ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 378 แอบรักย่อมตื่นเต้นระทึกขวัญอยู่แล้ว
ดวงตาเฉินเสียนสว่างแวววาว จ้องสตรีเจ้าบ้านอย่างจดจ่อ
สตรีเจ้าบ้านกล่าวว่า “กระไร คืนนี้จะออกจากเมืองเลยใช่ไหม? รอให้เขากลับมา ข้าจะลองคุยกับเขาดู ไม่รู้เขาจะทำได้หรือเปล่า?”
เฉินเสียนไม่อาจบดบังความดีใจบนใบหน้าได้ กล่าวกับสตรีเจ้าบ้านว่า “ไม่ปิดบังฮูหยิน พวกเขาจะออกจะเมืองจริงๆ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
“งั้นตอนไหน?”
เฉินเสียนกล่าว “ข้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ถูกคุมตัวไว้”
“หา?พวกท่านมีบุตรชายแล้วหรือ ข้าดูไม่ออกเลย” สตรีเจ้าบ้านถาม “เด็กอายุกี่ขวบแล้ว?”
“หนึ่งขวบกว่า” เฉินเสียนกล่าว “ล้วนเป็นมารดาด้วยกัน นายหญิงคงเข้าใจหัวอกข้า ข้าไม่มีทางทิ้งบุตรชายแล้วหนีตามเขาไปเองแน่นอน”
“ใช่ ใช่ อย่างไรเสียก็เป็นเนื้อที่หล่นมาจากท้อง” สตรีเจ้าบ้านถอนหายใจ “ลูกพวกท่านอายุหนึ่งขวบแล้ว เหตุใดผู้ใหญ่สองตระกูลยังไม่เห็นชอบให้พวกท่านอยู่ด้วยกันอีก? อย่างนี้ถือว่าบาปนะเนี่ย”
สตรีเจ้าบ้านเข้าใจผิดคิดว่าเด็กคือลูกของเฉินเสียนกับซูเจ๋อ เฉินเสียนฟังแล้วใจสั่นด้วยความหวาดหวั่น
เฉินเสียนรู้ว่าอนาคตข้างหน้าซูเจ๋อยอมเป็นบิดาของเจ้าน่องน้อย แต่ไม่เคยคาดเดาว่าซูเจ๋อจะเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดหรือเปล่า เธอไม่สืบสาวหาความจริง อ้างว่าปล่อยวางเรื่องนี้แล้ว ทว่าความจริงก็คือกลัวผลจะไม่เป็นดังที่คาดหวัง
ไม่ว่าใครเป็นบิดาผู้ให้กำเนิดเจ้าน่องน้อย เจ้าน่องน้อยก็ยังคงเป็นบุตรชายของเธออยู่ดี
เพียงแต่ตัวเองคิดเช่นนี้ ส่วนคนอื่นก็คิดไปอีกทาง
เฉินเสียนเก็บอารมณ์ความรู้สึก พูดพล่ามว่า “สองตระกูลเป็นศัตรูกัน บิดามารดาของพวกเราไม่มีทางยินยอมให้พวกเราอยู่ด้วย”
สตรีเจ้าบ้านกล่าวด้วยความเห็นอกเห็นใจ “ชีวิตพวกท่านรันทดมาก เด็กก็เช่นกัน งั้นพวกท่านคิดจะช่วยเด็กออกมาก่อนแล้วค่อยไป ใช่หรือไม่?”
“อืม” เฉินเสียนกล่าวด้วยความสัตย์จริง “ฮูหยิน หากพวกเราช่วยลูกออกมาได้ รบกวนฮูหยินช่วยพวกข้าได้ไหม? หากทำให้ลำบากใจ……”
ต่างก็เป็นมารดาเหมือนกัน สตรีเจ้าบ้านจึงเข้าใจเป็นอย่างดี พลางกล่าวด้วยความกระตือรือร้น “ไม่ลำบากใจ หากพวกท่านรับเด็กได้เมื่อไหร่ก็ให้มาหาข้า หากข้าช่วยได้ก็จะช่วยแน่นอน”
เฉินเสียนกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “งั้นข้าต้องขอบคุณฮูหยินล่วงหน้าแล้ว”
ไม่นานก็ทำอาหารเสร็จ สตรีเจ้าบ้านผัดผักอีกสองจานก็ดึงเด็กเข้าเรือน ปล่อยให้ซูเจ๋อกับเฉินเสียนทานข้าวในห้องอาหารสองต่อสอง
ทั้งสองคีบอาหารได้ต่างก็ส่งไปหาอีกฝ่ายก่อน
เฉินเสียนกล่าว “ฝีมือปลายจวักของเจ้าของเรือนดีใช้ได้เลย แค่กลิ่นก็หอมมากแล้ว รีบกินสิ กินเยอะหน่อย”
ไม่ได้นั่งทานข้าวกับซูเจ๋อด้วยกันนานแล้ว เฉินเสียนแต่มองเขากินอย่างเชื่องช้าก็มีความสุขมากแล้ว
ซูเจ๋อกล่าวเสียงแผ่วเบา “เมื่อครู่คุยอะไรกับเจ้าของเรือน ไยท่านถึงอารมณ์ดีเช่นนี้?”
เฉินเสียนกล่าว “ใช่หรือ?”
เฉินเสียนรีบนวดคิ้วของตัวเอง “เด่นชัดขนาดนี้เลยหรือ?”
ซูเจ๋อยกเสียงสูงขึ้นเล็กน้อย “นินทาข้าหรือ?”
เฉินเสียนเม้มปากหัวเราะ พลางกล่าวว่า “ไม่ได้นินทา เจ้าของเรือนกลัวท่านจะสอนบุตรชายเขาผิด”
ซูเจ๋อยกคิ้วขึ้นนิดๆ ท่าทางขี้คร้านหลายส่วน
เฉินเสียนกล่าวต่อว่า “แล้วยังบอกให้ข้าจับตามองท่านไว้ให้ดีๆด้วย ไปที่ https://th.booktrk.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! ซูเจ๋อกล่าวได้ถูกใจมาก “งั้นก็ทายาไล่แมลงไล่ผึ้งก็สิ้นเรื่อง”
“เจ้าของเรือนยังบอกว่า” เฉินเสียนกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน “พวกเราหนีตามกันมา ท่านคิดว่าอย่างไร เหมือนหรือไม่?”
ซูเจ๋อหัวเราะเสียงเบา กล่าวว่า “คงจะเหมือนมากกระมัง เจ้าของเรือนจึงได้พูดเยี่ยงนี้”
เฉินเสียนรีบมองเขาโดยพลัน กล่าวว่า “เมื่อครู่ตอนใกล้ชิดท่าน ข้ารู้สึกว่าถึงจะต้องเจอทางตันข้าก็ไม่หวาดหวั่น”
มือซูเจ๋อที่จับตะเกียบไว้นิ่งค้าง ตะเกียบธรรมดาทั่วไป เมื่ออยู่ในมือของเขาแล้วกลับให้ความรู้สึกเพริศพราย เข้ากับนิ้วเรียวยาวที่ขาวราวกับหยกได้เป็นอย่างดี
เฉินเสียนหน้าแดง รีบกล่าวว่า “เจ้าเรือนยังบอกว่า สามีนางทำงานซ่อมแซมประตูเมือง หากพวกเราจะหนีออกจากเมือง ไม่แน่เขาอาจจะช่วยได้”
ซูเจ๋อจ้องมองเธอตาค้างราวกับอยากดูดเธอเข้าไปเสียอย่างนั้น
เธอกล่าวอีกว่า “ทว่าข้าตอบนางว่าตอนนี้ยังไม่ไป รอให้รับตัวบุตรชายได้ก่อนแล้วค่อยออกไป ถึงแม้จะอันตรายเล็กน้อย แต่ก็ยังพอมีทางเลือกอยู่บ้าง ซูเจ๋อ ท่านคิดว่าอย่างไร?”
ซูเจ๋อสบตาเธอแล้วยิ้ม พลางกล่าวว่า “ใช่ ย่อมเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว”
หลังจากทานอาหารเสร็จ พอรู้ตัวอีกทีก็อยู่ในลานบ้านตลอดทั้งบ่ายแล้ว
เฉินเสียนรู้สึกว่าตอนอยู่กับเขา เวลาช่างผ่านไปไวเหลือเกิน หากรั้งอยู่ต่อไปฟ้าคงมืดแล้ว
แม้ได้อยู่ด้วยกันชั่วครู่ แต่ก็ต้องจากกันไป
ซูเจ๋อยกนิ้วไปแตะริมฝีปากที่ยังคงบวมแดง กล่าวว่า “ท่านไปก่อน พอท่านไปแล้วข้าก็จะไป”
เฉินเสียนกล่าว “ครั้งนี้ท่านไม่ต้องตามหลังข้าแล้ว พอข้าไปถึงถนนเมื่อไหร่ก็จะมีคนอื่นมาจดจ้องแล้ว”
ซูเจ๋อเงียบไปชั่วอึดใจ กล่าวว่า “ระหว่างทางระวังตัวด้วย”
“งั้น ซูเจ๋อ ข้าไปแล้ว” เฉินเสียนยกริมฝีปากขึ้น ฝืนยิ้มให้เขา
เขากลับตอบว่า “ท่านไม่อยากยิ้มก็ไม่ต้องฝืนใจตัวเองหรอก”
เมื่อเฉินเสียนหยุดยิ้ม จู่ๆก็ยกเท้า ขยับกายไปจูบริมฝีปากของเขา เห็นเขาอึ้ง เฉินเสียนจึงกลับมายิ้มอีกครั้ง พลางกล่าวเสียงต่ำๆ “วันนี้แอบนัดเจอกับท่าน ทำให้ข้ารู้สึกตื่นเต้นระทึกขวัญมาก”
ซูเจ๋อกล่าว “แอบรักกันก็ตื่นเต้นระทึกขวัญอย่างนี้แหละ”
เฉินเสียนเงียบ “ท่านยังพูดได้เต็มปากอีก”
“ข้ามีปัญญามีชู้ ไยข้าถึงพูดเต็มปากไม่ได้”
“……”
ตั้งแต่แรกจนถึงบัดนี้ พวกเขาไม่อาจรักกันอย่างเปิดเผย ต้องลับๆล่อๆตลอด
เมื่อเฉินเสียนเดินออกจากลานบ้านพลันรู้สึกกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง เหยียบพื้นแล้วรู้สึกหนักอึ้งมาก ลมที่สัมผัสก็รู้สึกหนาวเย็น เสมือนการอยู่กับซูเจ๋อระยะสั้นเป็นเพียงความฝันล้มๆแล้งๆ
เธออยากหันกายกลับไป เธอรู้ว่าซูเจ๋ออยู่ด้านหลังประตูบานนั้น
ทว่าถึงเธอจะหันกลับไปกี่ครั้ง อาลัยอาวรณ์เพียงใด สุดท้ายเธอก็ต้องจากไปอยู่ดี
เดินเหินอยู่ในตรอกที่ไม่คุ้นเคย มาเดินบนถนนอีกครั้ง ซึ่งทิวทัศน์บนถนนสว่างและครึกครื้นกว่าตรอกซอย เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ถึงกระนั้นก็ยังคงรู้สึกสับสนพร่ามัวอยู่ดี
ยามนี้ได้จัดการเก็บกวาดเศษผักเน่ากับกลิ่นเหม็นของไข่บนถนนเรียบร้อยแล้ว
ร้านแผงลอยขายหน้ากากยังคงอยู่ เถ้าแก่กำลังเรียกลูกค้าให้มาซื้ออยู่
เฉินเสียนเดินเข้าไปเลือกซื้อหน้ากากธรรมดามาสวมหนึ่งอัน จากนั้นก็เดินทางกลับไปยังจวนแม่ทัพ
ดังคาด ยังกลับไม่ถึงจวนแม่ทัพ ผู้สอดแนมที่สะบัดทิ้งได้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้ตามมาอีกแล้ว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเธอสวมหน้ากากหรือเปล่า ถึงทำให้คนกลุ่มนี้ไม่ค่อยมั่นใจ ติดตามด้วยความลังเล
เฉินเสียนทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยังคงเดินไปเองอยู่อย่างนั้น
พอเดินมาถึงครึ่งทางก็เริ่มมีหิมะโปรยปรายเล็กน้อย
อากาศหนาวเหน็บยิ่งนัก
เหมันตฤดูในเมืองหลวงช่างหนาวเหน็บและเนิ่นนานเสียจริง
คอมเม้นต์