ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 206 ข้าจะตัดขาดกับเจ้า
เหลียนชิงโจวที่อ่อนโยนและสุขุมมาโดยตลอด บัดนี้เขาดูเหมือนว่าสติกำลังจะหลุด ใบหน้าแดงก่ำกัดฟันแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ข้าเป็นชายแท้ที่ปกติมาก! ไม่เคยมาสถานที่อโคจรแบบนี้!”
เฉินเสียนมองหน้าเขา พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ดูเจ้าสิ ก็ไม่ได้ให้เจ้าเข้าไปทำอะไรเสียหน่อย แค่เริ่มจากการชวนคุยเรื่อยเปื่อย ดื่มน้ำชาด้วยกัน เจ้าตื่นเต้นขนาดนั้นทำไมกัน เจ้าอะนะ เข้มงวดกับตัวเองจนเกินไปแล้ว”
เหลียนชิงโจวกุมขมับ แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “มีใครบอกอะไรกับท่านใช่รึเปล่า? ข้าเป็นชายชาตรีแท้ๆ……”
“ช่างเถอะ ถ้าเจ้าไม่สะดวกจะยอมรับ ข้าก็จะไม่บังคับ ถือว่าเข้าไปเป็นเพื่อนข้าคลายเครียดไม่ได้รึไง?”
เมื่อเฉินเสียนหันหน้ากลับไป เธอก็เดินตรงเข้าหอฉู่อวี้ทันที
เหลียนชิงโจวรีบคว้าเธอไว้ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ไม่ได้ ข้าเข้าไปในที่แบบนี้ไม่ได้ ท่านก็ยิ่งไม่ได้แล้วใหญ่”
เฉินเสียนหันหน้ากลับมามองเขา เธอหัวเราะอย่างมีเลศนัย แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “แน่ใจหรือว่าเจ้าจะไม่ยอมเดินเข้าไปเอง? แล้วยังจะไม่ให้ข้าเข้าไปด้วย?”
“ข้าแน่ใจเป็นที่สุด!”
แต่แล้วจู่ๆ เฉินเสียนก็หักแขนของ เหลียนชิงโจวไขว้หลังเขาอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วอึดใจเขาก็ถูกกดคว่ำลงกับพื้น
เหลียนชิงโจวที่ต่อสู้ไม่เป็น จึงสู้กลับไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
เฉินเสียนพูดกับชายที่ยืนอยู่ข้างๆ ว่า : “ไปเรียกหนุ่มๆ มาสักสองสามคน แล้วยกเจ้านี่เข้าไปข้างในด้วย”
เหลียนชิงโจวจึงถูกยกเข้าไปในหอฉู่อวี้โดยปริยาย
หนุ่มหล่อทั้งหลายที่ช่วยยกเขาเข้าไปนั้น ต่างพากันหัวเราะเสียงเบาหยอกล้อเขาเล่น จนทำให้เหลียนชิงโจวขนลุกซู่สะดุ้งไปทั้งตัว สีหน้าเขาเต็มไปด้วยความหมดอาลัยตายอยาก
เมื่อเข้าห้องไปแล้ว เฉินเสียนได้ให้หนุ่มหล่อสองคนอยู่ปรนนิบัติต่อ
หนุ่มหล่อสองคนนี้ดูอ่อนโยนน่าทะนุถนอม ทั้งขาวและผิวดี
เพื่อเป็นการลดภาวะตึงเครียดของเหลียนชิงโจว คนหนึ่งจึงไปดีดพิณ ส่วนอีกคนก็ไปชงชา
เฉินเสียนมองเหลียนชิงโจวที่สีหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ จึงพูดขึ้นว่า : “เจ้าไม่ต้องแสดงแล้ว ข้ารู้รสนิยมของเจ้ามาตั้งนานแล้ว”
เหลียนชิงโจวที่รู้สึกเกลียดเสียยิ่งกว่าอะไรดี : “ท่านไปฟังใครที่ไหนพูดจามั่วซั่วอย่างนี้!”
เฉินเสียนสีหน้าแววตาเรียบเฉย เพียงชั่วพริบตาก็กลับมาสีหน้าปกติ จากนั้นเธอก็ยิ้มขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ตอนนี้ไปพูดเรื่องพวกนั้นจะมีประโยชน์อะไร ไหนๆ ก็มาแล้ว ทำตัวให้สนุกดูเป็นธรรมชาติหน่อย อย่ามัวแต่เสียเวลา”
ไม่ว่าเหลียนชิงโจวจะพยายามอธิบายและเกลี้ยกล่อมเธอยังไง เฉินเสียนก็ไม่ยอมเชื่อว่าเขาไม่ชอบผู้ชายจริงๆ
จากนั้นเขาก็จำใจนั่งลง ฟังหนุ่มหล่อดีดพิณอย่างเลี่ยงไม่ได้ พลางดื่มชาที่หนุ่มหล่อชงให้ด้วยสีหน้าเรียบเฉย นี่ถือว่าเกินคาดแล้ว
เขาสาบานว่าครั้งต่อไปจะไม่มาที่แบบนี้อีก!
แต่เฉินเสียนไม่เหมือนกัน…..เธอถนัดช่ำชอง ชวนหนุ่มหล่อคุยเรื่องชงชาแลกเปลี่ยนความรู้และคุยเรื่อยเปื่อยสัพเพเหระ! แล้วก็ไปชวนหนุ่มหล่ออีกคนคุยเรื่องศิลปะการดีดพิณ การบรรเลงผสานเสียงพิณ
เหลียนชิงโจวมองจนตาแทบเป็นตะคริว พระองค์มาครั้งแรกจริงๆ หรือ! ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าองค์หญิงเป็นแขกประจำของที่นี่นะ!
เหลียนชิงโจวเกรงว่าเขายังไม่ทันจะโบยบิน เฉินเสียนคงโบยบินไปไกลก่อนแล้ว
เขาอาศัยจังหวะออกไปเข้าห้องน้ำ เมื่อออกจากห้องไปแล้ว ก็ได้จ้างคนไปช่วยเขาส่งข่าว
เมื่อเหลียนชิงโจวกลับมาก็ต้องตกใจจนหน้าถอดสี เพราะไม่รู้ว่าเฉินเสียนไปเรียกหนุ่มรูปหล่องดงาม กิริยาท่าทางอ้อยอิ่งดูไม่เบื่อหน่ายมาถึงสองคน
เฉินเสียนมองพวกเขาแต่ละคนที่หน้าตาดีไม่แพ้กันเลย แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “เกรงว่าความงดงามของทั้งเมืองหลวงคงจะมากองรวมกันอยู่ที่หอฉู่อวี้จนหมดแล้ว”
ทำเอาบรรดาหนุ่มหล่อทั้งหลายพากันหัวเราะตลกเบาๆ
เฉินเสียนหันหน้าไปมองเหลียนชิงโจว พูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ : “ทำไมเจ้าไปเข้าห้องน้ำนานขนาดนี้ รีบมาเร็วเข้า”
เหลียนชิงโจวที่ยืนแนบกับประตู ปฏิเสธอย่างจริงจัง : “ไม่ ข้าไม่เข้าไป ข้าขอบอกไว้เลย ท่านอย่ามาทำซี้ซั้วเชียวนะ”
เฉินเสียนเลิกคิ้วขึ้นสูง หัวเราะด้วยความเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็สั่งให้หนุ่มหล่อทั้งสี่จับแขนขาของเหลียนชิงโจว แล้วยกมาไว้ตรงหน้าเธอ
เหลียนชิงโจวทั้งอายทั้งฉุน : “ปล่อยข้านะ! ข้าเป็นชายชาตรีแท้ ไม่ขอคลุกคลีข้องเกี่ยวกับพวกเจ้า!”
เฉินเสียนสั่งต่อไปว่า : “กดเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้”
“พวกเจ้า พวกเจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ!”
เฉินเสียนหัวเราะอย่าใจเย็น มองดูบรรดาหนุ่มหล่อที่ช่วยกันกดเหลียนชิงโจวให้นั่งลงบนเก้าอี้ โดยที่เขากระดิกตัวไม่ได้แม้แต่นิด แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “เริ่มจากนวดทั้งตัวก่อน”
เหลียนชิงโจวหายใจเข้าเฮือกใหญ่ : “อย่ามาแตะต้องตัวข้านะ!” กิริยาท่าทางของเขาราวกับหญิงสาวที่ไร้เดียงสา กำลังจะถูกทำให้อับอายยังไงอย่างงั้น
เพียงแต่มือทั้งสี่คู่นั้นก็ไม่ได้นิ่งดูดาย กำลังเริ่มลงมือนวดลงบนร่างกายของเหลียนชิงโจวตามคำสั่งของเฉินเสียน
บรรดาหนุ่มหล่อเหล่านี้เคยชินกับการปรนนิบัติผู้คนมามากมาย และเวลานี้ก็ได้ทำการเริ่มนวดคลำ จนทำให้เหลียนชิงโจวทั้งรู้สึกสบายและทรมานในคราวเดียวกัน
ตอนนี้เขาแทบอยากจะหาเต้าหู้สักชิ้นแล้ววิ่งชนให้ตายเสีย!
เฉินเสียนนั่งดูอยู่ข้างๆ อย่างได้อรรถรส
เหลียนชิงโจวพูดขึ้นด้วยความขุ่นเคือง : “คนแซ่เฉิน ข้าจะเลิกคบค้าสมาคมกับท่าน……อ้า เบาๆ หน่อยสิ!”
เหลียนชิงโจวถูกกระทำอยู่แบบนั้นจนแทบไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว ทั้งจั๊กจี้ทั้งทรมาน ร่างกายอ่อนระทวย และสีหน้าของเขาก็เต็มด้วยความอับอาย
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เหลียนชิงโจวเหงื่อชุ่มไปทั้งตัว ร่างกายของเขาไร้เรี่ยวแรง นอนหมดสภาพอยู่บนเก้าอี้ เขาต่อต้านจนขี้เกียจจะต่อต้าน
ฝีมือในการนวดของบรรดาหนุ่มหล่อนั้นดีไม่เบาเลยทีเดียว เฉินเสียนเองก็ได้ยินมาก่อนหน้านี้แล้ว
การนวดของบรรดามือหลายๆ คู่นี้ ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไปทั่วทั้งตัว ความอุ่นค่อยๆ แผ่ซ่านออกมาจากข้างในกระดูก ทำให้รู้สึกสบายและผ่อนคลาย
ถึงแม้เหลียนชิงโจวจะเขินอายเกินกว่าจะยอมรับมัน แต่ดูจากปฏิกิริยาของเขาแล้ว ยิ่งนวดก็ดูยิ่งสบาย ครางออกมาเบาๆ ด้วยซ้ำไป เขาไม่ได้ต่อต้านรุนแรงเหมือนในตอนแรกแล้ว
เฉินเสียนดึงเอาผ้าเช็ดหน้าหอมกรุ่นที่เหน็บอยู่ข้างเอวของหนุ่มหล่อผู้หนึ่ง ช่วยเหลียนชิงโจวซับเหงื่อ เธอยิ้มตาหยี พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “เป็นไงบ้าง ตอนนี้เจ้ายังคิดจะตัดขาดความเป็นเพื่อนกับข้าอยู่หรือไม่? เจ้าเป็นคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย ได้มาที่นี่สักรอบ รู้สึกตัวโล่งไปเลยใช่หรือเปล่า ราวกับว่าเส้นลมปราณตูและเส้นลมปราณเยิ่นไหลเวียนสะดวกขึ้นมาเลยใช่ไหมล่ะ?”
เหลียนชิงโจวกลอกตามองบนให้เฉินเสียนด้วยความฉุน
เฉินเสียนหัวเราะแล้วจึงพูดขึ้นว่า : “ปากเจ้าพูดปฏิเสธว่าไม่เอา ไม่เอา แต่ร่างกายของเจ้ากลับซื่อสัตย์ขนาดนี้ ตอนนี้เจ้าคงรู้สึกสบายใจจนแทบจะโบยบินเลยใช่หรือเปล่า?”
“ท่านไปเลยนะ ข้าไม่อยากจะคุยกับท่าน”
หนุ่มหล่อทั้งสี่ได้ปล่อยตัวเหลียนชิงโจว แล้วจึงอ้อมมายื่นข้างๆ เฉินเสียน แล้วจึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม : “คุณชายเฉิน ท่านก็ลองดูเสียหน่อยไหม? สบายไม่เบาเชียวนะขอรับ”
ไม่รอให้เธอได้ทันตอบ เหลียนชิงโจวก็รีบช่วยเธอปฏิเสธทันทีว่า : “ไม่ต้อง!”
เขาเป็นชายแท้ๆ ถูกชายสี่คนมารุมนวด ถึงแม้ว่าจะรู้สึกแปลกๆ เสียหน่อย แต่ก็ไม่ถือว่าเสียหายอะไร
แต่สำหรับเฉินเสียนนั้นไม่เหมือนกัน
ถึงแม้ว่าเฉินเสียนจะแต่งตัวเป็นชาย แต่นางก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี หากว่านางถูกบรรดาหนุ่มหล่อนวดสัมผัสไปทั่วทั้งร่างกายแบบนี้ ถ้าอาจารย์รู้เรื่องขึ้นมาคงจะมาฆ่าเขาตายแน่ๆ
ไม่ได้ จะให้พวกเขาแตะเนื้อต้องตัวเฉินเสียนไม่ได้เด็ดขาด
เฉินเสียนนั่งอิงกับพนักพิงเก้าอี้ เธอไขว้ขาวางลงบนเก้าอี้อีกตัว พูดขึ้นอย่างเฉื่อยชา : “ทำไมถึงไม่ต้อง? เจ้าสบายไปแล้ว ทำไมข้าจะสบายบ้างไม่ได้?”
เหลียนชิงโจวจ้องเฉินเสียนตาเขม็ง กัดฟันแน่นพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ท่านอย่าได้ลืมฐานะของตัวเอง”
เฉินเสียนรีบพยักหน้าเข้าใจ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “จริงสิ ข้าตั้งใจพาเจ้ามาที่นี่เพื่อขึ้นสวรรค์นี่นา”
จากนั้นเฉินเสียนก็ได้สั่งให้หนุ่มหล่อสองคนประคองเหลียนชิงโจวไปพักผ่อนบนเตียงหลังม่าน แล้วให้หนุ่มหล่อที่เหลืออีกสองคนมานวดแขนขาให้เธอ
ฝีมือในการนวดของหนุ่มหล่อถือว่าช่ำชองมาก ฝีมือและระดับความชำนาญพอๆ กับหมอนวดมืออาชีพเลยก็ว่าได้ เพียงแต่ว่าที่ต้าฉู่ยังไม่มีอาชีพการงานแบบนี้
เฉินเสียนเห็นพวกเขามีระเบียบค่อนข้างสูง ที่ที่ไม่ควรจะสัมผัสพวกเขาก็จะไม่ไปสัมผัสเลย
หนุ่มหล่อในหอฉู่อวี้ล้วนแล้วแต่สังคมกว้างขวาง มีความสามารถในการเดาความต้องการของแขกสูงมาก หากมีความต้องการทางกายภาพด้านไหนโดยเฉพาะ พวกสามารถปรนนิบัติได้เป็นอย่างดี พวกเขาไม่ได้มีดีแค่เรื่องดีดพิณและชงชา กินเวลาจนถึงตอนนี้
พวกเขาดูออก ว่าเหลียนชิงโจวไม่มีงานอดิเรกทางด้านนี้ พวกเขาเพียงแค่อยากล้อเล่นกับเหลียนชิงโจวก็เท่านั้น เพราะรู้สึกว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเขาดูตลกดี
หนุ่มหล่อทั้งสี่ในห้องต่างคึกคักอารมณ์ดี
หนุ่มหล่อสองคนประคองเหลียนชิงโจวลุกขึ้นจากเก้าอี้ พูดขึ้นปนเสียงหัวเราะเคล้าหยอกเล่น : “คุณชายเชิญไปกับเราเถอะขอรับ เรารับประกันว่าจะปรนนิบัติคุณชายให้สบายที่สุดเลยขอรับ~”
คอมเม้นต์