ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 296 ยินดีให้ท่านมานอนกับข้า

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 296 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เฉินเสียนยังรู้สึกวิงเวียนอยู่เล็กน้อยหลังจากตื่นนอน

เธอล้างหน้าและดื่มชาที่ช่วยทำให้สร่างเมาซึ่งซูเจ๋อยกมาให้ หลังจากนั้นจึงนั่งมองสายฝนอยู่ใต้ชายคาด้วยหัวสมองที่ว่างเปล่า

เตายาที่ต้มยาอยู่ข้างๆ ส่งกลิ่นหอมของยาลอยมาเตะจมูก

ซูเจ๋อถามว่า “ยังจำเรื่องเมื่อคืนได้บ้างไหม”

เฉินเสียนนิ่งคิดนิดหนึ่งและตอบไปว่า “ไม่ค่อยแน่ใจ ข้าหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”

“ว่าแล้วว่าต้องจำไม่ได้” ซูเจ๋อเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “เมื่อคืนหลังจากดื่มไปมาก ท่านพยายามเผด็จศึกข้า โชคดีที่ข้ารับมือได้ ไม่เช่นนั้นหากปล่อยให้ท่านทำสำเร็จ ตื่นมาท่านคงไม่จำอะไรไม่ได้ และข้าก็คงขาดทุนย่อยยับไปแล้ว”

เฉินเสียนปวดหัวจี๊ด มองซูเจ๋ออย่างไม่อยากจะเชื่อ “ไม่จริงน่า ข้าดื่มสุราแล้วกลายเป็นสัตว์ร้ายได้ขนาดนั้นเลยหรือ”

ซูเจ๋อเอ่ยเรียบๆ ว่า “ใช่สิ ท่านเพิ่งรู้หรือ”

เฉินเสียนทอดถอนใจก่อนจะกล่าวว่า “เหล้าหมักสับปะรดของเย่เหลียงนี่อันตรายจริงๆ!” เธอเหลือบมองซูเจ๋อและถามว่า “ข้าไม่ได้ฝากประสบการณ์ฝันร้ายอะไรไว้ให้ท่านใช่ไหม”

ซูเจ๋อยิ้มน้อยๆ และกล่าวว่า “แบบไหนที่เรียกว่าประสบการณ์ฝันร้ายรึ”

“ก็อย่างเช่น ทำให้ท่านอับอายมากๆ หรือขัดขวางไม่ได้…” เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ เฉินเสียนจึงตระหนักขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน แม้ว่าเธอจะจำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ทักษะการดื่มเหล้าของเธอก็ไม่ได้แย่ไม่ใช่หรือ! และเธอก็ไม่เชื่อว่าซูเจ๋อที่ยังมีสติดีจะห้ามเธอที่กำลังเมาอยู่ไม่ได้

เฉินเสียนหันไปมองซูเจ๋อและเห็นรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่ลึกๆ บนริมฝีปากของเขา ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจทันทีว่าเธอถูกเขาหลอก

ซูเจ๋อกระแอมในลำคอ เขายังคงซ่อนรอยยิ้มต่อไปและเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ขอโทษทีที่เมื่อครู่ข้าไม่ค่อยจริงจังนัก ประสบการณ์ฝันร้ายที่ท่านพูดถึงนั่น อืม… ตอนนี้ข้ายังไม่มี”

เฉินเสียนชักสีหน้าขรึม เธอหรี่ตาลงและถามเบาๆ ว่า “ท่านเคยได้ยินเรื่องเล่าของหมาป่าไหม”

ซูเจ๋อตอบอย่างจริงจัง “ไม่เคย”

เฉินเสียนกล่าวว่า “หากท่านหลอกข้าเช่นนี้อีก บางทีวันใดวันหนึ่งถ้าสัญชาตญาณสัตว์ป่าของข้าตื่นขึ้น ข้าอาจจะทำให้นอนหลับไปจริงๆ ก็ได้”

ซูเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงมองเฉินเสียนอย่างจริงใจและกล่าวอย่างเชื้อเชิญว่า “ข้ายินดีให้ท่านมานอนกับข้า”

เฉินเสียนหายใจติดขัด เลือดสูบฉีดขึ้นมาจนใบหน้าร้อนผ่าว

หลังจากนั้นเฉินเสียนจึงรีบเทยาหม้อใส่ถ้วยและยัดใส่มือของซูเจ๋ออย่างคนมือไม้อ่อน จากนั้นจึงกล่าวว่า “ท่านเองก็ดื่มยาให้ร่างกายแข็งแรงก่อนเถอะแล้วค่อยพูด”

ซูเจ๋อยิ้มอย่างมีเลศนัยและกล่าวว่า “ก็ได้ ข้าจะรีบกลับมาแข็งแรงให้เร็วที่สุด”

เฉินเสียนกระตุกมุมปาก แน่นอนว่าเธออยากให้ร่างกายของซูเจ๋อหายดีเร็วๆ จึงพูดไปเช่นนั้น แต่ดูเหมือนซูเจ๋อจะเข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า

เธออยากจะอธิบาย แต่คิดว่ายิ่งพูดไปมันจะยิ่งเลยเถิดไปใหญ่ ก็เลยถือโอกาสข้ามเรื่องนี้ไปเสียเลย “เช้านี้ข้าเห็นท่านอยู่กับฉินหรูเหลียง บรรยากาศดูไม่ค่อยดีนัก เป็นอะไรรึ มีปัญหาอะไรกันหรือเปล่า”

ซูเจ๋อเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจว่า “เป็นเรื่องปกติที่บางทีบุรุษจะไม่ชอบหน้ากัน โดยเฉพาะเมื่อสตรีที่อยู่ในสายตาของพวกเขาเป็นคนคนเดียวกัน”

เฉินเสียน “…..”

เมื่อเฮ่อโยวกลับมาจากการฝึกต่อสู้ เขาก็รีบตรงมาคุยเล่นกับเฉินเสียนทันที

เฉินเสียนรู้สึกว่าความเป็นผู้ใหญ่และความสุขุมที่เฮ่อโยวแสดงออกเมื่อวานนี้หายไปหมดแล้วอย่างไร้ร่องรอย

เฮ่อโยวถามอย่างสงสัยว่า “เป็นอย่างไรบ้าง เมื่อเช้านี้แม่ทัพฉินกับซูเจ๋อได้สู้กันหรือเปล่า”

“ดูเหมือนเจ้าจะกลัวว่าโลกจะยังไม่วุ่นวายพอ” เฉินเสียนชายตามองเขาอย่างขบขัน “เมื่อวานที่ต้องแสร้งทำเป็นสุขุม เจ้าลำบากมากไหม”

“ดูท่านพูดเข้าสิ ต่อหน้าผู้คนข้าก็ต้องสุขุมอยู่แล้ว จะมาว่าข้าแสร้งทำได้อย่างไร ข้ากับท่านเป็นสหายกัน ข้าจะต้องมาทำตัวสุขุมกับท่านทำไม” เฮ่อโยวกล่าว

“ข้าเห็นซูเจ๋อออกมาจากห้องของท่านเมื่อเช้านี้ บังเอิญแม่ทัพฉินเพิ่งตื่นและออกมาจากห้องพอดีก็เลยปะทะกันเข้า ข้าเห็นเส้นเลือดเต้นตุบๆ บนหน้าแม่ทัพฉิน สีหน้าดูโกรธจัดจนแทบจะจับซูเจ๋อมาทุบเสียเดี๋ยวนั้น”

เฉินเสียนไม่ได้กังวลใดๆ “เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซูเจ๋อ และซูเจ๋อก็ไม่มีทางรังแกคนที่อ่อนแอกว่า”

เฮ่อโยวเสียดายเล็กน้อย ครู่ใหญ่ๆ เอ่ยขึ้นมาว่า “โอ้” และกล่าวว่า “ดูเหมือนการต่อสู้จะยังไม่ได้เริ่มขึ้น”

แล้วเขาก็หันมาถามอีกว่า “ทำไมซูเจ๋อจึงออกมาจากห้องของท่าน เมื่อคืนเขานอนที่ห้องของท่านหรือ”

ใบหน้าของเฉินเสียนชะงักไป “ข้าจำไม่ได้ แต่เท่าที่รู้คือไม่มีอะไรเกิดขึ้น”

“โธ่ คราวหลังท่านควรดื่มให้น้อยลงหน่อยนะ ท่านคิดดูสิว่าท่านหลับไม่ได้สติแบบนี้ ถ้าเขาคิดไม่ดีขึ้นมาจะทำอย่างไร ตอนนี้แม่ทัพฉินกลับมาแล้ว ท่านควรจะอยู่ด้วยกันกับเขาจึงจะถูก”

เฉินเสียนทั้งอึดอัดทั้งอยากจะหัวเราะ เธอกล่าวว่า “เฮ่อโยว ทำไมเจ้าจึงมีปัญหากับซูเจ๋อนัก เป็นเพราะว่าเขาทุบตีเจ้าก่อนหน้านี้หรือเปล่า”

เฮ่อโยวเม้มปากและพูดว่า “เรื่องในอดีตข้าลืมไปนานแล้ว ข้าไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาด้วย” เขาหยุดไปนิดหนึ่งก่อนจะพูดต่ออีกว่า “ข้ารู้ว่าท่านชอบเขา แต่ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ ข้ากลัวว่าเขาจะปกป้องท่านไม่ได้ และแม่ทัพฉินก็น่าจะปกป้องท่านได้ดีกว่า”

เฮ่อโยวเอ่ยอย่างห่วงใยว่า “พอกลับไปถึงเมืองหลวงท่านก็จะชอบเขาไม่ได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นถ้ามีคนรู้เข้าจะไม่ใช่แค่มีปัญหาเรื่องชื่อเสียงเท่านั้น ปรมาจารย์ของข้าบอกว่าท่านทั้งสองต่างก็กำลังตกอยู่ในอันตราย ในเมื่อเป็นเช่นนั้นจะเอาเรื่องอันตรายมารวมกันไว้ที่เดียวทำไม เฉินเสียน ท่านควรเลือกคนที่จะเป็นที่พึ่งให้ท่านได้ และซูเจ๋อก็ไม่ใช่คนที่จะเป็นที่พึ่งให้ท่าน”

เฉินเสียนยิ้มและถามว่า “ถ้าฉินหรูเหลียงปกป้องข้าไม่ได้ เจ้าจะปกป้องข้าไหม”

เฮ่อโยวตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า “ข้าจะทำแน่! ข้าจะพยายามแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ ในภายภาคหน้าหากท่านต้องการคนสนับสนุน ข้าจะเป็นที่พึ่งให้ท่านเอง!”

“เฮ่อโยว ขอบใจนะ”

“ฟังข้านะ อยู่ให้ห่างจากเขา แล้วท่านจะปลอดภัย”

“เรื่องของความรู้สึก ในอนาคตเจ้าจะเข้าใจเองเมื่อเจ้ามีคนที่ชอบ”

ไม่รู้ว่าเฮ่อโยวคิดถึงอะไรอยู่ แววตาของเขาดูเจ็บปวดเล็กน้อย จากนั้นเขาจึงกล่าวว่า “ช่างเถอะ ท่านดื้อรั้นขนาดนี้ ข้าขี้เกียจเกลี้ยกล่อมท่านแล้ว”

หลังจากนั้นเฮ่อโยวจึงได้รู้ว่า ความจริงแล้วฉินหรูเหลียงไม่เพียงแต่ถูกเย่เหลียงทรมานจนบาดเจ็บสาหัส แต่เส้นเอ็นที่มือยังถูกทำลายจนเขาแทบจะกลายเป็นคนไร้ความสามารถ

ฉินหรูเหลียงไม่ได้พูดถึงความจริงที่ว่ามือข้างซ้ายของเขาถูกทำลายไปนานแล้ว แล้วนับประสาอะไรจะบอกไปว่านั่นคือฝีมือของเฉินเสียน

ตอนนี้มือทั้งสองข้างถูกทำลายไปแล้ว และบอกไปเพียงว่าเป็นฝีมือของเย่เหลียง ซึ่งทุกคนก็เชื่อสนิทใจ

เนื่องจากแผลที่มือซ้ายของเขาหายสนิทมานานแล้ว มองปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นแผลเก่า ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้ทุกคนสงสัย ฉินหรูเหลียงจึงสร้างแผลใหม่ที่ข้อมือข้างซ้ายเพื่อปกปิดรอยแผลเก่าเตรียมไว้ก่อนแล้ว

เฉินเสียนไม่ได้สนใจและไม่รู้เลยว่าฉินหรูเหลียงทำอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อใด

เฮ่อโยวได้ยินมาว่าหลิ่วเฉียนเฮ้อต้องการลงมือฆ่าเฉินเสียนกับซูเจ๋อตอนที่อยู่ในค่ายทหารของเย่เหลียง แต่น่าเสียดายที่แผนล้มเหลวและเขาก็ถูกจับกุม

เมื่อมีเวลาเขาจึงเดินไปที่กรงขังที่หลิ่วเฉียนเฮ้อถูกกักตัวเอาไว้

หลิ่วเฉียนเฮ้อเห็นว่าเฮ่อโยวยังเด็กและโง่เขลา จึงพูดกับเขาอย่างคลุมเครือว่า “คุณชายเฮ่อช่วยอะไรข้าสักอย่างจะได้หรือไม่ ข้าอยากจะถ่ายทุกข์ ท่านช่วยเปิดประตูนี่ให้หน่อยได้ไหม มือของข้าถูกล่ามไว้ หนีไปไหนไม่ได้หรอก”

เฮ่อโยวกล่าวว่า “ข้าก็อยากจะช่วยท่านนะ แต่กุญแจอยู่ที่เฉินเสียน ว่ากันว่านางทำหายไปแล้ว”

“ไม่เป็นไร ขอแค่คุณชายเฮ่อไปช่วยหาเข็มสักเล่มหรือของแหลมคมอะไรก็ได้มาให้ข้าก็พอ” หลิ่วเฉียนเฮ้อยุยงเขา

เฮ่อโยวเอ่ยว่า “ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยหามันมาให้ท่าน ไม่อย่างนั้นท่านคงต้องกลั้นไว้จนทรมาน”

หลิ่วเฉียนเฮ้อแอบดีใจและคิดว่าเฮ่อโยวเป็นคนหลอกง่าย ขอเพียงแค่เขาหาอะไรแหย่เข้าไปในรูกุญแจได้ หลิ่วเฉียนเฮ้อก็จะมีโอกาสปลดโซ่ตรวนและหลบหนี

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด