ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 113 มอบของขวัญ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 113 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

หลิ่วเหมยอู่ยิ่งคิดก็ยิ่งเป็นกังวล พอกลับเข้าห้องก็รีบพูดกับหลิ่วเฉียนเฮ้อว่า : “ท่านพี่ ท่านอยู่ที่นี่ต่อไม่ได้แล้ว คืนนี้ต้องออกไปจากที่นี่ทันที”

บาดแผลของหลิ่วเฉียนเฮ้อยังไม่หายดี แต่เพียงแค่ลงจากเตียงไม่ได้เป็นปัญหาอะไร

เขาพูดขึ้นว่า : “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่จะใช้พักระยะยาว ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่พูด วันสองวันนี้ข้าก็จะไปอยู่ดี ข้าไม่อยากจะให้เจ้าพลอยโดนหางเลขไปด้วย”

หลายวันมานี้ฉินหรูเหลียงอาการดีขึ้นเร็วมาก อาจเป็นเพราะฝ่าบาททรงอนุญาตให้งดการเข้าเฝ้ายามเช้า แต่เขาเองก็ไม่ได้นิ่งดูดายอยู่แต่ในบ้าน

ป้อมปราการเขตชายแดนของเมืองหลวงถูกจัดระเบียบใหม่ เตรียมพร้อมด้วยการคุ้มกันอย่างหนาแน่น ตามท้องถนนจะเห็นเจ้าหน้าที่และทหารลาดตระเวนผ่านไปมาไม่ขาดสาย

แต่เขาเองก็ไม่ได้หละหลวมเลยแม้แต่น้อย หน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ตลอด

เขาค้นหาทั่วทั้งเมืองหลวงอย่างละเอียด แต่กลับหานักฆ่าที่แท้จริงไม่เจอ เรื่องนี้เป็นเหมือนดั่งเสี้ยนหนามที่คอยทิ่มตำใจเขาอยู่ตลอดเวลา เกลียดที่ไม่สามารถจัดการให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

ฉินหรูเหลียงเข้ามาในประตู ก็เห็นแม่บ้านจ้าวที่กำลังรออยู่ที่ประตูทางเข้า

เมื่อเห็นเขากลับมาแล้ว แม่บ้านจ้าวรีบเข้าไปต้อนรับทันที แม่บ้านจ้าวที่หน้าบานเป็นกระด้ง รีบพูดขึ้นว่า : “ท่านแม่ทัพกลับมาเสียที องค์หญิงสั่งให้บ่าวมารอรับท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ พระองค์เชิญท่านแม่ทัพให้ไปที่สวนสระวสันตฤดูหน่อยเจ้าค่ะ”

ฉินหรูเหลียงนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง นี่ถือเป็นครั้งแรกที่องค์หญิงเชิญเขา

แม่บ้านจ้าวที่เห็นว่าองค์หญิงใจอ่อนแล้ว จะให้นางไม่ยินดีปรีดาได้อย่างไร

ขอเพียงแค่เห็นองค์หญิงกับท่านแม่ทัพได้พัฒนาความสัมพันธ์ไปอีกขั้น ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว

เฉินเสียนเชิญเขาอย่างนั้นหรือ? ฉินหรูเหลียงที่พึ่งได้สติ เขาแทบไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลย

ผู้หญิงคนนั้นเปิดใจแล้วเหรอ?

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ลึกๆ ในใจของฉินหรูเหลียงกลับรู้สึกรอคอยอย่างบอกไม่ถูก

ช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาได้ใช้เวลาคิดทบทวนเรื่องบางเรื่องอย่างละเอียดถี่ถ้วน

ในเมื่อเฉินเสียนไม่ใช่เฉินเสียนคนเดิมอีกต่อไป เขาเองก็ไม่จำเป็นต้องทำกับนางเหมือนเมื่อก่อน

ตอนนี้เฉินเสียนยอมถอยไปหนึ่งก้าว งั้นเขาก็ควรจะถอยออกมาหนึ่งก้าวด้วยเช่นกัน

ฉินหรูเหลียงมุ่งตรงไปที่สวนสระวสันตฤดูทันทีอย่างไม่ลังเล เมื่อเข้าไปแล้วก็เห็นเฉินเสียนที่กำลังกำกับอวี้เยี่ยนบดผงยา

ถ้าเดาไม่ผิด ผงยาตัวนี้น่าจะเป็นตัวยาที่จะให้เขาใช้เพื่อรักษาอาการหลังการบาดเจ็บ

ถึงแม้ว่าช่วงกลางวันเขาจะตระเวนเดินทางไปทั่ว แต่แผลที่หลังของเขาต้องได้รับการทำความสะอาดแผลและเปลี่ยนยาใหม่เสมอ

เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นมามองเขา แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านแม่ทัพ กลับมาแล้วหรือ วันนี้ตระเวนอยู่ข้างนอกทั้งวัน ได้อะไรมาบ้าง?”

ฉินหรูเหลียงเข้าไปในเรือนหย่อนตัวนั่งลง แม่บ้านจ้าวรีบยกน้ำชาตามมาให้

ฉินหรูเหลียงยกแก้วน้ำชาขึ้นมาหมุนอยู่สองสามรอบ มองดูเฉินเสียนที่กำลังชั่งยาเพื่อจัดยา แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านไปเรียนการแพทย์ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”

“ก็คงก่อนที่ข้าจะโง่เขลากระมัง” เฉินเสียนพูดไปเรื่อยเปื่อย : “ท่านไม่ได้กำลังจะไปรายงานกับฝ่าบาทหรอกหรือ?”

“ท่านจำเป็นต้องพูดขนาดนี้เชียวหรือ?”

เฉินเสียนหัวเราะ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร

ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ฉินหรูเหลียงก็พูดขึ้นว่า : “หลายวันมานี้ ขอบใจท่านมากที่คอยดูแลข้า”

เฉินเสียนหยุดอึ้งไป เงยหน้าขึ้นมามองเขา : “ท่านว่าอะไรนะ?”

“ขอบใจท่านมากที่คอยดูแลข้า” ฉินหรูเหลียงพูดใหม่อีกรอบ

เฉินเสียนกลับพูดขึ้นว่า : “พูดดังๆ หน่อยข้าไม่ได้ยิน”

เส้นเลือดใหญ่ที่ขมับของฉินหรูเหลียงเต้นตุ้บๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า : “ได้คืบจะเอาศอก”

เฉินเสียนเม้มปากยิ้ม พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “คืออย่างนี้ เห็นแก่ที่ท่านมีความจริงใจบ้าง ข้าเลยมีของขวัญจะให้ท่าน”

“ของขวัญอะไร?”

“หลายวันมานี้ทั้งเมืองหลวงเต็มไปด้วยทหาร กายใจราษฎรพากันแตกตื่น นี่เป็นความตั้งใจของท่านแม่ทัพหรือ?”

ฉินหรูเหลียงแววตาลุ่มลึก พูดขึ้นว่า : “วันฉลองวันคล้ายวันประสูติของพระพันปี ในวังกลับเกิดเรื่องเยี่ยงนั้นขึ้น ระมัดระวังรอบคอบไว้ก่อนไม่ควรหรือ?”

ถ้าคิดแบบนี้ ก็ไม่มีอะไรไม่ควรหรอก

“นักฆ่ากับสายลับถูกท่านแม่ทัพกำจัดหมดแล้วไม่ใช่หรือ? หรือว่ายังเหลือคนที่ยังจับไม่ได้? ผู้สมรู้ร่วมคิดของนักฆ่า?” เฉินเสียนถามขึ้น

ฉินหรูเหลียงมองเธออยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “เรื่องที่ท่านไม่สมควรจะถามก็อย่าถามให้มากความ”

เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “ท่านใช้เวลาในการหานานขนาดนี้แต่กลับหาไม่เจอ ไม่แน่เขาอาจจะซ่อนอยู่ในที่ที่ท่านคาดไม่ถึงก็เป็นได้ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ ที่ที่อันตรายที่สุดก็คือที่ที่ปลอดภัยที่สุด”

ฉินหรูเหลียงหรี่ตาลง : “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”

เฉินเสียนหัวเราะพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “วันนี้ข้าเจอเซียงหลิงเข้า ได้ยินมาว่าอาการของหลิ่วเหมยอู่ดีขึ้นแล้ว ตั้งแต่กลับจากวังคราวก่อน ท่านแม่ทัพยังไม่ได้เจอหน้าหลิ่วเหมยอู่เลย ไม่คิดถึงนางบ้างเลยหรือ?”

ฉินหรูเหลียงรู้ดีว่าตั้งแต่เขาเริ่มยุ่งๆ ก็ไม่มีเวลาดูแลหลิ่วเหมยอู่เลย รู้ว่านางป่วยแต่กลับไม่ได้ไปถามไถ่ ตั้งแต่ที่วังเกิดเรื่องขึ้น เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจจะไปพลอดรักใดๆ ทั้งนั้น

หลิ่วเหมยอู่ทำให้เขาผิดหวังนั้นเป็นเรื่องจริง และเขารักหลิ่วเหมยอู่ก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน

พอนึกถึงหลิ่วเหมยอู่ขึ้นมา ในใจของฉินหรูเหลียงก็กระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูก

เฉินเสียนเลิกคิ้วขึ้นสูง แล้วพูดต่อว่า : “ครั้งก่อนที่ท่านไม่ทำร้ายข้าเพื่อหลิ่วเหมยอู่ ข้ารู้ว่าถึงแม้ที่ถนนนั่นจะมีพยาน หากว่าท่านต้องการจะเข้าข้างนางจริง ท่านคงจะมีความสามารถเพียงพอที่จะไปจัดการพยานเหล่านั้นให้หมดจดก่อนเป็นอันดับแรก แต่ท่านกลับไม่ทำ เอามาได้ก็ต้องแบกรับได้ ยังนับว่าจิตใจกว้างขวางตรงไปตรงมาดี”

“ท่านแม่ทัพฉินออกจะรักเหมยอู่ขนาดนั้น คืนนั้นทำข้าตาสว่างจริงๆ”

ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก เขาไม่ได้ยินดียินร้ายกับคำพูดของเฉินเสียน : “ท่านคงคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกมาก ไม่เพียงแต่ท่านเท่านั้น ผู้คนทั้งหมดก็คงจะคิดว่ามันเป็นเรื่องตลกสิ้นดี ไยท่านยังต้องมาพูดจาหักหาญน้ำใจ ประชดประชันข้าอีก”

เฉินเสียนยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านว่าประชดประชันงั้นก็ประชดประชันก็แล้วกัน เพราะถึงอย่างไรข้าเองก็ไม่ได้เสียหายอะไร เพียงแต่ว่าผู้หญิงที่ท่านแม่ทัพเสียเงินเพื่อช่วยนางกลับมา แต่กลับทิ้งไว้ในเรือนไม่ไปสนใจไยดี งั้นที่ท่านแม่ทัพยอมโดนโบยก็ไม่เท่ากับเจ็บตัวเปล่าๆ หรือ”

ค่ำคืนค่อยๆ ดึกลงเรื่อยๆ

เมฆสีเทาเข้มค่อยๆ จางหายไป เหลือไว้เพียงผืนฟ้าสีมืดสนิท ดวงดาวค่อยๆ ปีนป่ายปรากฏตัวขึ้นมาประดับท้องฟ้า ทำให้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดายจนเกินไป

เฉินเสียนยกกระโปรงแล้วลุกขึ้นยืน พูดต่อไปว่า : “ที่ตรงนี้ก็ไม่ขอรั้งท่านแม่ทัพไว้แล้ว ท่านแม่ทัพทำไมถึงไม่ไปดูหลิ่วเหมยอู่ที่สวนดอกพุดตานเสียหน่อย รื้อฟื้นความสัมพันธ์เสียใหม่ ราตรีนี้มันช่างสั้นนัก ท่านแม่ทัพก็อย่ามัวแต่เสียเวลาเลย”

ฉินหรูเหลียงสีหน้าเข้มขรึม : “ท่านบอกว่ามีของขวัญจะให้ข้า?”

เฉินเสียนหันกลับมา ยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า : “ก็คือเหมยอู่ไง นางเป็นของล้ำค่าของท่านไม่ใช่หรือ เดี๋ยวไปที่สวนดอกพุดตานแล้ว ก็จะเจอเรื่องน่าตื่นเต้นเอง”

ฉินหรูเหลียงที่ยืนอยู่นอกเรือน มองเฉินเสียนกลับเข้าเรือน จากนั้นอวี้เยี่ยนก็มาปิดประตูอย่างกล้าๆ กลัวๆ เหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยืนอยู่ในสวนให้ลมเย็นพัด

ฉินหรูเหลียงรู้สึกแอบผิดหวังลึกๆ ผู้หญิงคนนี้เรียกเขามา ก็เพื่อจะส่งเขาไปที่สวนดอกพุดตานหรอกหรือ?

อะไรคือจะให้ของขวัญเขา เหมยอู่ก็เป็นผู้หญิงของเขาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว มันนับเป็นของขวัญที่ไหนกัน? และเขาก็ไปเชื่อจนได้

ฉินหรูเหลียงหมุนตัวออกจากสวนสระวสันตฤดู

อวี้เยี่ยนที่แอบดูเงาแผ่นหลังของเขาผ่านทางหน้าต่าง แล้วจึงพูดกับเฉินเสียนว่า : “องค์หญิง เขาไปแล้วเพคะ”

อวี้เยี่ยนที่ค่อนข้างร้อนใจ จึงรีบพูดต่อว่า : “องค์หญิงทำไมไม่บอกท่านแม่ทัพไปตรงๆ เลยเพคะ ว่าที่สวนดอกพุดตานแอบซ่อนคนอื่นไว้อยู่ ถ้าเกิดท่านแม่ทัพไม่ไปที่สวนดอกพุดตานล่ะจะทำยังไง?”

เฉินเสียนพูดขึ้นว่า : “ที่สวนดอกพุดตานมีคนอื่นแอบซ่อนอยู่ ทั้งเจ้าและข้าไม่ได้เห็นกับตา และหากข้าพูดไปเขาเองก็คงจะไม่เชื่อ สู้ให้ฉินหรูเหลียงไปเห็นด้วยตาตัวเองเสียดีกว่า หากเขาไม่สนใจไยดีเหมยอู่ แล้วเราจะสนใจทำไมกันล่ะ?”

เฉินเสียนเป็นห่วงอยู่เรื่องเดียว ถ้าเกิดว่าที่สวนดอกพุดตานซุกซ่อนคนไม่ดีเอาไว้ และฉินหรูเหลียงก็เจอกับผู้สมรู้ร่วมคิดของนักฆ่าขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะก็ แบบนี้คงจะอันตรายมากแน่

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด