ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 148 ข้าไม่เคยฆ่าใคร
จากนั้นอวี้เยี่ยนก็นึกย้อนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เธอรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ จู่ๆก็มีแสงออร่าขึ้นมา เงียบๆอยู่ในใจ—— ในคืนวันไหว้พระจันทร์นั้นใต้เท้าซูก็ชวนองค์หญิงไปงานฉลองเทศกาลโคมลอย อย่างเช่นวันนี้ก็ชวนองค์หญิงไปท่องเที่ยวชมฤดูใบไม้ร่วง หรือว่าเขาสนในอะไรตัวองค์หญิง?!
ก่อนองค์หญิงแต่งงานก็ไม่น่าจะเป็นไปได้แล้ว นี่องค์หญิงแต่งงานแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้อย่างยิ่ง!
อวี้เยี่ยนตบหน้าตัวเองไปหนึ่งที แล้วพูดกับตัวเองว่า “ข้าต้องคิดมากไปเองแน่นอน เขาต้องคิดแค่ว่าองค์หญิงนั้นถูกเอาเปรียบเลยมาปฏิบัติตัวดีกับองค์หญิง……ข้าคิดมากไปเอง”
เพียงไม่นาน รถม้าก็เคลื่อนตัวมาถึงถนนใหญ่
ซูเจ๋อก็มอบจิ้งหรีดที่ถักทออยู่ในมือเสร็จแล้วให้
เฉินเสียนคว้ามันมาแบบท่าทางไม่ดี ขณะที่เล่นกับมัน เธอก็พูดออกมาด้วยเสียงที่กลัดกลุ้ม “บังคับไม่สำเร็จก็ลักพาตัว ท่านนี่มันอันพาธไร้ศีลธรรม!นี่มันรูปแบบโจรชัดๆ”
ซูเจ๋อพูดอย่างจริงจังและจริงใจ “ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่ถนัดกับการคบหากับผู้หญิง ท่านก็ไม่เชื่อ ประหม่าและอึดอัดมาก ยิ่งข้าทำแบบนี้ ข้ายิ่งรู้สึกเสียใจ”
เฉินเสียนหัวเราะเย็น “ท่านเสียใจ?ข้าเห็นท่านออกจะสบายใจไร้กังวล ไม่เห็นจะเสียใจตรงไหน?”
ซูเจ๋อนั่งยืดตัวตรงอย่างสง่า พูดออกมาอย่างแผ่วเบาว่า “ในใจ”
เฉินเสียนอยากจะตบเขาด้วยฝาผนังรถม้า
เฉินเสียนพูดด้วยท่าทางรำคาญว่า “ท่านคงไม่ได้กลัวถูกจับได้ว่าอยู่กับข้าใช่หรือไม่ ครั้งนี้เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าเวลากลางวัน ท่านจะพาข้าไปเที่ยวชมสารทฤดู ท่านไม่กลัวคนอื่นจับได้หรือ?”
เฉินเสียนพูดด้วยความเป็นห่วง
หากซูเจ๋อไม่ใช่ขุนนางในวัง เพียงสถานะนั้นเหมือนกับเหลียนชิงโจว เธอก็ไม่จะเป็นกังวลอะไร
แต่ซูเจ๋อนั้นไม่ใช่
คำพูดในคืนนั้นของเขา เธอยังคงจำได้ในใจ
ไม่รู้ว่าทำไม เขาเป็นเพียงแค่บัณฑิต แต่จากคำพูดของเขามันดูคลุมเครือ จักรพรรดิปกป้องเธอ แล้วยังปกป้องเขาอีก
“กลัวสิ แต่กลัวว่าจะไม่ได้พบท่าน ยาวนานราวกับวสันตฤดูและสารทฤดู”
เฉินเสียนใจเต้น คิ้วขมวดพลางพูดว่า “ แม่เจ้า ท่านจีบข้าหรือ?”
“จีบรึ?” ซูเจ๋อพูดแล้วหรี่ตาลง “แล้วข้าจีบท่านติดหรือยัง?”
“ยัง!” เฉินเสียนพูดตัดแบบไม่ลังเล “เอาล่ะ ตอนนี้ข้าก็ขึ้นรถมากับท่านแล้ว ท่านบอกข้าได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น คนที่อยู่ที่นั่นไปไหนกันหมด?”
ซูเจ๋อถาม “องค์หญิงหาคนไหนกัน?”
เฉินเสียน “ก็หมอที่หลิวเหมยอูหามารักษานั้นไง”
“หมอคนนั้นคนไหนกัน?”
“……” เฉินเสียนถอนหายใจ ”ซูเจ๋อ ท่านอย่าบอกว่าท่านไม่รู้อะไรเลย”
ซูเจ๋ออมยิ้ม เม้มปากแล้วพูดว่า “ข้าพอจะรู้ว่าท่านกำลังหาใครอยู่”
“ท่านไม่ได้พูดเองหรอกหรือว่าเพียงแค่ข้ามากับท่าน ท่านก็จะบอกว่าเขาไปอยู่ที่ไหน?”
“ใช่ แต่บอกเท่าที่ข้าบอกท่านได้ จริงๆแล้วข้าก็ไม่รู้ว่าเขาไปที่ไหนหรอก”
เฉินเสียนเงยหน้าจ้องมองสายตาเขาอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “ซูเจ๋อ ให้มันน้อยๆหน่อยนะท่าน ถ้าท่านไม่รู้ แล้วทำไมท่านถึงไปปรากฎตัวอยู่ที่หน้าบ้านของเขาได้”
“เมื่อครู่ข้าไม่ได้พูดไปแล้วหรอ ว่าวันนี้ข้าบังเอิญไปแถวนั้นพอดี”
เฉินเสียนไม่ได้ระวังขยับตัวเข้าใกล้แล้วถามเสียงต่ำ “ข้าเห็นในห้องนั้นมีคราบเลือด ท่านฆ่าเขาหรือเปล่า?”
ซูเจ๋อวางมาดอย่างจริงจัง “สวรรค์เป็นพยาน ข้าไม่เคยฆ่าใคร”
เฉินเสียนเม้มปาก พูดอย่างจริงจัง “ซูเจ๋อ แต่ข้าเคยเห็นมากับตา ว่าท่านฆ่าคนได้โดยแทบไม่ต้องกะพริบตา”
ซูเจ๋อขยับเข้าไปพิงข้างใน มีเสียงถอยหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย แล้วพูดว่า “เห้อ รู้สึกเหมือนถูกคนจับไว้ให้อยู่ในกำมือ แบบนี้ไม่ดีเลย”
“แล้วตกลงคนคนนั้นถูกท่านฆ่าใช่หรือไม่?”
“ข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นจริงๆ เขาอาจจะโดนศัตรูตามฆ่าก็ได้ ข้าจะไปเป็นคนเลวแบบนั้นได้อย่างไรกัน ”
เฉินเสียนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง รถม้าก็เกิดการสั่นสะเทือนโคลงเคลง
เฉินเสียนที่นั่งไม่ค่อยดี ไม่ทันได้ระวังตัว เลยล้มไปทางซูเจ๋อ
ซูเจ๋อพยุงเธอไว้อย่างทันถ่วงที หัวเราะเบาๆข้างหูของเธอ “ท่านดูท่านสิ อยากให้ข้าพูด ข้าพูดแล้วท่านไม่เชื่อ แล้วยังจะถามเยอะทำไมกัน?”
เฉินเสียนโกรธมาก ผลักซูเจ๋อออกไปแล้วพูดว่า “หยุดรถ! ข้าจะลง!ข้ามากับคนอย่างท่านได้อย่างไร เรามันคนละชั้นกันจะไปเที่ยวชมสารทฤดูกันได้อย่างไร !”
เพียงแต่รถม้านั้นขับเคลื่อนออกมาจากประตูเมืองแล้ว และตอนนี้กำลังเดินทางไปยังชานเมืองอย่างช้าๆ
คนขับรถม้าไม่ฟังคำของเฉินเสียน ยังขับรถม้ามุ่งตรงต่อไปอย่างพิถีพิถัน
เฉินเสียนฉีกหน้าต่างออก เพื่อหวังจะกระโดดหนี
ซูเจ๋อจึงพูดขึ้น “ทำแบบนี้มันอันตรายนะ หน้าต่างมันเล็กนิดเดียว ถ้าเกิดตัวติดขึ้นมาแล้วจะทำอย่างไร”
“……”
สายตาซูเจ๋อมองต่ำลงไปที่หน้าอกของเฉินเสียนแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าจะใหญ่กว่าหน่อย ถ้าติดมันก็อาจจจะเจ็บได้”
เฉินเสียน “อ๊าย ทุเรศ”
บอกว่าจะพามาเที่ยวชมสารทฤดู แต่ว่าระหว่างทางเฉินเสียนนั้นกลับไม่เห็นใครใช้เส้นทางนี้เลย
เฉินเสียนกำลังสงสัยว่าจริงๆแล้วซูเจ๋อไม่ได้พาเธอไปเที่ยวชมสารทฤดูหรอก
จากนั้นรถม้าก็ไปหยุดอยู่ที่หน้าภูเขา เฉินเสียนลงจากรถแล้วมองดู พบกับสายลมของสารทฤดู ใบเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีแดงตามแนวสันเขา บรรยากาศทิวทัศน์นั้นสวยงามมาก
สายลมพัดพาเอาใบเมเปิ้ลปลิวร่วงลงมาที่ตีนเขา
ทันใดนั้นเฉินเสียนก็รู้สึกว่า ร่างกายอยู่ท่ามกลางภูเขา เวลาก็ผ่านไปอย่างสายลม
เธอพูดขึ้น “มองดูแล้วสถานที่แห่งนี้สวยงามมหัศจรรย์มาก ครั้งนี้ข้าจะไม่เอาเรื่องท่าน”
เส้นทางที่ใช้ขึ้นบนภูเขาถูกขยายซ่อมแซมกว้างขึ้น ทำให้เรียบที่สุดเพื่อให้สะดวกแก่คนที่มารับชมวิวภูเขา
แต่ทำไม เส้นทางนั้นถูกเอาท่อนไม้มาปิดกั้นไว้ เส้นทางข้างในที่คดเคี้ยว ไม่มีร่องรอยใครเหยียบใบไม้ที่ร่วงหล่นนั้นเลย
เฉินเสียนพูดด้วยความสงสัย “มิน่าล่ะทำไมถึงไม่มีใครออกจากเมืองมาเที่ยวที่นี่ เพราะว่าเส้นทางนั้นถูกปิด นั้นเป็นเพราะอะไร?”
ซูเจ๋อนำไม้ท่อนไม้ที่ปิดกั้นเอาออก หันกลับมาดึงมือเฉินเสียน แล้วพูดว่า “รีบเข้ามา เข้ามาแล้วข้าจะบอกท่าน”
เฉินเสียนกระตุกมุมตาแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ว่าข้าเข้าไปแล้ว ท่านก็จะพูดว่าจริงๆแล้วข้าไม่รู้อะไรทั้งนั้นหรอกนะ?”
ซูเจ๋อหัวเราะ “ครั้งนี้ข้ารู้จริงๆ”
แม้ว่าปากจะพูดอย่างไม่พอใจ เฉินเสียนก็เดินเข้าไปช่องทางเส้นนั้น
ไหนๆก็มาแล้ว ถ้าไม่เข้าไปก็ถือว่าเสียเปล่ามาก?
ซูเจ๋อนำท่อนไม้นั้นวางทำเป็นรั้วกั้นไว้เหมือนเดิม
เขาโบกมือให้กับคนขับรถม้า คนขับรถม้าหมุนรถแล้วขับจากไป
เฉินเสียนเหยียบลงไปบนใบไม้อย่างนุ่มนวล ทำให้เกิดเสียงกระทบกับใบไม้ ราวกับได้เต้นรำกับใบไม้เหล่านั้นอย่างสนุกสนาน
เธอพูดขึ้นว่า “ ข้าว่าแล้วทำไมท่านถึงไม่กลัวคนจะมาเจอว่าท่านกับข้าอยู่ด้วยกัน เพราะที่แท้ที่นี่ไม่มีคนมาเที่ยวชมสารทฤดูสักคนเดียวเลย”
ซูเจ๋อพูด “แต่ก่อนที่นี่คนเยอะมาก ทุกๆปีช่วงเวลานี้คนจะมาชมใบเมเปิ้ลบนภูเขานี้แน่นเต็มไปหมด”
“ แล้วทำไมครั้งนี้ถึงไม่มีใครเลย?”
เฉินเสียนกำลังเดินขึ้นไปบนภูเขา ซูเจ๋อที่อยู่ด้านหลังพูดออกมาเบาๆว่า “เพราะได้ยินมาว่าบนภูเขานี้มีหมาป่าอยู่”
เฉินเสียนหันหลังมาจ้องที่เขาทันทีแล้วพูดว่า “ท่านพูดว่าอะไรนะ?”
ซูเจ๋อหัวเราะ “ข้าบอกว่าบนภูเขานี้มีหมาป่า”
เสียงคำรามของเฉินเสียนดังไปทั่วภูเขา “ซูเจ๋อท่านนี่มันสารเลว ทำไมท่านถึงไม่รีบบอกข้า!”
“ถ้าข้าบอกเร็วท่านก็คงไม่มากับข้าแน่นอน”
“ถ้าท่านเบื่อชีวิตแล้วทำไมต้องลากข้ามาด้วย ไม่ได้ ข้าต้องกลับไป!”
“รถม้านั้นขับไปไกลแล้วนะ”
“ข้าเดินกลับเองได้!”
“อย่างมากก็แค่ตอนที่เจอหมาป่า ข้าบังท่านไว้ด้านหน้า ให้มันกินข้าก่อน แล้วท่านค่อยเอาเวลานั้นหนีไป”
คอมเม้นต์