ข้าคือหงส์พันปี – บทที่127 เส้นทางในอนาคต พวกเรามาคอยดูกัน
อวี้เยี่ยนเกร็งคอ ชี้นิ้วไปที่หลิ่วเหมยอู่กับเซียงหลิง
เฉินเสียนคลายนิ้วมือออกจากคางของนาง แล้วกล่าวขึ้นว่า“ลุกขึ้น”
อวี้เยี่ยนเคลื่อนไหวสองขาของนาง แต่ทว่าฉินหรูเหลียงได้กล่าวขึ้นว่า“สาวใช้คนหนึ่ง กล้าลงไม้ลงมือกับนายหญิง เป็นนางที่ทำผิดก่อน คุกเข่าอยู่ในเรือนก็สมควรแล้ว”
เฉินเสียนทำราวกับด้านข้างไม่มีคน กล่าวอีกว่า“ลุกขึ้น”
ฉินหรูเหลียงมองแผ่นหลังที่หยิ่งผยองของเธอ สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวพูดสิ่งใดออกมาอีก
อวี้เยี่ยนลุกขึ้นยืน ถึงแม้ว่าทั้งตัวจะเต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากรอยบาดแผล แต่ก็ยังยืนยืดตัวตรงได้ ฝืนกลั้นน้ำตาไว้แล้วกล่าวว่า“องค์หญิง บ่าวใช้ไม่ได้ บ่าวสู้พวกนางไม่ได้เพคะ ไม่สามารถแทงนายหญิงหลิ่วให้ตายได้เพคะ”
เฉินเสียนยื่นมือออกไปปัดฝุ่นบนตัวของอวี้เยี่ยนออก เช็ดน้ำตาที่ขอบตาของนางด้วย แล้วกล่าวขึ้นว่า“ไม่เป็นไร มีข้าอยู่ จะไม่ให้คนอื่นเอาเปรียบได้หรอก”
จากนั้นนางก็เดินผ่านอวี้เยี่ยนไป โค้งตัวก้มลงเก็บกริชนั้นขึ้นมา กอบกุมไว้ในกำมือแล้วเดินไปทางหลิ่วเหมยอู่
หลิ่วเหมยอู่ก้าวถอยหลังไป ร้องไห้อย่างหมดหนทางมองไปที่ฉินหรูเหลียง “ท่านแม่ทัพ………”
ก่อนที่เฉินเสียนจะเดินถึงขั้นบันได ฉินหรูเหลียงยังยืนโงนเงนขวางหน้าเฉินเสียนอยู่
เขาก้มหัวลงมองใบหน้าที่ซูบเซียวของเธอ ภายในใจรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก กล่าวขึ้นว่า“ท่านทำไมไม่พักผ่อนอยู่ในเรือน มาทำสิ่งใดที่นี่”
เฉินเสียนจ้องเขม็งใส่หลิ่วเหมยอู่ แล้วกล่าวว่า“ถ้าหากข้าพักผ่อนอยู่ในเรือน มันก็ง่ายต่อการที่พวกท่านจะตีคนของข้าให้ตายใช่หรือไม่?”
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า“เป็นอวี้เยี่ยนที่ลงมือก่อน ข้าเองยังมาไม่ทันที่จะลงโทษนางเลย ถ้าหากตอนนี้ท่านต้องการนำตัวนางไป เรื่องราวครั้งนี้ข้าก็จะไม่ไต่สวนอีก”
เฉินเสียนชี้กริชใส่หลิ่วเหมยอู่ ทันใดนั้นก็กล่าวกับฉินหรูเหลียงว่า “ท่านเคยคิดหรือไม่ว่าสิ่งที่ท่านทำเพื่อช่วยนางไว้ ข้ากับลูกก็อาจจะตายได้?”
ฉินหรูเหลียงมองเธอ นานมากแล้วกล่าวขึ้นว่า“ข้าขอโทษ”
เฉินเสียนกล่าวกับหลิ่วเหมยอู่ว่า “ยังดี พวกข้าพบเจอเรื่องราวอุปสรรคมามากมาย โชคดีที่รอดตายมาได้ต่อไปต้องพบเจอกับโชคดีอย่างแน่นอน แต่เจ้าอนาคตนั้นยังไม่แน่เลย ”หยุดไปสักพักหนึ่ง แล้วกล่าวต่ออีกว่า“ฉินหรูเหลียง ท่านเคยพูดว่าเพียงแค่ข้ายอมช่วยนาง ไม่ว่าสิ่งใดท่านก็จะรับปากยินยอมข้าทั้งหมด ตอนนี้ท่านใช้รกของข้าทำส่วนผสมของยาให้กับนาง ก็นับว่าข้าได้ช่วยนางแล้ว ท่านยังรักษาสัจจะอยู่หรือไม่?”
ฉินหรูเหลียง กล่าวว่า“ข้ารักษาสัจจะอยู่แล้ว”
“ถ้าหากว่าข้าต้องการให้นางตายเล่า”
ฉินหรูเหลียงกล่าวขึ้นว่า“ข้าซาบซึ้งในน้ำใจท่านมากที่ท่านช่วยชีวิตนาง แต่นางไม่ได้ทำสิ่งใดเลย เฉินเสียน ท่านกับลูก…….ก็ไม่ได้เป็นอันใดไม่ใช่หรือ?”
เฉินเสียนกล่าวว่า“เพียงแค่ว่าคลอดก่อนกำหนดหนึ่งเดือนเท่านั้น ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่เป็นอะไรหรอก ท่านก็ได้รับในสิ่งที่ท่านต้องการ เพราะฉะนั้นนี่คือเหตุผลที่ท่านมุทะลุแหกท้องของข้าออกหรือ?”
ฉินหรูเหลียงไม่มีอะไรจะกล่าวพูดออกมา
“ดีมาก ตอนนี้ท่านไม่อยากให้ข้าแตะต้องนาง ”เธอเอียงตัว มองฉินหรูเหลียงอย่างแน่วแน่ แล้วกล่าวขึ้นอีกว่า“เช่นนั้น ข้าก็จะให้ท่านชดใช้คืน”
“ท่านต้องการให้ข้าชดใช้คืนอย่างไร?”เพียงแค่เขาสามารถทำมันได้ เขาก็ยินยอมที่จะชดเชยให้กับเธอ
เฉินเสียนโยนกริชให้กับเขา กล่าวทีละคำอย่างชัดเจนว่า“แทงตัวท่านเองก่อนสิ”
หลิ่วเหมยอู่ตะโกนด้วยความหวาดกลัวว่า“อย่านะเจ้าคะท่านแม่ทัพ!”
ฉินหรูเหลียงกอบกุมกริชไว้ ก้มหัวลงมองกริชที่คมกริบนั่น หลังจากนั้นไม่ลังเลที่จะกำมันขึ้นแล้วหันไปทางไหล่ของตัวเองและแทงเข้าไป
เลือดสีแดงสดเปียกชื้นเสื้อของเขา ปรากฏให้เห็นระดับความลึกของรอยนั้นด้วย
ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปาก กล่าวขึ้นว่า“ถ้าหากว่ากริชที่แทงลงมาที่ไหล่ของข้าสามารถทำให้ท่านคลายความเกลียดชังได้ ข้ายินยอมที่จะรับมัน”
หลิ่วเหมยอู่ตื่นตระหนกวี้ดร้องเสียงแหลม สีหน้าซีดเผือด “ท่านแม่ทัพ!”
ฉินหรูเหลียงไม่มองหลิ่วเหมยอู่เลย กล่าวขึ้นมาอย่างแน่วแน่ว่า“เจ้าไม่ต้องเข้ามา นี่เป็นบุญคุณความแค้นของข้ากับนาง”
เฉินเสียนเดินเข้าใกล้หนึ่งก้าว ยื่นมือกุมกริชที่อยู่บนไหล่ของเขาแน่น
คิ้วของฉินหรูเหลียงกระตุกสั่นไหว ฝืนอดกลั้นกับความเจ็บปวดนั้น
หลิ่วเหมยอู่ตกใจจนหน้าซีดเผือด ร้องตะโกนกล่าวขึ้นว่า“เฉินเสียน! ท่านหยุดเดี๋ยวนี้!อย่าทำร้ายท่านแม่ทัพ!”
หลิ่วเหมยอู่ร้องตะโกนเสียงดังมากขึ้น คล้ายดั่งสามารถเพิ่มพูนความสนุกสะใจให้กับเฉินเสียนได้ นิ้วมือของเธอค่อยๆออกแรง ความคมของกริชนั้นราวกับเสียดสีกับกระดูกไหล่ของเขา
เฉินเสียนกล่าวขึ้นว่า“เกลียดชัง?การเกลียดชังคนคนหนึ่งต้องจดจำคนคนหนึ่งก่อน ท่านมีคุณสมบัติอะไรให้ข้าเกลียดชังเล่า?”
“ฉินหรูเหลียง ข้าเฉินเสียนเรื่องที่เสียใจภายหลังที่สุดก็คือ ไม่ใช่เรื่องตอนนั้นที่ข้าไม่ยอมแยกแยะผิดถูกต้องการจะแต่งงานกับท่านนะ แต่เป็นเรื่องที่ข้าคิดไม่ถึง คิดว่าท่านจะเป็นคนดีคนหนึ่งได้ ”
ความเจ็บปวดนั้นตามกันมากับคำพูดของเธอ แผ่ซ่านถึงจิตใจเขา
ฉินหรูเหลียงกล่าวเสียงต่ำว่า“ท่านคงผิดหวังมากแน่ๆ”
เฉินเสียนยิ้ม แล้วกล่าวขึ้นว่า“ผิดหวังเล็กน้อย เพราะว่าตอนที่คิดว่าท่านจะเป็นคนดีได้นั้น ภายในจิตใจของข้ามีความคาดหวังอยู่เพียงเล็กน้อย
ข้าคิดว่าเมื่อก่อนที่ท่านไม่ยุติธรรมกับไร้ความรู้สึกต่อข้า เป็นเพียงเพราะว่าท่านรักหญิงอื่นอยู่ ก็ต่อให้ท่านรักหญิงอื่น ตอนที่อยู่ต่อหน้าขุนนางราชสำนักมากมาย ท่านก็ไม่ไช่ว่าจะแยกแยะไม่ได้สิ่งใดถูกสิ่งใดผิด หรือบิดเบือนข้อเท็จจริงไม่ยุติธรรมไปทางหญิงอื่นที่ท่านรัก
มิเช่นนั้นท่านคิดว่าที่ข้ายินยอมช่วยท่าน เป็นเพียงเพราะว่าแม่บ้านจ้าววิงวอน?
เป็นเพราะท่านยินยอมรับโทษแล้วก็ไม่ได้ใส่ร้ายป้ายสีข้า เพื่อที่จะปกป้องหญิงอื่นที่ท่านรักนั้น ท่านสามารถที่จะคุกเข่าหมอบบนพื้นขอร้องอ้อนวอน ตอนที่ท่านคุกเข่ารับโทษอยู่ด้านล่างประตูหานอู่ ในตอนนั้นข้าคิดว่าท่านฉินหรูเหลียงก็เป็นชายคนหนึ่งที่ดี!”
ฉินหรูเหลียงสูดหายใจเข้าลึกๆ เปิดเปลือกตามองเธอ สั่นสะท้านเล็กน้อย
เธอกล่าวขึ้นว่า“แต่ก็เป็นความคาดหวังที่งมงาย อีกนิดหนึ่งมันก็ทำให้ข้าไม่มีทางที่จะฟื้นคืนชีพตลอดไป”
ระหว่างที่กล่าวอยู่กริชบนมือก็แทงเข้าไปในเนื้อของฉินหรูเหลียงอย่างเหี้ยมโหด เลือดสีแดงสดไหลย้อนลงมาเต็มแขนของเขา ตามด้วยแขนร่วงหล่นลงมาจากแขนเสื้อ
ฉินหรูเหลียงรู้สึกว่าทั้งแขนของเขานั้นไร้ความรู้สึกไปแล้ว
เธอยังคงสีหน้าเหี้ยมโหด“เดิมทีข้าคิดว่าเมื่อก่อนต่อให้ไม่มีความสุข ระหว่างข้ากับท่าน ยังคงอาจจะสามารถเลิกกันไปได้ด้วยดี ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่มีทางเป็นเช่นนั้นแล้ว
ตั้งแต่ไหนแต่ไรท่านไม่เคยเชื่อข้าเลย กลับคิดเพ้อเจ้อข้าจะเชื่อใจท่านสักครึ่งหนึ่ง
แต่ไหนแต่ไรท่านไม่เคยสงสารข้ากับลูก ก็อย่าได้คิดเพ้อเจ้อว่าข้าจะสงสารท่านกับผู้หญิงของท่านสักครึ่งหนึ่ง
ฉินหรูเหลียง เส้นทางในอนาคต พวกเรามาคอยดูกัน”
พูดจบแล้ว เฉินเสียนชักกริชออกมาทันที ถือโอกาสกรีดลงไปด้านล่าง
เสียงขาดของผ้าไหมดังขึ้น เธอกรีดแขนเสื้อของฉินหรูเหลียงขาด สายตาไม่กระพริบเลย
เวลานั้นฉินหรูเหลียงรู้สึกว่านับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปนางคงไม่คาดหวังสิ่งอื่นใดกับตัวเองอีกแล้ว
เป็นความขมขื่นที่ยากจะพูดมันออกมา เขาก็ยังไม่รู้ว่าเพราะอะไร
แต่เขารู้ว่าเขาทำผิดอะไร
เสียงร้องไห้ของหลิ่วเหมยอู่ดังอยู่ข้างหู นางด่าเฉินเสียนตามอำเภอใจ นางอยากจะพุ่งมาตบตีเฉินเสียน แต่ถึงอย่างไรนางก็ยังกลัวกริชที่อยู่ในมือของเฉินเสียน
การตัดเยื่อใยของเฉินเสียน ถ้าหากหลิ่วเหมยอู่กล้าเข้ามาใกล้ตัว เธอไม่มีทางออมมืออย่างแน่นอน
ฉินหรูเหลียงไม่โทษเธอ เขานึกถึงวันนั้นท่ามกลางฝนตกฟ้าร้องขึ้นมาทันที เธอร้องไห้อย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมานอยู่ที่สถานที่นั้น หลังจากวันนั้นมา ต่อให้นานเพียงใด ก็คงจะไม่มีทางลืมมันได้เลย
เป็นเขาที่ติดค้างเธอ
อย่างไรก็ตามชั่วประเดี๋ยว ข้อมือของเฉินเสียนก็หมุนกลับ เธอกรีดที่แขนเสื้อของฉินหรูเหลียงแล้วทันทีหลังจากนั้นเธอก็กรีดที่ข้อมือของฉินหรูเหลียงเบาๆ
คมกริชแหลมคมมาก การเคลื่อนไหวเธอก็เร็วมาก ไหล่ของฉินหรูเหลียงเจ็บจนสูญเสียความรู้สึกจนมีปฏิกิริยากลับมาไม่ทัน เพียงแค่รู้สึกว่าข้อมือเย็นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
ฉินหรูเหลียงขมวดหัวคิ้ว เขารู้สึกว่าไหล่ของตัวเองเกิดอาการชักกระตุกจนไม่มีแรง
เขาก้มหัวลงมอง เห็นข้อมือมีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากรอยแผลนั้นอย่างฉับพลัน สีหน้าก็เปลี่ยนไป
เลือดสีแดงสดอุ่นๆสาดกระเด็นเข้าที่หน้าขาวของเฉินเสียน ดวงตาของเฉินเสียนถูกเลือดนั้นสาดใส่แปดเปื้อนเป็นสีแดง เธอสีหน้าไร้ความรู้สึกกล่าวขึ้นว่า“ท่านคิดว่าข้าเพียงแค่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับท่านหรือ ไร้เดียงสาเสียจริง”
เธออิงตามความชำนาญและคล่องแคล่วเป็นอย่างมากตัดที่เส้นเอ็นมือซ้ายของฉินหรูเหลียงขาด
คอมเม้นต์