ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 207 ชอบมากแค่ไหนก็เกลียดมากแค่นั้น

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 207 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“ข้าไม่เอา! พวกเจ้าปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ ข้าไม่เอา!”

เวลานั้นเอง จู่ๆ ประตูก็มีเสียงเคาะดังขึ้น

เสียงเคาะประตูไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป แต่กลับนำมาซึ่งความกดดันที่หนักหน่วง

ทั้งห้องเงียบกริบโดยปริยาย

เหลียนชิงโจวรีบพูดขึ้นว่า : “มัวแต่อึ้งอยู่ทำไม รีบไปเปิดประตูสิ! ไปเปิดประตูเร็ว”

เฉินเสียนเอียงหัวอิงเก้าอี้ เท้าคางใช้ความคิด แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ข้าจำได้ว่าข้าไม่ได้สั่งบริการอย่างอื่นนี่นา”

เหลียนชิงโจวจึงรีบพูดขึ้นว่า : “เปิดประตูแล้วเดี๋ยวก็รู้เองหรอกน่า”

จากนั้นหนุ่มหล่อคนหนึ่งจึงลุกขึ้นไปเปิดประตู ก็เจอกับชายชุดดำผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตู เขาอึ้งไปชั่วขณะ : “คุณชายผู้นี้……”

ซูเจ๋อสีหน้าเรียบเฉย ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยไอเย็นยะเยือก หรี่ตาลงจ้องมองหนุ่มหล่อด้วยแววตาที่เย็นชา

เต็มไปด้วยไอพิฆาต

หนุ่มหล่อผู้นั้นจู่ๆ ก็เงียบไป ในใจรู้สึกเย็นวาบขึ้นมาอย่างกะทันหัน

เมื่อเห็นซูเจ๋อเดินเข้ามา หนุ่มหล่อผู้นั้นก็รีบหลีกทางให้ทันที

เมื่อเหลียนชิงโจวเห็นหน้าซูเจ๋อ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกสนิทสนมกับเขาขนาดนี้ เขามาได้ตรงเวลาพอดี หากว่าเขามาช้ากว่านี้แม้แต่ครึ่งนาที เกรงว่าตัวเขาเองคงจะไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ไว้ได้อีกแล้ว

ซูเจ๋อพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ออกไปให้หมด แล้วปิดประตูซะ”

บรรดาหนุ่มหล่อต่างพากันสบตากัน

เฉินเสียนหงายหน้าหลับตาพริ้มอย่างสงบ ไม่ได้ลืมตาขึ้นมาดูว่าเป็นใคร แต่กลับได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของไม้กฤษณา เธอจึงขมวดคิ้วขึ้น

พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ออกไปทำไม มีแขกมาใหม่อีกหนึ่งคน ไปเรียกหนุ่มหล่อมาปรนนิบัติเพิ่มอีกสองคน”

เมื่อพูดจบ ก็มีสายตาที่ลุ่มลึกหันไปจ้องมองเธอ และเธอเองก็ไม่รู้ตัวเลยแม้แต่นิดเดียว

เหลียนชิงโจวที่มีแรงขึ้นมา จึงพูดขึ้นว่า : “พวกเจ้ารีบออกไปก่อนเถอะ พวกเขามีเรื่องที่ต้องสะสางกัน เดี๋ยวพวกเจ้าจะพลอยได้รับบาดเจ็บไปด้วย”

หนุ่มหล่อทั้งสี่เป็นคนมีปฏิภาณไหวพริบ ตั้งแต่ซูเจ๋อเข้ามา พวกเขาก็รู้สึกบรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยความหนักหน่วง

จึงพากันถอยออกจากห้องไป

เฉินเสียนพูดขึ้นเสียงเบา : “จนถึงวันนี้ เมื่อครู่นี้ข้าเพิ่งรู้สึกว่า ไม่ใช่แค่จะมีใครสักคนคอยเคียงข้างกาย ผ่อนปรนความเบื่อหน่าย เป็นเพื่อนฆ่าเวลา มิน่าล่ะ เวลาหญิงงามเข้าประตูมาแล้ว ก็ไม่ยอมเสียเวลาอยู่ข้างนอกอีกเลย หากเป็นข้า ข้างกายมีบรรยากาศแวดล้อมที่สวยงาม ข้าก็คงจะปิดประตูไม่ยอมออกไปไหนเป็นแน่แท้ แล้วใต้เท้าซู ท่านมาผิดที่หรือเปล่า?”

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ท่านควรจะมา”

เฉินเสียนสีหน้าเรียบเฉย แล้วพูดขึ้นว่า : “นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ท่านควรจะมายุ่งเหมือนกัน”

นัยน์ตาเรียวยาวของซูเจ๋อ แววตาดำสนิท

ทั้งคู่ที่กำลังปะทะสงครามประสาทกัน เหลียนชิงโจวค่อยๆ ถอยไปที่ประตู เขาแตะจมูกพลางพูดขึ้นว่า : “พวกท่านคุยกันตามสบาย ข้าจะออกไปรอข้างนอก”

“หยุดอยู่ตรงนั้น”

“หยุดอยู่ตรงนั้น”

เฉินเสียนและซูเจ๋อออกคำสั่งพร้อมกันด้วยน้ำเสียงเด็ดขาดและเย็นชา

เหลียนชิงโจวยืนนิ่งอยู่หน้าประตูไม่กล้าขยับ

ซูเจ๋อปรากฏตัวอยู่ที่นี่ นอกจากเหลียนชิงโจวที่ทรยศหักหลังไปแพร่งพรายความลับแล้ว จะเป็นใครไปได้อีก

เฉินเสียนยังไม่ทันได้เอาเรื่องกับเหลียนชิงโจว ซูเจ๋อก็ถามขึ้นมาว่า : “ชิงโจว เจ้าเป็นคนพานางมาที่นี่หรือ?”

ไม่รอให้ฉินหรูเหลียงได้ทันตอบ เฉินเสียนก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พูดขึ้นอย่างตลกว่า : “เหลียนชิงโจว เจ้าอยากรู้ไม่ใช่หรือ ว่าใครเป็นคนบอกข้าเรื่องที่เจ้าชอบชายรูปงามน่ะ? นี่ไง ก็คนตรงหน้าเจ้านี้แหละ”

เหลียนชิงโจว : “……”

เฉินเสียนพูดขึ้นต่อว่า : “เจ้าชอบผู้ชาย ข้าก็ชอบผู้ชาย พวกเราจึงพากันมาในที่ที่มีแต่ผู้ชาย ไม่เห็นผิดตรงไหน?”

ซูเจ๋อที่กำลังพูดกับเหลียนชิงโจว แต่ตากลับจ้องมองแต่เฉินเสียน : “วันข้างหน้าหากข้ารู้ว่าเจ้าพานางมาที่แบบนี้อีก เจ้าจะต้องชดเชยด้วยโทษตายเท่านั้น”

เหลียนชิงโจว : “……”

ทำไมสองคนนี้ทะเลาะกัน แต่คนที่โดนลูกหลงกลับเป็นเขาคนเดียว?

เฉินเสียนฉีกยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าเป็นคนรวบเขาเข้ามาเอง จะทำไม? ท่านจะทำอะไรได้หรือ?”

ชิงโจวแอบปลื้มเบาๆ : ในที่สุดองค์หญิงก็พูดเรื่องจริงสักเรื่อง

ซูเจ๋อพูดขึ้นว่า : “อาเสียน ต้องทำถึงขนาดนี้หรือ?”

เฉินเสียนยิ้มขึ้นที่มุมปากบางเบา หรี่ตาลงไม่มองเขา พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย : “ข้าจำได้ว่าข้าเองได้พูดกับท่านอย่างชัดเจนไปแล้ว วันข้างหน้าข้าไม่อยากจะเห็นหน้าท่านอีก”

“และข้าก็ยังจำได้ชัดเจน ที่ท่านบอกว่าเกลียดข้า”

“แล้วท่านยังอยู่ตรงนี้ทำไม? เวลานี้ท่านควรจะอยู่ที่บ้านเคียงคู่กับสาวงามไม่ใช่หรือ?”

ซูเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า : “หากท่านไม่อยากเห็นหน้าข้า ก็อย่ามาในที่แบบนี้อีก ไม่อย่างนั้นคราวหน้า ข้าก็จะมาอีกอย่างแน่นอน”

เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ไม่ว่าท่านจะมาหรือไม่มา ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับข้า ไหนๆ ก็มาแล้ว ก็มาเล่นให้สนุกสิ”

เธอเดินผ่านเขาไป พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านเล่นอยู่ที่นี่ให้สนุก ข้าเองไม่ขออยู่ร่วมด้วย”

ซูเจ๋อแอบบอกกับเหลียนชิงโจวว่า : “เหลียนชิงโจว ไปส่งนาง”

เฉินเสียนหยุดเดิน จู่ๆ เธอก็พูดขึ้นเสียงเบาว่า : “ยิ่งท่านมายุ่มย่ามกับเรื่องของข้ามากเท่าไหร่ ข้าก็ยิ่งเกลียดท่านมากขึ้นเท่านั้น”

ซูเจ๋อสีหน้าเรียบเฉย ตอบกลับไปว่า : “เหรอ? แต่ข้ายุ่งจนเคยชินแล้ว เกรงว่าจะแก้ไม่หาย”

เฉินเสียนไม่อยากเสวนาให้มากความ จึงเดินออกจากห้องไป

ซูเจ๋อค้ำตัวลงบนโต๊ะ ทิ้งสายตามองกาน้ำชานั่น จากนั้นก็ยื่นมือที่ขาวสะอาดเปิดฝาเหยือกสุราออก

เหล้าที่อยู่ในเหยือกยังเต็มล้น ไม่มีใครแตะ

เขาพูดพึมพำคนเดียวว่า : “อาเสียน เป็นเพราะข้าเคยชอบท่านมากขนาดไหน ในวันนี้ท่านถึงได้เกลียดข้ามากขนาดนี้” เขายิ้มขึ้นบางเบา : “หากเป็นเช่นนั้น ก็ดีแล้ว”

พูดจบ เขาก็ขยับแขนเสื้อเบาๆ เทสุราที่เต็มเหยือกนั่นลงเต็มโต๊ะ

แขนเสื้อของเขาชุ่มไปด้วยสุราที่หกออกมา

ทั้งตัวของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นสุราคละคลุ้ง

ซูเจ๋อสะบัดแขนเสื้อแล้วเดินออกจากห้องไป

หนุ่มหล่อในหอฉู่อวี้ได้ออกมาส่งเขาหน้าประตู

เขาไม่ได้ปกปิดอะไรทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะมีคนเห็นเขาเข้าออกในที่แบบนี้ก็ไม่เป็นไร

ชื่อเสียงเรียงนามสำหรับเขาแล้ว ไม่ได้สนใจเลยว่ามันจะย่ำแย่ลงไปอีก

ซูเจ๋อเดินไปจนถึงหน้าประตู ได้ยินเสียงจากหนุ่มหล่อขาวใสพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : “คุณชายเดินทางปลอดภัย ยินดีต้อนรับเสมอขอรับ”

ซูเจ๋อหยุดลงตรงหน้าประตูอยู่ครู่หนึ่ง เขาหันหน้าไปมองหนุ่มหล่อที่ยืนอยู่ข้างๆ จากนั้นก็ขยับสายตามองที่ช่วงเอวของหนุ่มหล่อผู้นั้น

ที่เอวของหนุ่มหล่อผู้นั้นมีป้ายไม้แขวนอยู่ ด้านหนึ่งเขียนชื่อของตัวเองส่วนอีกด้านนั้นเขียนชื่อหอฉู่อวี้ ระบุฐานะตำแหน่งชัดเจน

ซูเจ๋อนำเงินหนึ่งแท่งวางลงบนมือของหนุ่มหล่อผู้นั้น แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ป้ายชื่อที่เอวให้ข้าได้หรือไม่”

หนุ่มหล่อที่ได้เงินแล้ว ยิ้มขึ้นอย่างดีอกดีใจ แกะป้ายออกจากเอวส่งมอบให้เขา แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “หากคุณชายชอบ ก็เชิญนำมันไปได้”

ป้ายหอฉู่อวี้ไม่ใช่ของหายาก หากหนุ่มหล่อในหอทำหายก็สามารถทำใหม่ได้

เมื่อซูเจ๋อได้ป้ายแขวนเอวแล้ว ก็นำมันเก็บลงไปในแขนเสื้อ แล้วจึงจากไป

เมื่อเดินทางกลับถึงเรือนแล้ว อนุภรรยาทั้งสองก็มาต้อนรับที่หน้าประตู ได้กลิ่นคละคลุ้งของสุราโชยแตะจมูก

อนุภรรยาจึงถามขึ้นว่า : “ใต้เท้าไปไหนมาหรือเจ้าคะ ทำไมกลับมาดึกป่านนี้ ใต้เท้า……ดื่มสุราหรือเจ้าคะ?”

ในขณะที่ซูเจ๋อขยับแขนเสื้อ ป้ายแขวนเอวก็ร่วงหล่นตกลงสู่พื้น และเขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต อนุภรรยาได้แอบเหยียบมันซ่อนไว้ด้วยความระมัดระวัง

เขาบอกไว้ว่าค่ำคืนนี้จะไปพบปะสังสรรค์ที่เรือนของใต้เท้าผู้หนึ่ง

ซูเจ๋อกลับถึงหอนอนแล้ว อนุภรรยาผู้นั้นจึงค่อยๆ ขยับเท้าที่เหยียบออก ก้มลงเก็บแผ่นป้ายแขวนเอวนั้นขึ้นมา

นานมากแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินซูเจ๋อบอกว่าจะออกไปพบปะสังสรรค์

เรื่องนี้หากทำความเข้าใจแล้วจะต้องรีบทูลต่อองค์จักรพรรดิ ฝ่าบาทจะได้ทรงรู้ว่าเขากำลังติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนไหนเป็นการส่วนตัว

แต่พอมองดูป้ายแขวนเอวนั่นดีๆ บนนั้นถูกเขียนชื่อของผู้หนึ่งไว้ พอพลิกมาดูอีกด้าน อนุภรรยาผู้นั้นก็ถึงกับอึ้งไป : “หอฉู่อวี้?”

เมื่อตรวจสอบชัดเจนแล้ว จึงได้รู้ว่าหอฉู่อวี้เป็นหอที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง และข้างในล้วนแต่เป็นชายทั้งสิ้น

จากนั้นก็สั่งคนให้ไปสอบถามที่เรือนของใต้เท้าผู้นั้นที่ซูเจ๋อเคยกล่าวอ้างถึง จึงได้รู้ว่าค่ำคืนนั้นซูเจ๋อไม่ได้ไปที่เรือนของใต้เท้าผู้นั้นเลย

ใต้เท้าผู้นั้นหลีกเลี่ยงการกล่าวถึงซูเจ๋อ รีบปฏิเสธทันควัน แสดงหลักฐานว่าซูเจ๋อไม่ได้อยู่ที่นั่นในค่ำคืนนั้น

แล้วค่ำคืนนั้นซูเจ๋อไปที่ไหน นี่มันชัดเจนจนไม่อาจชัดเจนได้อีก

เขาไปที่หอฉู่อวี้อย่างแน่นอน

เป็นชายแท้ๆ จะไปที่แบบนั้นทำไมกัน นอกเสียจากจะไปเที่ยวขลุกอยู่กับบรรดาชายหน้างามในหอนั่น!

อนุภรรยาทั้งสองไม่อยากจะเชื่อเลย

ที่แท้แล้วตั้งแต่พวกนางก้าวเข้าสู่ประตูเรือนนี้ ซูเจ๋อที่ไม่เคยเข้าใกล้พวกนางเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่ใช่เป็นเพราะฐานะไม่คู่ควร แต่เป็นเพราะเขาไม่เคยเปิดใจเลยต่างหาก

เวลานั้นอนุภรรยาทั้งสองรู้สึกเย็นวาบไปทั้งใจ

ชายที่สมบูรณ์แบบไร้เทียมทานทั้งคน สุดท้ายแล้วกลับชอบผู้ชายด้วยกัน ช่างเป็นเรื่องที่สังเวชใจจนไม่คิดว่าจะมีเรื่องนี้อยู่ในโลกมนุษย์นี้ได้

อนุภรรยาทั้งสองดูแล้ว ซูเจ๋อคงจะปกปิดมานาน และในที่สุดเขาก็คงจะเก็บมันไว้ไม่อยู่ จึงโผล่หางจิ้งจอกออกมา

ในท้ายที่สุดอนุภรรยาก็ได้นำเรื่องนี้ไปทูลต่อฝ่าบาท ส่งสารผ่านนกพิราบไปยังพระราชวังหลวง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด