ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 91 สาวงามอยู่เบื้องหน้า

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 91 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เดิมทีรอยบาดแผลที่กลางฝ่ามือของเธอก็ลึกอยู่แล้ว ต่อมาเธอก็ทำให้มันหนักขึ้นกว่าเดิม จนดูไม่ได้เลย

เฉินเสียนสูดลมหายใจ ตอนที่ซูเจ๋อดึงผ้าพันแผลออกเธอก็ปาดน้ำตาเบาๆ

“เจ็บมากหรือ?”

“ท่านรู้อยู่แล้วก็ทำทีแกล้งถามหรือ?”

ซูเจ๋อเอ่ย“ใช่”

เฉินเสียนรู้สึกอึดอัดหายใจลำบาก แน่นอยู่ที่บริเวณหน้าอกเป็นอย่างมาก“ตอนนี้ข้าเจ็บมาก ท่านจะทำเยี่ยงไรกันเล่า?”

ซูเจ๋อมองเธออีกครั้ง เอ่ยอย่างเข้าใจ“ข้าก็บอกได้เพียงแค่ให้ท่านอดทน ข้ามิใช่ว่าจะเจ็บปวดแทนท่านได้”

เฉินเสียนรู้สึกลนลานขึ้นมาทันที และกล่าวขึ้น“ห้ะ ข้าเพิ่งจะค้นพบว่า พวกท่านคนที่ช่วยเหลือผู้คนนี่ น่าโมโหเสียจริงๆ ท่านปลอบใจคนป่วยดีๆสักหน่อยไม่ได้เชียวหรือ?”

ด้วยเหตุนี้ซูเจ๋อจึงเอ่ยปลอบใจเธอ“อย่าโมโหเลย โมโหแล้วทำให้ส่งผลไม่ดีต่อทารกนะ”

เฉินเสียนทำสีหน้าเบื่อหน่าย“ท่านปลอบใจคนได้ดีเสียจริง”

ซูเจ๋อหัวเราะออกมาทันที

เสียงที่ดังอยู่ภายในห้อง ทะลุเข้ามาในโสตประสาทของเฉินเสียน ราวกับเป็นเสียงดนตรีที่ซาบซึ้งกินใจที่สุดในโลก

ซูเจ๋อเอ่ย“เสร็จแล้ว”

เฉินเสียนก้มหัวลงมองฝ่ามือของตัวเอง ซูเจ๋อได้ทำแผลให้เธอเสร็จโดยที่เธอเองก็ไม่รู้ตัว อีกทั้งยังพันยาเรียบร้อยแล้ว

เมื่อครู่นี้เขาจงใจที่จะหันเหความสนใจของเธอใช่หรือไม่?

ช่วงที่พูดคุยกับเขา ตัวเธอเองก็ลืมความเจ็บปวดที่มือเสียจนหมดสิ้น

ซูเจ๋อบีบยาขี้ผึ้งสีขาวออกมา ไม่มองเฉินเสียนเลยสักนิด แล้วทายาที่บาดแผลบริเวณแขนกับหลังมือให้กับเธอเอ่ยถาม“บนร่างกายยังมีจุดอื่นที่มีบาดแผลอีกหรือไม่?”

เฉินเสียนเอ่ย“มีแล้วอย่างไรล่ะ ไม่มีแล้วอย่างไร?”

ซูเจ๋อชะงักงัน แล้วเอ่ยตัดบท“มีก็ถอดชุดออก ไม่มีก็ไม่ต้อง”

เฉินเสียนถูกตอกหน้าหงายแล้วสองครั้ง เอ่ยด้วยท่าทางไม่พอใจ“ไม่มี!”

ตั้งแต่เธอข้ามภพมา เป็นเธอที่ตอกกลับผู้อื่น ไม่เคยมีใครเถียงเธอได้

คนผู้นี้ น่าโมโหชะมัดเลย

เขามักจะแสยะยิ้มที่มุมปากอยู่เสมอ ถึงแม้จะดูดีเป็นอย่างมาก แต่ก็ยั่วโมโหเสียจริง

เฉินเสียนเอ่ยถามอีกอย่างเอาแต่ใจ“ท่านมีนามว่าอะไร?”

“ซูเจ๋อ ”ซูเจ๋อหรี่ตามองเธอ “ไม่เจอกันตั้งนาน อุปนิสัยใจคอท่านเปลี่ยนไปมากเหลือเกิน”

“ท่านก็รู้จักข้ามาก่อนหรือ?”

“ไม่เพียงแค่รู้จักเท่านั้น”

“ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นใครกัน มีฐานะอย่างไร?”เฉินเสียนไม่มีภาพแห่งความทรงจำกับชื่อนี้เลย และก็ยังไม่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับตัวเขาเลยสักอย่าง

“ได้ยินมาว่าท่านสูญเสียความทรงจำ เก็บสิ่งนี้ไว้ให้ท่านค่อยๆคิดละกัน”ซูเจ๋อเอ่ย “ช่วงที่ท่านตั้งครรภ์ ท่านควรที่จะฝึกสมองบ้าง ไม่เช่นนั้นอนาคตจะทำให้เขลาได้”

ห้ะ เจ้าซูเจ๋อ คนนี้นี่!

เธอจะสามารถใช้ขาเตะให้เขาหงายได้หรือไม่?

เฉินเสียนจ้องเขาเขม็งด้วยความโมโห “ท่านนั่นแหละเขลา ข้าจะถามท่านอีกหนึ่งคำถามเป็นครั้งสุดท้าย”

ระหว่างที่พูด เธอก็เข้าไปใกล้ๆ ทันใดนั้นเธอก็ใช้มือข้างที่ไม่บาดเจ็บคว้าเสื้อคลุมของซูเจ๋อไว้แน่น ดึงเขาเข้ามาตรงหน้าเธอ

เฉินเสียนมองเขา หลังจากนั้นก็โน้มเข้าไปดมบริเวณแขนเสื้อของเขา

ซูเจ๋อชะงักงันชั่วขณะ แล้วหัวเราะเย้ยหยันออกมาอย่างไพเราะ“คาดไม่ถึงว่าท่านยังมีความชอบเช่นนี้”

เฉินเสียนเอ่ย“กลิ่นของไม้กฤษณา ที่แท้มันแผ่กระจายกลิ่นออกมาจากตัวของท่าน ”เธอจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา“ยามวิกาลวันนั้นคนที่บุกเข้าไปในห้องของข้า คือท่านใช่หรือไม่?”

“คืนวันไหน?”ซูเจ๋อย้อนถามกลับอย่างอ้อยอิ่ง

“วันนั้นอยู่ในเรือนของเหลียนชิงโจวอย่างไรเล่า!”

 

ซูเจ๋อจงใจตอบกลับอย่างจริงจัง หลังจากนั้นยิ้มแล้วมองที่เฉินเสียน “ที่เรือนของเหลียนชิงโจววันไหนกันเล่า?”

เฉินเสียนกัดฟันกรอด เขาได้เอ่ยออกนอกเรื่องอีกครั้ง“มองดูแล้วข้าเป็นคนที่เหลวไหลเช่นนั้นเชียวหรือ?”

“ใครจะไปรู้เล่า!”เฉินเสียนเอ่ย “ท่านอย่าแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เลย ข้ารู้ว่าเป็นท่าน ท่านเข้ามาในห้องข้าในยามวิกาลเพื่อทำสิ่งใดกัน?”

ซูเจ๋อพูดปัดไปทางอื่นเหมือนไม่มีอะไร ลุกขึ้นยืนอย่างสง่างาม ผมด้านหลังกระจายอยู่บนไหล่ เพิ่มความอ่อนโยนให้กับเขาเป็นอย่างมาก

ซูเจ๋อเอ่ย“ท่านมั่นใจเช่นนั้นเชียว มีหลักฐานหรือไม่? ท่านเห็นกับตาตัวเองหรือ?ในเมื่อเห็นกับตาตัวเองแล้ว ไม่ใช่ว่ารู้แล้วแสร้งถามหรือ ถ้าหากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ก็ไม่ต้องเอ่ยพูดอย่างน้ำใสใจจริงให้น่าเชื่อถือ”

ครั้งนี้เอ่ยพูดเรื่องหลักฐานกับเธอ เฉินเสียนนึกไม่ถึงเลยว่าจะทำอะไรเขาไม่ได้เลย

เขาจัดการเก็บกล่องยาอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นหมุนตัวกำลังจะออกไป เดินมาถึงหน้าประตูแล้วหันกลับมายิ้มให้กับเฉินเสียน เอ่ยอย่างจริงจังว่า“อืม แทนที่จะคิดเรื่องฟุ้งซ่านเหล่านั้น ท่านควรพักฟื้นให้บาดแผลหายไม่ดีกว่าหรือ”

ใบหน้านั่น รอยยิ้มนั่น ทั้งหมดนั้นไม่ใช่ว่าอยู่ในขั้นร้ายกาจเหมือนกับฉินหรูเหลียงหรอกหรือ……..

แต่ความงดงามเช่นนี้ จำเป็นต้องมีบรรทัดฐานและหลักการ! เธอถูกบุรุษผู้นี้ทำให้สับสนงงงวยอย่างง่ายดายได้อย่างไรกัน

เฉินเสียนเอ่ยกระทบตามหลังเขา“ท่านสิฟุ้งซ่าน!”

ซูเจ๋อออกไปแล้วสักพักก็กลับมาอีก

ครั้งนี้เขาสวมใส่ชุดเก่าขาดรุ้งริ่ง บนตัวกึ่งแห้งกึ่งเปียก คล้ายกับว่าเพิ่งจะอาบน้ำมา ตอนที่เข้ามาในห้อง ได้ยกอาหารเข้ามาด้วย

ซูเจ๋อยกถ้วยโจ๊กขึ้น มือข้างหนึ่งถือช้อนหยก ตักป้อนเข้าไปในปากของเฉินเสียนอย่างเชื่องช้าอ้อยอิ่ง

เฉินเสียนเอียงหัวถาม “ข้ายังไม่คุ้นชินกับการที่มีบุรุษมาดูแลใส่ใจอย่างละเอียดเช่นนี้เลย”

ซูเจ๋อเอ่ยอย่างราบเรียบ“แต่ข้าได้ยินเหลียนชิงโจวพูดว่ารอท่านมีเงินร่ำรวยแล้ว ยังคิดอยากที่จะเลี้ยงดูหนุ่มรูปงามไม่ซ้ำหน้า ข้าคิดว่าท่านน่าจะคุ้นชินกับการที่มีบุรุษมาดูแลใส่ใจนะ”

 

เฉินเสียนตบโต๊ะ “ท่านกับเหลียนชิงโจวเป็นคู่ขากันหรือ เหตุใดเขาถึงได้พูดกับท่านทุกเรื่อง?”

“กินก่อนเถิด อีกประเดี๋ยวยังต้องดื่มยา”มองดูแล้วซูเจ๋อก็ไม่คล้ายกับคนที่จะดูแลใส่ใจคนเลย เพียงแค่ตอนนี้สถานการณ์มันพิเศษ เฉินเสียนบาดเจ็บที่มือทำอะไรก็ไม่สะดวก

พอดิบพอดีกับที่เธอบาดเจ็บที่มือข้างขวาด้วย

เฉินเสียนแย่งช้อนมาจากมือเขา “ข้าทำเองได้”

“ในเมื่อท่านต้องการทำเอง ก็ต้องทำทั้งหมด ถ้วยก็ยกเองเสียเถิด”

“ยกเองก็ย่อมได้ ”เฉินเสียนรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ถูกโอ๋จนเปราะบางเช่นนั้น นำช้อนวางไว้อีกด้านใช้มือซ้ายยกถ้วยโจ๊กขึ้นแล้วก็ดื่ม

โชคดีที่ซูเจ๋อทำให้โจ๊กเย็นลงแล้ว อุณหภูมิกำลังดี

มองผ่านๆดูไม่ออกว่าในโจ๊กนั้นมีความโดดเด่นพิเศษ ดูธรรมดาทั่วไป แต่พอได้ดื่มหนึ่งคำ เฉินเสียนก็สัมผัสได้ถึงความหอมของยาสมุนไพร รสชาตินั้นเข้าไปในปากแล้วหลอมละลาย ไม่รู้ว่าใช้ความชำนาญไปเท่าไหร่กันนะ

ซูเจ๋อเทน้ำลงไปในแก้วน้ำชาเพิ่ม “หลังจากกินเสร็จแล้วจะเผ็ดร้อนที่ปาก ข้าจะไปหยิบยามาให้ท่าน”

รอจนตอนที่ซูเจ๋อยกยาเข้ามา เฉินเสียก็ได้ล้างปากเรียบร้อยแล้ว

ยานี้เพิ่งจะต้มมา ยังมีความร้อนอยู่บ้างเล็กน้อย ซูเจ๋อได้ใช้ช้อนคนให้เข้ากันอย่างใส่ใจ

เฉินเสียนเหลือบมอง เอ่ยว่า“ท่านไม่สามารถที่จะเชิญหมอที่มีความสามารถมาดูก่อนแล้วค่อยเบิกยาต้มหรือ?”

ซูเจ๋อเอ่ยเสียงสูง“ท่านรู้สึกว่าข้ามีความสามารถไม่เพียงพออย่างนั้นหรือ?”

เฉินเสียนนวดคลึงที่ขมับก่อนเอ่ยว่า“ข้าแค่ให้ท่านเชิญหมอมา นี่สรุปท่านรู้ความหรือไม่?”

“ข้าเข้าใจด้านการแพทย์อยู่บ้าง”

“เข้าใจอยู่บ้างนั่นคือกี่คะแนน?”

ซูเจ๋อคิดไปมา “ข้าถ่อมตนเล็กน้อยนะ ก็เก้าคะแนน”

เฉินเสียนเอ่ยเสียงหนักแน่น“คุณชายซูท่านนี่ถ่อมตนเสียจริง!เช่นนั้นทำให้ข้าดูหน่อย ข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”

ซูเจ๋อเอ่ย“เมื่อครู่ตอนที่ท่านหลับอยู่ข้าได้ดูแล้ว วางใจเถิด เมื่อคืนประสบกับเหตุการณ์ร้ายแรงแต่เคราะห์ดีท่านนั้นไม่เป็นอันใด มีเพียงแค่การบาดเจ็บภายนอก ”เขาชะงักงันไปสักครู่ ก็มองเธออีกแล้วเอ่ย“ทารกปลอดภัยดี แต่ต้องหลีกเลี่ยงเรื่องตื่นตระหนก ดื่มยาสองชุดนี้ทำให้สงบลงนอกนั้นก็ไม่เป็นอะไรแล้ว”

ยากที่จะได้ยินเขาพูดประโยคที่จริงจังเช่นนี้ ใจของเฉินเสียนก็นับว่าปล่อยวางผ่อนคลายลงได้แล้ว

เธอก้มลงลูบท้องของตัวเอง ลูกไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว

ซูเจ๋อมองท่าทางที่อ่อนโยนของเธอ สายตาเปล่งประกายลุกวาว

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด