยู่ในมหาวิทยาลัยเมื่อไม่นานมานี้น้องชายตัวดีของเธอมีแฟนและมีค่าใช้จ่ายรายเดือนของเขาเพิ่มขึ้นเป็น 4,000 หยวนไม่ก็ 5,000 หยวน เมื่อเขาโทรหาว่าเกาหยานทุกเดือนจะต้องขอเงินเพิ่ม เมื่อใดก็ตามที่เขาพูดอะไรเขาจะตะโกน“ แม่พูดว่า” ในตอนท้ายของประโยค หัวใจของเกายานถึงกับด้านชานเมื่อได้ฟังประโยคนั้น ในที่สุดเธอก็คิดสิ่งต่างๆ เธอไม่มีความคาดหวังอะไรจากครอบครัวของเธออีกต่อไปแล้ว หลังจากส่งเงินมากกว่า 20,000 หยวนกลับบ้าน เกาหยานใช้ข้อแก้ตัว ว่าเธอกำลังยุ่งและบอกกับพวกเขาว่าเธอจะไม่กลับบ้านในวันตรุษจีนในปีนี้
แม่ของเธอพูดว่า“ โอ้” แล้ววางหูโทรศัพท์ ไม่มีแม้แต่คำว่า“ ดูแลตัวเองนะ” เกาหยานได้ยินเพียงเสียงเบาๆของวงเล่นเกมไพ่นกกระจอกมาจากเสียงโทรศัพท์
“ คุณไม่อยากกลับบ้านเหรอ?” เฉินจินมองเธอด้วยความประหลาดใจ เขาสามารถสัมผัสคลื่นแห่งความโศกเศร้าจากเธอได้ มันเป็นเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่ครอบครัวควรรวมตัวกันอีกครั้ง มีคนที่ไม่อยากกลับบ้านจริงๆเหรอ? เขาส่ายหัวและเดาว่าเกาหยาน จะต้องมีปัญหาบ้างอย่างกับที่บ้านซึ่ง และคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบอกให้รู้ แต่…เรื่องส่วนตัวของคนอื่นเกี่ยวข้องกับเขาอย่างไร? เฉินจินได้ปลอบใจเกาหยานไปเล็กน้อย “ ช่วงนี้อากาศค่อนข้างแย่เลยนะ ใส่ชุดหนาๆล่ะ และพักผ่อนให้เพียงพอเดียวจะไม่สบายเอาได้นะ”
เกาหยาน พยักหน้า “ค่ะ!” เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่เธอพึงได้รับจากเฉินจิน
…
เมื่อกลับมาถึงบ้านของเขาที่คนส่งของได้ถือกล่องพัสดุใบใหญ่มายืนรอเข้าที่ประตู “มิสเตอร์ เฉิน มีของมาส่งให้คุณครับ ช่วยเซ็นตรงนี้ให้ด้วย!”
“ขอบคุณครับ!” หลังจากเซ็นรับของ เฉินจินก็มองดูกล่องพัสดุเหล่านั้น มันมีทั้งหมด 10 กล่องที่อยู่ตรงหน้าเขา เฉินจินในตอนนี้ๆไม่รู้จะพูดอะไรออกมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดีใจเป็นอย่างมาก เหมือนราวกับว่าเขาได้รับของขวัญชิ้นใหญ่ในช่วงปีใหม่นี้
ฮ่าฮ่า ในที่สุดลูกๆของฉันก็มาถึงแล้ว
คอมเม้นต์