ข้าคือหงส์พันปี – บทที่130 กระทำเรื่องที่ไม่ดีมา
กำลังอ้าปากจะพูด ไม่รู้ว่าซูเจ๋อเอาสิ่งใดเข้ามาในปากของเขา รู้สึกเย็นสบาย ทะลุผ่านปากไหลลื่นลงคอเข้าไปในหัวใจและปอด
ซูเจ๋อมองเข้าไปในดวงตาเขา เห็นแสงเทียนกะพริบระยิบระยับอย่างชัดเจน น่าจะเป็นดวงตาใสแจ๋วกับความอบอุ่น แต่ทว่ากระดูกสันหลังของหมอค่อยๆมีความเยือกเย็นหวาดกลัวคืบคลาน
ซูเจ๋อกล่าวว่า"เช่นนั้นข้าก็ยิ่งคิดว่าตัวท่านเองเกิดอารมณ์ชั่ววูบ รู้สึกว่ารกมนุษย์สามารถนำมาเป็นส่วนผสมของยาถอนพิษได้"
พูดแล้วมือที่ออกแรงก็คลายปล่อยออกจากคอของหมอ
หมอร่วงลงพื้น หายใจหอบ และยังไออย่างรุนแรงด้วย พยายามอาเจียนเอาสิ่งที่กลืนลงคอเมื่อกี้นี้ออกมา
แต่เขาไอจนตาแดงก็อาเจียนเอาสิ่งใดออกมาไม่ได้ กล่าวเสี่ยงสั่นว่า"ท่าน ท่านให้ข้ากินสิ่งใด?"
"สั่วเชียนโหว"
หมอหน้าซีดเผือด ไออย่างต่อเนื่องจนลุกไม่ขึ้น โน้มตัวลงช้าๆอยู่บนพื้น
พิษกำเริบ เขามีความเจ็บปวดทุรนทุรายบ้างเล็กน้อย ตา หู จมูก ปากมีเลือดสีดำไหลย้อนลงมา
ซูเจ๋อควบคุมพิษอย่างถูกวิธี ไม่มีทางให้เขาตายในชั่วพริบตาเดียวหรอก แต่สภาพการณ์ของพิษที่กำเริบ เทียบกันแล้วการแพร่กระจายของพิษรุนแรงกว่าหลิ่วเหมยอู่
ซูเจ๋อกล่าว"ท่านมีเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมง"
หมอเงยหน้าขึ้นมา เลือดที่ไหลออกมาจาก ตา หู จมูก ปาก น่ากลัวเป็นอย่างมาก "ช่วยด้วย……ช่วยข้าด้วย…….."
ซูเจ๋อสีหน้าเรียบเฉยกล่าวว่า"เขียนตำรับยาที่ท่านถอนพิษให้กับนายหญิงรองให้ข้า"
หมอไม่มีแรงที่จะเก็บสิ่งต้องห้ามของการเป็นหมออะไรนั่นอีกแล้ว คลานลุกจากพื้นอย่างยากลำบาก มือหยิบกระดาษกับพู่กันเขียนด้วยความสั่นระริก
ซูเจ๋อมองตำรับนั้น กล่าวขึ้นว่า"ต้องการอ้างอิงตำรับของท่านเพื่อไปทำยาถอนพิษให้ท่านหรือไม่?"
พอเสียงเปล่งออกมา หมอก็คุกเข่าลง กล่าวอย่างไม่ชัดเจนว่า"นี่ไม่ใช่ยาถอนพิษอะไรหรอก รกมนุษย์ไม่สามารถนำมาเป็นส่วนผสมถอนพิษได้…….คุณชายไว้ชีวิตข้าด้วย ไม่ใช่ว่าข้าอยากให้เป็นเช่นนี้……พวกเขาสั่งให้ข้าทำ……."
"นายหญิงรอง…….เป็นนางที่ต้องการทำเช่นนี้…..ถอน ยาถอนพิษ…….."
ซูเจ๋อมีสีหน้าที่ไม่อาจคาดเดา เป็นตำรับนี้ ส่วนผสมรกมนุษย์นี้ อีกนิดหนึ่งก็พรากเอาชีวิตของอาเสียนกับลูกแล้ว
หมอผู้นั้นเลือดสีดำไหลไม่หยุด นอนเงยหน้าอยู่บนพื้น
ซูเจ๋อคลายนิ้วมือ ตำรับยานั้นก็เหมือนกับผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งลอยร่วงลงพื้น ประทับอยู่บนใบหน้าของหมอ แล้วค่อยๆถูกเลือดซึมซาบ
ซูเจ๋อหมุนตัวเดินออกไปราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ด้านนอกค่ำคืนนี้ แสงจันทร์สดใส
ในสวนสระวสันตฤดู เฉินเสียนกับลูกหลับไปได้สักพักแล้ว
แม่นมซุยได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอก เปิดประตูห้องอย่างชำนาญลู่ทางดี เป็นซูเจ๋อมาจริงแท้แน่นอนเลย
ซูเจ๋อมองไปที่เตียงแวบหนึ่ง กล่าวเสียงต่ำกับแม่นมซุยว่า"หยิบกะละมังที่ปกตินางไม่ใช้มาอันหนึ่ง ตักน้ำมาด้วย ข้าจะล้างมือ"
แม่บ้านซุยก็ออกไปยกน้ำ ถือโอกาสหยิบสบู่ล้างมือมาด้วย
ซูเจ๋ออยู่ในห้องเข้าใกล้เตียงอย่างไม่รีบร้อน รอแม่บ้านซุยยกน้ำมา เขาก็ยืนอย่างสบายใจอยู่ข้างชั้นวาง มือทั้งสองข้างแช่อยู่ในน้ำ แล้วหลังจากนั้นใช้สบู่ล้างอย่างเชื่องช้า
ภายในห้องที่เงียบสงัดมีเสียงน้ำไหลย้อยลงเบาๆ
เฉินเสียนไม่ได้เปิดเปลือกตาขึ้น กล่าวด้วยเสียงแหบแห้งขึ้นทันทีว่า"ดึกดื่นเช่นนี้ท่านมาที่นี่ เพียงต้องการล้างมือหรือ?"
ซูเจ๋อยิ้มแล้วยิ้มอีก ทั้งห้องเต็มไปด้วยแสงสว่างโชติช่วง กล่าวขึ้นว่า"ใช่ กระทำเรื่องที่ไม่ดีมา บนมือไม่สะอาด"
เฉินเสียนหัวคิ้วเคลื่อนไหว กล่าวว่า"กระทำเรื่องที่ไม่ดีหรือ? หรือว่าไปทำเรื่องผิดศีลธรรมมา?"
ซูเจ๋อล้างมือเสร็จ รับผ้าขนหนูที่แม่นมซุยเตรียมไว้มา เช็ดตามนิ้วมืออย่างละเอียดอ่อนและเชื่องช้า กล่าวเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า"คืนนี้ระมัดระวังตัวกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย"
เฉินเสียนเบิกตาขึ้น กล่าวว่า"ท่านเข้ามาในสวนสระวสันตฤดูของข้าราวกับว่าเข้ามาในเรือนของตัวเอง ข้าไม่ระมัดระวังตัได้อย่างไรกันเล่า"
ซูเจ๋อเดินมา กล่าวอย่างแน่วแน่ว่า"ข้าก็ไม่ใช่ว่าจะกินเจ้า คุ้มหรือที่จะระมัดระวังข้าเช่นนี้?"
เขาสะบัดชุดนั่งลงข้างเตียงของเธอ มือที่สะอาดหมดจดจับข้อมือของเฉินเสียนขึ้น นิ้วมือชุ่มชื้นกางอยู่บนข้อมือของเธอ ตรวจโรคให้เธอชั่วประเดี๋ยวเดียว
เฉินเสียนหรี่ตาท่าทางสะลึมสะลือ ยินยอมให้เขาตรวจโรค ถึงอย่างไรเขาก็ดีกว่าหมอทั่วไป มือข้างหนึ่งอยากจะนวดคลึงฝ่าเท้าเล็กๆของลูกน้อยที่อยู่ด้านข้าง
ชั่วประเดี๋ยวเดียว ซูเจ๋อก็ปล่อยเธอ กล่าวขึ้นว่า"หลังจากคลอดแล้วหนึ่งเดือนเจ้าควรจะพักฟื้นอยู่ในห้อง"
เฉินเสียนกล่าวว่า"เจ็ดวันครึ่งเดือนยังพอเข้าใจได้ ร่างกายฟื้นคืนสภาพเดิมพอประมาณแล้ว ก็ไม่ควรที่จะกลัดกลุ้มอยู่ในห้องอีกต่อไป จำเป็นต้องออกกำลังกายในปริมาณที่เหมาะสมถึงจะฟื้นคืนสภาพเดิมได้ดีขึ้น"
ต้องการให้เธออยู่เดือนเหมือนในอดีตอยู่ในห้องอุดอู้หนึ่งเดือน จนเธอจะเหม็นราที่ขึ้นอยู่แล้ว
"แต่ข้าได้ยินมาว่าเพิ่งจะสามสี่วัน เจ้าก็ออกไปจากเรือนแล้ว ไปหาฉินหรูเหลียง"
เฉินเสียนกล่าวว่า"ท่านได้ยินผู้ใดพูด?"
"และเจ้าก็ยังตัดเส้นเอ็นเขาหนึ่งท่อน?"
"เอ้อร์เหนียงบอกท่านหรือ?"
ซูเจ๋อหลุบตาลง นิ้วมือเอื้อมไปจับฝ่าเท้าอีกข้างของเด็กน้อย นวดคลึงเบาๆเหมือนกับเฉินเสียน
สัมผัสอ่อนโยนสบายๆ ที่จริงง่ายต่อการทำให้คนติดเป็นนิสัย
เดิมเด็กน้อยนอนหลับอย่างสบาย ผลสรุปฝ่าเท้าทั้งสองข้างถูกทั้งสองคนเล่นอยู่ เขาตื่นประเดี๋ยวเดียว ลืมตาเพียงครึ่งเดียวชำเลืองมองเฉินเสียนกับซูเจ๋อแวบหนึ่ง หลังจากนั้นก็หลับตาลง
คล้ายกับกำลังพูด ท่านทั้งสองคนเป็นมนุษย์ที่งมงายโง่งม
เฉินเสียนชะงักงัน กล่าวว่า"นี่เป็นลูกแท้ๆข้าหรือ สรุปว่าเขาเหมือนผู้ใดกัน?"
ซูเจ๋อจะยิ้มก็เหมือนไม่ยิ้ม กล่าวว่า"อาจจะเหมือนท่านพ่อของเขา"
สิ่งนี้ทำให้เธอกลัดกลุ้มใจ ท่านพ่อของเขาคือผู้ใดก็ไม่รู้
เป็นเหลียนชิงโจวจริงๆน่ะหรือ? ดูเหมือนว่านิสัยของเหลียนชิงโจวไม่ใช่เป็นคนที่ไม่ชอบพูดจาหรือสนทนากับผู้คนนะ
บทสนทนาถูกเบนไปทางอื่น ซูเจ๋อกล่าวว่า"คิดชื่อลูกชายไว้แล้วหรือ?"
กล่าวถึงเรื่องนี้ เฉินเสียนมีความสนใจขึ้นมาบ้าง กล่าวขึ้นว่า"ใช้ชื่อแซ่ไหนยังไม่รู้เลย ยังเร็วที่จะตั้งชื่อจริง ช่วงนี้ข้ากำลังคิดชื่อเล่น"
"ชื่อเล่นเรียกว่าอะไรหรือ?"ซูเจ๋อหรี่ตาอย่างเหนื่อยล้า ในน้ำเสียงมีความอาลัยรักเล็กน้อย คนที่ฟังภายในใจอ่อนปวกเปียก ไพเราะน่าฟังเป็นอย่างมาก
เขาต้องการการอยู่เป็นเพื่อนอย่างสงบอบอุ่นเช่นนี้ มีรสชาติของความสุขพาดผ่านสลัวๆ
เฉินเสียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า"ชื่อเล่นชื่อว่าเหลียนข่านเป็นอย่างไร?"
นิ้วมือของซูเจ๋อที่นวดคลึงฝ่าเท้าลูกชายชะงัก กล่าวขึ้นว่า"เจ้ารู้สึกว่าดีหรือไม่?"
"อนาคตถ้าหากว่าเขาแซ่เหลียน อย่างนั้นก็กลมกลืนกันกับชื่อเล่นเรียกว่าเหลียนเหลียนข่าน ไม่ใช่ว่ารื่นหูหรือ"
ซูเจ๋อเปิดเปลือกตาเล็กน้อยมองมาที่เธอ"ถ้าหากเขาแซ่เหลียน?อะไร "
อ่ะ พูดหลุดปากแล้ว จุดสำคัญคือสรุปเขาแซ่เหลียนหรือไม่ เฉินเสียนก็ไม่แน่ใจ
ครั้นแล้วก็ทำให้เธอแก้คำพูด กล่าวว่า"ข้าเพียงแค่สมมุติ อนาคตถ้าหากว่าลูกของข้าต้องการให้เหลียนชิงโจวเป็นท่านพ่อบุญธรรม ก็ไม่ใช่ว่าแซ่เหลียนแล้วหรือ ให้เขาแซ่จ้าวแซ่หวัง หรือว่าเหมือนกับท่านแม่ของเขาแซ่เฉิน แค่ไม่ใช่แซ่ฉิน ข้าก็ไม่มีความคิดเห็นที่ไม่พอใจ"
ซูเจ๋อก็ยิ้ม ดูไม่ออกว่ามีความสุข กลับกันมีความรู้สึกว่าโกรธ ขมวดคิ้วกล่าวว่า"ถ้าเช่นนั้นแซ่ซูเหมือนข้าเป็นอย่างไร?"
เฉินเสียนส่ายหัว "ไม่อย่างไร ซูเหลียนข่านไม่ไพเราะ เป็นเหลียนเหลียนข่านนั่นแหละไพเราะแล้ว"
ซูเจ๋อนวดคลึงหว่างคิ้ว กล่าวขึ้นว่า "เหลียนเหลียนข่าน เจ้าไม่กลัวว่าต่อไปในอนาคตลูกชายโตขึ้นตาดำจะไหลรวมกันหรือ?"
"อย่าเรียกลูกชายอย่างสนิทสนมเช่นนี้ นี่เป็นลูกชายของข้าไม่ใช่ของท่าน"
"ข้าก็บอกว่าเป็นลูกของท่าน"
พอเฉินเสียนคิด รู้สึกว่าซูเจ๋อพูดมีเหตุผลอยู่บ้าง ถึงอย่างไรชื่อนี้ก็เป็นชื่อที่มีคำใบ้เป็นนัยๆนิดหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้เธอเลยคิดอยู่สักพักหนึ่ง แล้วกล่าวขึ้นว่า"เช่นนั้นก็ชื่อเจ้าน่องน้อยเถอะ"
คอมเม้นต์