ข้าคือหงส์พันปี – บทที่17 มิเป็นไร วันข้างหน้ายังมีโอกาสอีกมาก

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 17 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

จางซื่อคุกเข่าลงกับพื้น ไม่ยอมรับและไม่บอกว่าเป็นใครกัน ได้แต่ร้องไห้อย่างขมขื่น

เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นมองฉินหรูเหลียงที่ไม่ออกความคิดใดๆ แล้วกล่าวว่า: “ท่านแม่ทัพ ข้าคิดว่า อย่างน้อยข้าก็เป็นถึงองค์หญิง ให้ข้ากินอาหารเน่าเสีย ไม่มีเครื่องนุ่งห่ม อยากเพิ่มถ่านไฟในเรือนก็ต้องดูสีหน้าของสาวใช้เช่นนี้ ถ้าหากเรื่องนี้แพร่ออกไปจะดีจริงหรือ?”

นางหัวเราะและกล่าวต่อว่า: “หากท่านแม่ทัพไม่คิดอะไร ข้าก็ไม่ติดอะไร”

หลิ่วเหมยอู่รีบร้อนและกล่าวว่า: “องค์หญิงอย่าเข้าใจผิดไป ท่านแม่ทัพมิได้ต้องการเช่นนั้นเพคะ เพียงแค่งานราชการในวันธรรมดาของท่านแม่ทัพก็วุ่นเป็นพอแล้ว มิได้มีเวลาดูแลเรื่องพวกนี้หรอกเพคะ”

“แล้วใครเป็นคนดูแลเรื่องนี้กัน?” เฉินเสียนมองไปที่นางอย่างไม่แยแส “เจ้า?”

หลิ่วเหมยอู่ชะงัก ฝืนยิ้มแล้วกล่าวว่า: “ถึงแม้เรื่องในจวนหม่อมฉันจะเป็นคนดูแล แต่บางครั้งงานก็เยอะท่วมหัว หม่อมฉันก็ดูแลไม่หมดเช่นกันเพคะ หม่อมฉันมิรู้ว่าแม่นมจางจะเป็นเช่นนี้ ขออภัยโทษองค์หญิงด้วยเพคะ องค์หญิงโปรดใจเย็นเจ้าค่ะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะลงโทษนางเองเพค่ะ”

“เจ้าจะลงโทษอย่างไรกัน?”

หลิ่วเหมยอู่อ้าปากค้าง คิดวิธีที่เหมาะสมไม่ออก พลางกล่าวต่อว่า: “ถ้าอย่างนั้นก็ลงโทษโดยการหักค่าจ้างเป็นเวลาครึ่งปีของแม่นมจาง และให้ไปทำงานหนักที่ครัวเพคะ”

นี่เป็นการลงโทษนางหรือปกป้องนางกันแน่

เฉินเสียนกล่าว: “แล้วอาหารเน่าเสียที่ข้ากินลงไปเมื่อก่อน ก็เสียเปล่างั้นสิ?”

ฉินหรูเหลียงมองนางอย่างไม่พอใจและกล่าวว่า: “แล้วท่านต้องการเช่นไรกัน?”

เห็นได้ชัดว่าเรื่องนี้เป็นจางซื่อเองที่ทำชั่ว ยังกล้ามาพูดปดใส่ความม

เฉินเสียนไม่ได้เขลาเหมือนแต่ก่อนแล้ว

เธอมองจางซื่อและกล่าวว่า: “นี่เป็นบ่าวที่ส่งมาดูแลข้า ทำผิดก็ต้องเป็นข้าที่เป็นคนลงโทษ”

เฉินเสียนเดินไปที่ประตู และถาม: “พ่อบ้านอยู่ที่ไหน?”

ไม่นานนักพ่อบ้านก็ปรากฏอยู่ด้านนอก

เฉินเสียนกล่าว: “บ่าวไม่เคารพนาย วาจาดูหมิ่น ลงไม้ลงมือ ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ตามกฏแล้วควรลงโทษอย่างไร?”

พ่อบ้านได้มององค์หญิงท่านนี้เปลี่ยนไปแล้ว จึงตอบอย่างละเอียดรอบคอบว่า: “ตามกฏแล้วต้องโบยสามสิบที และไล่ออกจากจวนแม่ทัพ ไม่ใช้งานบ่าวคนนั้นอีกต่อไป”

“ดี เช่นนั้นก็จัดการตามที่พ่อบ้านกล่าวมาแล้วกัน”

หลิ่วเหมยอู่คาดไม่ถึงว่าเฉินเสียนจะตัดสินชีวิตของจางซื่อได้รวดเร็วเช่นนี้

ท่าทางที่สงบและเด็ดเดี่ยวนั้น อย่าว่าแต่จางซื่อเลย หลิ่วเหมยอู่เองก็สีหน้าแย่ลงเช่นกัน

เฉินเสียนหันกลับไปมองฉินหรูเหลียงและหลิ่วเหมยอู่ พร้อมกับกล่าวว่า: “หากลงโทษตามกฏแล้วพวกเจ้าคงไม่คัดค้านอะไร พ่อบ้าน ยังไม่ให้คนมาลากตัวบ่าวคนนี้ไปโบยอีก”

ไม่นานนักก็มีทหารสองนายเข้ามา จางซื่อขัดขืนพลางร้องขอความช่วยเหลือจากหลิ่วเหมยอู่: “นายหญิงช่วยข้าด้วย! นายหญิงช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ!”

เฉินเสียนกลับมานั่งลงที่โต๊ะและกล่าวเบาๆว่า: “โบยด้านนอกห้องอาหารนั่นแหละ ให้ข้าได้ยินเสียงร้องของนาง ความอยากอาหารจะได้ดีขึ้นบ้าง”

ไม่ช้าก็มีเสียงโบยและเสียงร้องไห้ของจางซื่อดังมาจากด้านนอก

สีหน้าของหลิ่วเหมยอู่ค่อยๆซีดลง

“ข้ายังไม่ได้ทานอาหารเลย จะเป็นไรหรือไม่หากข้าจะร่วมโต๊ะกับพวกเจ้าด้วย?” ไม่รอให้ทั้งสองตอบก่อน เฉินเสียนก็สั่งให้คนเพิ่มชามตะเกียบให้ชุดหนึ่ง และเริ่มทานอาหาร

หลิ่วเหมยอู่ไม่กล้าที่จะมองเฉินเสียนสักนิด ราวกับว่ามีวิญญาณนั่งอยู่ข้างๆปานนั้น นางหันไปกล่าวกับฉินหรูเหลียงอย่างอ่อนน้อมว่า: “ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ เรากลับไปรับอาหารในเรือนกันเถอะเจ้าค่ะ อยู่ที่นี่ข้ากินไม่ลงเจ้าค่ะ”

เฉินเสียนหรี่ตาลงแล้วกล่าวว่า: “เพราะว่าเสียงร้องจากด้านนอก และการเผชิญหน้ากับข้าเช่นนี้ ถึงกับกินไม่ลงงั้นรึ?”

ฉินหรูเหลียงมองนางอย่างเคร่งขรึม มืออันเรียวยาวนั่นโยนตะเกียบทิ้งแล้วกล่าวว่า: “ถือว่าท่านรู้ตัวดี! รู้ว่าตัวเองเป็นเช่นนี้ ก็อย่าออกมาทำให้คนอื่นกลัว!”

เฉินเสียนจับใบหน้าของตัวเองแล้วกล่าวว่า: “แรกเริ่มข้าก็ไม่ได้เป็นเช่นนี้มิใช่หรือ?”

เธอเงยหน้าขึ้นและมองเซียงซั่นสาวใช้ที่อยู่ด้านหลังของหลิ่วเหมยอู่ เซียงซั่นสั่นเล็กน้อย

เฉินเสียนหัวเราะกล่าวอย่างลึกซึ้งว่า “มิเป็นไร วันข้างหน้ายังมีโอกาสอีกมาก”

ฉินหรูเหลียงจูงมือหลิ่วเหมยอู่และเดินออกจากห้องอาหารไปพร้อมกัน

ด้านหลัง เฉินเสียนได้ตะโกนบอกกับเขาว่า: “ตั้งแต่พรุ่งนี้ ข้าจะมารับอาหารที่ห้องอาหารบ่อยๆ หากท่านรู้สึกรำคาญใบหน้าของข้าใบนี้ ก็ให้ท่านและอนุภรรยาของท่านรับอาหารที่เรือนเถอะ ยังได้เพิ่มความสัมพันธ์ของพวกท่านด้วย”

ขณะที่ฉินหรูเหลียงหันกลับไปมองนางนั้น นางก็ได้ก้มหน้ารับอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

แสงระยิบระยับที่ประกายอยู่ในดวงตาเกียจคร้านคู่นั้นของเธอ เข้ากับความมีเกียรติยศแต่กำเนิดของเธออย่างบอกไม่ถูก

เธอและเขาสบตากัน สายตาเย็นชาไร้เยื่อใย ไม่หวนนึกถึงอดีตอีกต่อไป แต่กลับเหมือนกับแอ่งน้ำที่มิรู้ว่าลึกแค่ไหนกัน

ไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ

ตอนนี้นางไม่เพียงแค่ไม่โง่แล้ว แต่นางยังโหดเหี้ยมอำมหิตอีกด้วย

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด