ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 158 พูดไร้สาระน้อย โดนตีน้อย
“บ่าวไม่ปล่อย ด้านในประตูนั่นเข้าไปแล้วลึกยิ่งกว่ามหาสมุทรอีกนะคุณชาย ถ้าถูกใครรู้เข้า พวกเขาต้องตีบ่าวตายเป็นแน่”
สำหรับใต้เท้าซูขอไม่พูดถึง เมื่อก่อนเขาก็เข้มงวดมาก ยังมีแม่ทัพฉินอีก แม้จะไม่มีความสัมพันธ์เฉกเช่นสามีภรรยากับองค์หญิง แต่ก็คงทนเห็นองค์หญิงเข้าไปในสถานที่แบบนี้ไม่ได้
เฉินเสียนสูดลมหายใจลึก ไม่น่าพาอวี้เยี่ยนออกมาด้วยเลยจริงๆ
เธอก้มตัวลง พูดโน้มน้าว “ข้ารู้ว่าเมื่อเข้าไปแล้วมันลึกเหมือนมหาสมุทร แต่พวกเราแค่เข้าไปศึกษาเรียนรู้ประเดี๋ยวเดียว ไม่ได้บอกว่าจะเข้าไปเล่นพนันจริงๆ”
อวี้เยี่ยนกะพริบตา “แล้วคุณชายต้องการเข้าไปเรียนรู้สิ่งใด บอกกับบ่าวมาได้ ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ดี เหมือนกับหอนางโลม พวกเราเป็นหญิง……….
“แค๊กแค๊ก” เฉินเสียนกระแอมออกมาสองครั้ง ขัดจังหวะคำพูดของอวี้เยี่ยนไว้
อวี้เยี่ยนพูดต่ออีก “ถ้าองค์หญิงทำการค้า บ่าวจะเห็นด้วยทุกประการเลย แต่แบบนี้ไม่ได้”
เฉินเสียนวาดรูปวงกลมลงบนพื้น พลางพูดขึ้น “คุณชายรับรองว่าจะไม่เล่นพนันตกลงหรือไม่ ใครไม่รู้บ้างละว่ามือใหม่ต้องเสียค่าเรียนถึงจะได้รู้ ข้าไม่ได้เขลาให้เขาหลอกได้หรอกนะ วางใจเถอะ พวกเราเพียงเข้าไปทำความเข้าใจ และเพลิดเพลิน”
อวี้เยี่ยนยังคงมองเฉินเสียนด้วยสายตาที่ไม่เชื่อใจนัก
และในตอนนี้ก็ทำให้ชายร่างกำยำที่ยืนอยู่หน้าประตูทนไม่ไหวแล้ว ตะโกนออกมาด้วยความรำคาญ “พวกเจ้าสองคนน่ะ กระซิบกระซาบอะไรกันเป็นค่อนวันแล้ว ทำอะไรกัน สรุปจะเล่นหรือไม่เล่น ถ้าไม่เล่นก็ไสหัวไป อย่ามาขวางทางหน้าบ่อนนี้”
เฉินเสียนลากอวี้เยี่ยนเข้าไป พูดด้วยรอยยิ้มตาหยี่ “ขอโทษด้วยขอรับพี่ชาย น้องชายข้ายังคิดไม่ตก ข้าเลยเพิ่มอุดมการณ์ในการหาเงินให้เขา”
ชายร่างกำยำก็ไม่ได้ขวางพวกเธอทั้งสองไว้ เฉินเสียนจึงพาอวี้เยี่ยนเดินเข้าประตูใหญ่ของบ่อนเชียนจินไป
เมื่อเดินเข้าประตูไป ทั้งสองก็จมดิ่งสู่เสียงที่อึกทึกครึกโครมในห้องโถง เสียงที่นี่ดังยิ่งกว่าในตลาด กลิ่นเงินลอยฟุ้งอยู่ทั่วทุกหนแห่งภายในอากาศ
ภายในมีโต๊ะพนันอยู่กว่าสิบโต๊ะ ทุกโต๊ะมีนักพนันยืนล้อมอยู่เต็มพื้นที่
นักพนันรายย่อยจะเดิมพันด้วยเงินจำนวนน้อย ส่วนนักพนันที่ร่ำรวยก็จะเดิมพันในเงินที่ก้อนใหญ่ขึ้น
เมื่อเริ่มลงพนัน เหล่านักพนันต่างโห่ร้องกันอย่างบ้าคลั่ง พลังมีเท่าไหร่ก็ใส่ไปเต็มแรงราวกับว่าจะได้ชัยชนะกลับมาเท่านั้น
ความคาดหวังของนักพนันในการแพ้หรือชนะมีเพิยงเรื่องเงิน
เป็นที่ที่ยากจะถอนตัวเมื่อได้เข้าไปในวงจรนั้นแล้ว
หลังจากเข้ามาในห้องโถงใหญ่ ทุกคนต่างมุ่งที่จะเล่นพนันของตัวเอง ไม่ได้สนใจทักทายเฉินเสียนและอวี้เยี่ยน
อวี้เยี่ยนค้นพบว่าที่แห่งนี้แม้จะมีความวุ่นวาย แต่ก็ไม่ได้อันตรายอย่างที่ได้จินตนาการไว้
นางค่อยๆเดินตามเฉินเสียนไปสอดส่องรอบๆ
เมื่อยืนอยู่ข้างโต๊ะพนัน ก็เห็นนักพนันคนอื่นลงเดิมพัน อวี้เยี่ยนกระซิบกับเฉินเสียน “บ่าวคิดว่าอีกเดี๋ยวท่านผู้นี้จะชนะ”
เฉินเสียนเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ทำไมเจ้าถึงมั่นใจ” จากนั้นเธอก็หยิบเศษก้อนเงินออกมาให้อวี้เยี่ยน “เอานี้ไปลอง เสียก็ไม่เป็นไร”
อวี้เยี่ยนมองไปอย่างไม่พอใจ “คุณชายบอกว่าแค่จะมาดูไม่ใช่หรือ!”
เฉินเสียนเกี่ยวคอของอวี้เยี่ยนแล้วกอดไว้ แล้วพูดขึ้น “มันไม่ใช่การพนันใหญ่โต แค่การเสี่ยงโชคเล็กๆ ก็ลองเสี่ยงโชคดู หรือเจ้าไม่อยากรู้ว่าเจ้าเดาถูกหรือผิด?”
อวี้เยี่ยนมองเศษก้อนเงินที่อยู่ในมือ
ขณะที่กำลังลังเล เฉินเสียนก็ดันตัวเธอไปถึงโต๊ะพนันแล้ว ดันมือของเธอให้วางลงบนโต๊ะ
อวี้เยี่ยนกำมือแน่นไม่ยอมปล่อย เฉินเสียนจึงกระซิบข้างหูเธอ “เด็กดี ปล่อยมือ”
เจ้ามือรับแทงเมื่อเห็นท่าทางอวี้เยี่ยน ก็ตะคอกถาม “เฮ้ย เจ้าจะลงหรือไม่ลง จะลงก็ลง ไม่ลงก็ออกไป”
เฉินเสียนรีบพูดขึ้น “ขอโทษด้วยขอรับ น้องชายข้าเพิ่งมาครั้งแรก เลยยังไม่กล้า”
ในที่สุดอวี้เยี่ยนก็ต้องยอมปล่อยมือแต่ก็ยังคงมีสีหน้าไม่พอใจ
เมื่อการพนันเริ่มขึ้น เจ้ามือรับแทงก็ประกาศ “เดิมพันชนะ”
อวี้เยี่ยนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เธอลืมความยุ่งเหยิงและความหดหู่อย่างสิ้นเชิง เธอได้ทุนคืนและยังคงมีกำไรเพิ่มมา เธอกระโดดขึ้นด้วยความปิติยินดี
“คุณชาย ไม่คิดว่าจะชนะ!”
“มีความสุขใช่ไหม?”เฉินเสียนถามด้วยรอยยิ้มตาหยี่
“บ่าวมีความสุขมากเลย”หลังจากผ่านความดีอกดีใจไปแล้ว อวี้เยี่ยนก็มีสีหน้าห่อเหี่ยวเหมือนคนชราอีกครั้ง “แต่ว่าการพนันเป็นสิ่งไม่ดี คุณชายอย่าได้ลุ่มหลงนะขอรับ”
การยึดหลักพนันก้อนเล็ก หลังจากนั้นเฉินเสียนและอวี้เยี่ยนก็เดินวนไปทั่วห้องโถง เมื่อเจอโต๊ะที่สามารถคว้าโอกาสได้ก็ลงทุนไปเล็กน้อย ชนะเพียงครั้งสองครั้งก็เพียงพอแล้ว
ความสนใจของอวี้เยี่ยนมุ่งไปที่โต๊ะพนัน ความสนใจของเฉินเสียนกลับมุ่งไปที่นักพนันในห้องโถงแห่งนี้
ที่แห่งนี้มีคนแพ้มากมาย จนแทบจะเหลือแค่กางเกงตัวเดียว ไม่มีใครไม่อยากแก้มือ จึงมีนักพนันยอมหยิบยืมเงินจากบ่อนเชียนจิน แต่ดอกเบี้ยก็สูงลิ่ว
ถ้าไม่จ่ายตามเวลา คาดกันว่านักพนันต้องพ่ายแพ้จนเหลือชีวิตเพียงครึ่งเดียว ราวกับต้องสูญเสียทุกอย่างไป
การเข้าไปสำรวจในบ่อนเชียนจินอยู่หลายวัน ก็ได้เห็นว่านักพนันที่ไม่มีเงินมาชดใช้ถึงกับต้องขายลูกขายเมียออกไป
ในโลกของต้าฉู่ การชำระหนี้เป็นไปอย่างสมเหตุสมผล เบื่องหลังเถ้าแก่ของบ่อนเชียนจินแห่งนี้ย่อมต้องมีเส้นสายกับทางราชการแน่ เพราะเป็นอย่างนั้นรัฐบาลถึงได้ไม่มาข้องเกี่ยวที่บ่อนแห่งนี้
อวี้เยี่ยนได้เห็นมาเองกับตา และอดไม่ได้ที่ต้องถอนหายใจ
บริเวณใกล้ๆบ่อนเชียนจินมีแผงดูดวงที่มีป้ายสัญลักษณ์ชะตาชีวิตแขวนอยู่ด้านหน้า หมอดูคนนั้นดูเหมือนจะเป็นคนตาบอด
ทุกครั้งที่เฉินเสียนเดินผ่านเขา หมอดูก็จะท่องคำพูดออกมา “ทำนายดวงชะตา ไม่แม่นไม่ต้องจ่าย ไม่แม่นไม่ต้องจ่าย”
วันนี้เฉินเสียนหยุดอยู่หน้าสุ่มของเขา เห็นว่าบนโต๊ะของเขามีกระดาษและพู่กันที่เขียนอักษรปาจื้อเอาไว้ ก็หรี่ตามองและพูดขึ้นว่า “ถ้าไม่แม่นไม่ต้องจ่ายเงินจริงหรือ?”
เมื่อหมอดูรับรู้ว่าจะมีลูกค้าก็ พูดขึ้นอย่างกระตือรือร้น “รับรองได้ หากไม่เชื่อคุณชายเชิญลองดูได้”
ดังนั้นเฉินเสียนจึงนั่งลง แล้วสุ่มเขียนดวงวันเกิดลงบนกระดาษ
หมอดูนับคำนวณนิ้วของเขาอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดขึ้นอย่างตระหนกตกใจ “คุณชาย ข้าขอพูดตามจริง ช่วงนี้ดูเหมือนท่านจะต้องเจอมหันตภัยแห่งเลือด?”
เฉินเสียนยกมือขึ้นตบหัวเขาทันที “มหันตภัยแห่งเลือดบ้าบออะไร เจ้าพูดประโยคนี้กับทุกคนใช่ไหม เปลี่ยนคำพูดใหม่ๆบ้างไม่ได้หรือ?”
“เห้ เจ้าจะดูดวงข้าก็ดูให้ เจ้ามีสิทธิอะไรมาทำร้ายข้า” หมอดูตอบโต้อย่างไม่พอใจ
เฉินเสียนประคองตัวลงบนโต๊ะของเขา พูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าดูดวงชะตาได้ทำไมไม่ดูด้วยว่าตนเองจะโดนตบเล่า ? เจ้าลองทำนายดูว่าเจ้าจะโดนตบอีกกี่ครั้ง?”
หมอดูดึงมือกลับอย่างโกรธเคือง “ช่างเถอะ ช่างเถอะ ข้าไม่คิดเงินเจ้า เจ้าไปเสียเถอะ”
แต่เฉินเสียนกลับไม่รีบร้อนที่จะจากไป เธอหยิบพู่กันของเขามา และถามขึ้น “เจ้าตาบอดรึ?”
“ถ้าเจ้าตาบอด ข้าก็ไม่มีตาแล้ว”
“ข้าว่าธุรกิจนี้ของเจ้าคงไม่ง่ายนัก เพราะเจ้าดูได้แค่คนต่อคน” เฉินเสียนพูดขึ้น “ข้ายืมแผงนี้ของเจ้า เจ้ามีหน้าที่เขียนใบเสร็จ ข้าให้ค่าจ้างเจ้า คุ้มกว่าที่เจ้าดูดวงหาเงินเสียอีก”
เนื่องด้วยหมอดูห่วงความเป็นอยู่ของตน จึงยอมพูดต่อรองราคากับเฉินเสียน
จึงเปลี่ยนป้าย จากสัญลักษณ์ “ชะตาชีวิต” เป็น “ร้านสินเชื่อ” แม้ว่าเขาเองก็ไม่เข้าใจว่า ร้านสินเชื้อที่ว่าแปลว่าอะไร
###”ปาจื้อ” คือวิชาทำนายดวงชะตามีที่มาจากประเทศจีน
คอมเม้นต์