ข้าคือหงส์พันปี – บทที่190 ทำไมถึงไม่ถือสา?
ฉินหรูเหลียงเห็นนางร้องไห้จะเป็นจะตาย ในที่สุดเขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสารและเห็นอกเห็นใจนาง
แต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยทำให้นางเจ็บปวด ไม่เคยทำร้ายนาง
แต่วันนี้นางถูกคนอื่นดูถูกเหยียดหยามกระทำทางเพศ เธอพูดถูก เธอเป็นเพียงผู้เคราะห์ร้าย
ฉินหรูเหลียงได้ยินหลิ่วเหมยอู่ร้องเรียกแต่ “ท่านแม่ทัพ” เธอคงไม่ได้พูดโกหก คิดว่าคนคนนั้นเป็นเขาจริงๆ
เขารักและดูแลเธออย่างดีเหมือนกับสิ่งของล้ำค่ามาโดยตลอด……เพียงแค่คิดขึ้นมา ฉินหรูเหลียงก็รู้สึกปวดใจเหมือนถูกมีดแทง
ฉินหรูเหลียงนำเธอขึ้นจากอ่างอาบน้ำมากอด พูดเสียงต่ำว่า “ทั้งหมดออกไปก่อน”
หลิ่วเหมยอู่ยังคงร้องไห้แล้วพูดว่า “ท่านแม่ทัพโปรดยื่นขอความยุติธรรมให้แก่ข้า……”
ฉินหรูเหลียงพูดอย่างเย็นชาว่า “คนคนนั้นถูกข้าฆ่าแล้ว เจ้ายังจะยื่นขอความยุติธรรมทำไม คืนนี้คนต่างรู้กันหมด ผู้หญิงของข้าฉินหรูเหลียงกับชายอื่นนั้นลักลอบมีเสพสุขกัน เจ้าคิดว่าต้องทำอย่างไร?”
“ท่านแม่ทัพ……”หลิ่วเหมยอู่พูดอย่างเสียใจมาก “ข้าไม่รู้จะทำอย่างไรดี ข้าไม่มีแรง ไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นใคร…… ข้าอาจจะถูกใส่ร้าย……”
“เจ้าบอกข้ามา ใครทำร้ายเจ้า?”
“องค์หญิง…… ต้ององค์หญิงแน่ๆ!”
“เจ้าเพิ่งจะคืนดีกับนางไม่ใช่หรือ คืนนี้นางมีงานต้องรับผิดชอบมากมาย กลับไปพักที่สวนสระวสันตฤดูตั้งนานแล้ว ครั้งนี้เจ้าจะโยนความผิดไปให้นาง แล้วจะทำให้ความรู้สึกผิดของเจ้าลดน้อยลงรึ?”
หลิ่วเหมยอู่ส่ายหัว“ ข้าไม่ได้……”
ครั้งนี้เขาไม่ได้ฟังแต่คำพูดของหลิ่วเหมยอู่ แล้วไปโทษโพยเฉินเสียน
เขาเห็นหมดทุกอย่าง ไม่มีใครสามารถบังคับเธอกับผู้ชายคนอื่นไปที่เตียงนอนได้ นอกจากว่านี่มันคือการข่มขืน เขายังคงมองเห็นใบหน้าที่เป็นสุขของเธอตอนนั้น
เรือนร่างของหลิ่วเหมยอู่นั้นเต็มไปด้วยรอยแดงทำให้ฉินหรูเหลียงรู้สึกเจ็บปวด
เขาเหมือนสัตว์ป่าดุร้าย พาหลิ่วเหมยอู่นอนลงบนเตียง แล้วเริ่มประทับร่องรอยบนตัวเธออีกครั้ง
ฉินหรูเหลียงไม่ถอดแม้แต่เสื้อข้างบน ถอดเพียงแค่ด้านล่างออก แล้วยัดเยียดตัวเองเบียดแทรกเข้าไปข้างใน
“ท่านแม่ทัพอย่า……”
สัมผัสแห่งความสุขยังคงอยู่
ฉินหรูเหลียงเข้าไปได้อย่างไม่ลำบาก แล้วพูดว่า “ ไม่ต้องการ?แต่ร่างกายเจ้ากำลังบอกข้าว่า เจ้าต้องการข้ามาก”
ความคิดของเขาบ้าคลั่ง เมื่อเขาเห็นสมบัติของเขาถูกทุบแตกละเอียด เขาจึงอยากจะทำให้มันแตกอีกครั้งอย่างโหดเหี้ยม!
ครั้งนี้ฉินหรูเหลียงควบคุมอารมณ์ไม่ได้เหมือนอย่างครั้งก่อนๆ เขาเหมือนกับพุ่งออกมาจากกับดักสัตว์ อย่างป่าเถื่อนและกล้าหาญ
รอบนี้เป็นฉินหรูเหลียงกับหลิ่วเหมยอู่ที่กำลังร่วมรักกันอย่างพัวพันอยู่ในสวนดอกพุดตาน ส่วนในห้องโถงด้านหน้าเรือนนั้นต้องมีคนคอยจัดการแก้ไขปัญหา
เฉินเสียนซึ่งเป็นภรรยาเอกของท่านแม่ทัพ ก็ต้องออกไปส่งเหล่านายหญิงเป็นธรรมดา และกล่าวคำขอบคุณมากมาย
เฮ่อโยวไม่สามารถบอกกับเฮ่อเซียงให้รู้ว่าเขากับเฉินเสียนนั้นเคยพบเจอกัน และอีกอย่างหยกของตัวเองนั้นยังตกอยู่ในมือของเฉินเสียนอีกด้วย
ก่อนเกิดเรื่อง เฉินเสียนก็ไม่ยอมคืนให้เขาง่ายๆ
เฮ่อโยวทำให้เฮ่อเซียงเข้าใจว่าเขาได้ออกไปก่อนแล้ว เฮ่อเซียงจึงรีบออกจากจวนแม่ทัพเพื่อไปตาม แต่หารู้ไม่ว่าเฮ่อโยวนั้นแอบอยู่หลังรูปปั้นสิงโตที่อยู่หน้าประตูใหญ่ของจวนแม่ทัพมาตลอด
รอเวลาเฉินเสียนส่งแขกกลับให้หมด ขณะที่หันมากำชับให้บ่าวเตรียมปิดประตู เฮ่อโยวก็ออกมาจากหลังรูปปั้นสิงโตทันทีแล้วพูดว่า “องค์หญิงขอเวลาคุยด้วยหน่อย”
เฉินเสียนหันกลับมาชำเลืองมอง เห็นเฮ่อโยวยืนอยู่ตรงนั้นแจ่มแจ้ง เม้มปากแล้วยิ้มหัวเราะ
พ่อบ้านเห็นอย่างนั้นจึงจะออกไปพูดกับเขา แต่เฉินเสียนยกมือขึ้นห้าม แล้วพูดว่า “นี่คือคุณชายตระกูลเฮ่อ ไม่มีอะไร ข้ารู้จักกับเขามาก่อน”
เฉินเสียนให้พ่อบ้านกลับเข้าไปข้างในก่อน เธอจึงค่อยก้าวเท้าออกมาจากประตูใหญ่ เดินมาตรงด้านข้างรูปปั้นสิงโต ยิ้มแล้วพูดว่า “ คุณชายเฮ่อยังไม่กลับเรือนอีกรึ? ถ้าท่านอัครเสนาบดีรู้เข้าคงจะเป็นห่วงเจ้าแน่ ”
เฮ่อโยวแบมือออกมา “ท่านยังไม่ได้คืนหยกให้กับข้า”
เฉินเสียนพูด “เจ้ายังคงติดหนี้ข้าอยู่สามร้อยตำลึง?”
“วันนี้ข้าไม่มีเงินติดตัวมา ครั้งหน้าถ้าเจอท่านข้าจะคืนให้ ”
เฉินเสียนชำเลืองมองเขา แล้วพูดว่า “แต่วันนี้ข้าเห็น ข้ารู้สึกว่าท่านอัครเสนาบดีนั้นสั่งสอนเจ้าอย่างเข้มงวด เงินที่เจ้ามีคงมีไม่มากสินะ ”
เฮ่อโยวเหมือนถูกเหยียบหาง พูดด้วยอารมณ์โกรธว่า “นี่ โชคดีที่คืนนี้ข้าไม่เผยความลับของท่านแม้แต่คำเดียว แถมข้ายังยุแยงให้ตาแก่นั่นช่วยทำให้งานของท่านนั้นเรียบร้อย สามร้อยตำลึงไม่คุ้มรึ?”
เฉินเสียนเลิกคิ้ว พยักหน้า แล้วพูดว่า “คุ้ม แน่นอนว่าคุ้ม”
เมื่อรู้ว่าหยกของเฮ่อโยวนั้นคือตั้งใจเอาไว้ขอผู้หญิงแต่งงาน เฉินเสียนก็ไม่อยากจะยึดเอาไว้ เธอแค่อยากจะแกล้งเขาเล่นเท่านั้น
เธอนำหยกออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เฮ่อโยวกำลังจะรับมัน เฉินเสียนก็นำมันกลับมา
เฮ่อโยวพูดด้วยความขัดเคืองว่า “ท่านอยากจะเปลี่ยนใจรึ?”
เฉินเสียนหัวเราะแล้วพูดว่า “ทำไมถึงไม่เปิดโปงข้า?”
“ขอถามหน่อยว่าถ้าเปิดโปงแล้วจะมีประโยชน์อะไรกับข้ารึ?” เฮ่อโยวถามกลับ แล้วตอบกลับแปลกๆว่า “ทุกๆบ้านมีคัมภีร์ที่ยากจะอ่านได้ มันไม่ใช่แค่บ้านของท่านที่เป็นแบบนี้”
เขาอยู่ในสถานที่ที่เดียวกับทุกคน การสมรู้ร่วมคิดที่หายากในวัยเด็ก?เมื่อเวลาไป แค่ไม่สนใจกับสิ่งที่ตัวเองเคยสนใจ คิดถึงแค่ประโยชน์และตำแหน่ง
เฉินเสียนเข้าใจแจ่มแจ้ง
เฮ่อโยวพูดเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “ถ้าข้าเปิดโปงท่าน ก็เทียบกับว่าข้าได้ตั้งตัวเป็นศัตรูกับองค์หญิง ถ้าช่วยคนที่ไม่เคยพบมาก่อนอีกทั้งยังเป็นอนุภรรยาที่มีชื่อเสียงเน่าเละ ข้าก็คงไม่ได้หยกนั้นกลับคืนมาแน่นอน ไม่แน่ท่านอาจจะกลับมาแก้แค้นข้า ท่านคิดว่าข้าโง่รึ?ข้าไม่ได้มีความสัมพันธ์กับอนุภรรยาคนนั้น แต่กับท่านข้าเคยเจอที่บ่อนพนันหนึ่งครั้ง ข้าเป็นคนค่อนข้างจงรักภักดี”
เฉินเสียนพินิจพิเคราะห์สายตาของเขาอย่างละเอียดแล้วพูดว่า “ เจ้าไม่เหมือนกับคำเล่ากล่าวที่ว่า เป็นคุณชายที่ชอบดื่มชอบเล่นไม่เอาการเอางาน”
เฮ่อโยวตอบกลับ “ท่านก็ไม่เหมือนกับคำเล่ากล่าวที่ว่าเป็นองค์หญิงที่ไม่มีค่าทั้งขี้เหล่ทั้งอัปลักษณ์ชอบคิดคดโกง”
เฉินเสียนเอาหยกไปวางไว้ในมือเขา “เช่นเดียวกันนั่นแหละ”
เฮ่อโยวรับหยกไป ความรู้สึกหนักใจนั้นได้หล่นออกไปแล้ว เขาก้มหน้าก้มตาเอาไปแขวนไว้ที่เอว แล้วก็พูดบ่นไม่หยุด “เมื่อสองวันก่อนตาแก่มาถามข้าเรื่องหยกนี่ ข้าไม่กล้าพูดอะไร บอกแค่ว่าไม่รู้ไปวางไว้ที่ไหน เดี๋ยวจะกลับไปหาให้ดีๆ แต่ถ้าครั้งนี้ยังหาไม่เจอ ตาแก่คงเอาเรื่องข้าตายแน่นอน ตอนนี้ดีแล้ว เจ้าตัวเล็กกลับมาแล้ว ข้าสบายใจขึ้นแล้ว”
เขาเงยหน้าชำเลืองมองเฉินเสียน แล้วพูดอย่างระวังว่า “เอ้ย วันนี้ท่านก่อเรื่องได้โหดเหี้ยมมาก ข้าเห็นแสงสีเขียวบนหัวของท่านแม่ทัพ”
เฉินเสียนพูด“ โหดเหี้ยมรึ ?ก็อาจจะนิดหน่อย ถ้าไม่โหดเหี้ยมเลย คืนนี้คนที่นอนอยู่ตรงนั้นก็คงเป็นข้า”
เฮ่อโยวหยุดไปชั่วคราว แล้วก็เข้าใจได้ทันที “งั้นท่านก็ใจดีมากเกินไปแล้ว ถ้ากลับกันเป็นข้า คงฆ่านางตาย แต่จากเหตุการณ์นี้ ข้าคิดว่าอนุภรรยาคนนั้นคงไม่มีกล้ามีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว ”
เฉินเสียนหัวเราะ “อย่างนั้นนายคงยังไม่รู้จักเหมยอู่ดี ”
เฮ่อโยวย่นหน้าแล้วพูดว่า “มีชีวิตอยู่ไปก็ไร้ค่า ท่านแม่ทัพคงไม่สัมผัสกับนางแน่นอน”
เฉินเสียนยังยิ้ม “ อย่างนั้นเจ้าคงยังไม่รู้จักท่านแม่ทัพดี ”
เฮ่อโยวหน้านิ่ง “ท่านแม่ทัพเป็นคนไม่ถือสาอะไรรึ?”
ท้องฟ้ามืดแล้ว คำพูดเหล่านั้นก็เหมือนกับเป็นการพูดคุยกันเล่น จากนั้นทั้งสองก็กล่าวคำลา เฮ่อโยวเดินทางกลับเรือน และเฉินเสียนก็หันหลังกลับเข้าไปข้างในจวน
เฮ่อโยวยังพูดอีกว่า “ครั้งหน้าเจอกัน ข้าจะเลี้ยงเหล้าท่าน”
เขาไม่ได้ทำเหมือนเฉินเสียนเป็นองค์หญิง ตามลักษณะนิสัยของเขา ไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องพวกนี้ เพียงแค่รู้สึกว่านิสัยของเฉินเสียนถูกจริตกับเขา
นางใจเด็ดกว่าสามี ในเวลาที่ลงมือทำอะไรก็จะไม่ใจอ่อน
เฮ่อโยวนึกถึงสายตาของเฉินเสียนที่ยืนมองอยู่ใต้ต้นไม้มืดนั้น ถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกหวาดกลัวและสะเทือนใจ
องค์หญิงคนนี้ น่าสนใจยิ่งนัก
คอมเม้นต์