ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 422 ฉินหรูเหลียง ข้าอยากพบซูเจ๋อ

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 422 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เฉินเสียนกล่าวว่า “ถ้าอยากกินให้อิ่มท้องก็กลับไปกินที่เรือนของท่านสิ ในจวนยังขาดแคลนอาหารหรืออย่างไร ถ้าขาดจริงๆ ข้าช่วยสมทบให้ท่านก็ได้”

ว่าแล้วเธอก็สั่งให้อวี้เยี่ยนเก็บข้าวของเครื่องใช้ของฉินหรูเหลียงตลอดจนเสื้อผ้าที่อยู่ในสวนสระวสันตฤดูออกมา แล้วส่งกลับไปที่เรือนของเขา

ฉินหรูเหลียงเพิ่งย้ายมาอยู่ที่สวนสระวสันตฤดูเมื่อสองวันก่อน ในเวลานั้นเฉินเสียนยังทำอะไรเขาไม่ได้จึงได้แต่ปล่อยเขาไปก่อน

แต่ที่สวนสระวสันตฤดูมีผู้หญิงอยู่ถึงสามคน เขาเป็นผู้ชายคนเดียว ต่อไปจะต้องไม่สะดวกอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรไม่ช้าก็เร็วเฉินเสียนก็ต้องไล่เข้าไปอยู่ดี

“ข้าอยากกินข้าวที่นี่” ฉินหรูเหลียงกล่าว “ข้าเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อน ท่านยังจะไล่ข้าไปอีกหรือ”

“ยอมให้ท่านอยู่ที่นี่มาตั้งสองสามวันก็นับว่าเกรงใจมากแล้ว”

“แต่ที่นี่คือเรือนของข้า เรือนที่ท่านอยู่ก็เป็นของข้าด้วย!”

“แล้วยังไง จะให้ข้าย้ายออกจากจวนรึ” เฉินเสียนเอ่ยอย่างคิดๆ

ฉินหรูเหลียงถอนหายใจอย่างอัดอั้น เขาจะปล่อยให้เฉินเสียนย้ายออกไปได้อย่างไร เขาระงับโทสะเอาไว้และกล่าวว่า “ช่างเถอะ ข้าขี้เกียจทะเลาะกับท่าน ข้ามาอยู่ที่นี่ก็เพื่อดูแลท่าน ไม่ใช่เรื่องดีแน่หากท่านยังกินไม่ได้นอนไม่หลับ”

“แต่ข้ารู้สึกตาบวมๆ เพราะความแออัด” เฉินเสียนกล่าว “และข้าก็กินได้นอนหลับแม้ท่านจะไม่อยู่ที่นี่”

“แล้วก่อนหน้านี้ทำไมท่านจึงไม่รู้สึกว่าแออัด เหตุใดผู้หญิงอย่างท่านจึงเปลี่ยนแปลงง่ายเช่นนี้” ฉินหรูเหลียงไม่ได้เอ่ยอย่างไร้เหตุผลตามเธอ จากนั้นจึงถามอย่างหารือว่า “เช่นนั้นท่านย้ายไปที่เรือนของข้าดีหรือไม่ เรือนของข้าใหญ่กว่า จะได้ไม่รู้สึกแออัด”

เฉินเสียนพรวดพราดเข้าไปในห้องและกล่าวว่า “อวี้เยี่ยน ของของเขาล่ะ ทำไมถึงยังไม่จัดการให้เรียบร้อยอีก”

ฉินหรูเหลียงเม้มริมฝีปากและกล่าวว่า “ท่านนี่ช่างอกตัญญูไม่แพ้ผู้ใด!”

เมื่อเห็นว่าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผลฉินหรูเหลียงจึงใช้ไม้แข็ง เขาฉวยโอกาสตอนที่เฉินเสียนเผลอก้าวเข้าไปอุ้มเธอไว้

สภาพร่างกายของเฉินเสียนในตอนนี้ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หลังจากดิ้นรนอยู่สองสามทีก็ถูกเขาอุ้มเข้าไปในห้อง

อวี้เยี่ยนกำลังหยิบสัมภาระออกมาและเอ่ยถามช้าๆ ว่า “ท่านราชบุตรเขย ของของท่านยังต้องส่งกลับไปที่เรือนหรือไม่เจ้าคะ”

“ไม่ต้องแล้ว” ฉินหรูเหลียงเอ่ยอย่างเฉียบขาดว่า “ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อ”

ฉินหรูเหลียงวางเฉินเสียนลงข้างๆ โต๊ะอาหาร จากนั้นจึงสั่งให้แม่นมซุยไปตักน้ำมาเพื่อให้เธอล้างหน้าล้างมือ “กินข้าว กินเสร็จจะได้ดื่มยา คืนนี้ท่านจะได้นอนหลับพักผ่อน”

เฉินเสียนถลึงตาใส่เขา

ฉินหรูเหลียงยังกล่าวอีกว่า “จ้องอะไร รอไว้ท่านมีแรงเมื่อไหร่ค่อยมาตีข้า”

เฉินเสียนหรี่ตา “ฉินหรูเหลียง ข้าเพิ่งรู้ว่ายิ่งนานวันท่านยิ่งพาลขึ้นเรื่อยๆ”

“นั่นก็เพราะถูกท่านบังคับนะสิ” ฉินหรูเหลียงนำอาหารมาวางไว้ให้เฉินเสียนพลางลดเสียงลง “สุภาพบุรุษถูกท่านบังคับจนกลายเป็นคนพาล กินให้เยอะๆ ไม่เช่นนั้นเมื่อซูเจ๋อออกมาแล้วท่านผอมเกินไป จะเอาอะไรไปสู้หน้าเขา เขาจะคิดได้ว่าข้าเอาเปรียบท่าน ไม่ยอมให้ท่านกินข้าว”

เขาพูดอย่างหยาบคายและแข็งกร้าว

ทว่าเฉินเสียนกลับรู้สึกตื้นตันและอบอุ่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ไปที่ https://th.booktrk.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน!

อวี้เยี่ยนเข้ามาช่วยเฉินเสียนล้างหน้าบ้วนปากหลังมื้ออาหารเย็น หลังจากนั้นเธอจึงเอนกายนอนลงบนเตียง

เมื่อฉินหรูเหลียงเห็นว่าเธอสงบเช่นนี้เขาจึงกลับไปที่ห้องของตัวเอง หากเกิดอะไรขึ้นในยามดึกเขาเองก็จะได้ไหวตัวทัน

ฉินหรูเหลียงตื่นขึ้นมากลางดึกด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจ เหมือนมีอะไรมาดลใจให้เขาลุกออกจากเตียงและเดินไปดูว่าเฉินเสียนนอนหลับสบายดีไหม

เมื่อเห็นว่าไฟในห้องนอนของเธอยังเปิดอยู่เขาก็เริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ

ฉินหรูเหลียงผลักประตูเข้าไปด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม อวี้เยี่ยนยังคงอยู่ในห้อง เมื่อหันไปเห็นฉินหรูเหลียงเดินเข้ามานางก็เอ่ยปนสะอื้นว่า “ท่านราชบุตรเขยมาแล้ว รีบมาเกลี้ยกล่อมองหญิงเถอะเจ้าค่ะ พระองค์ไม่ยอมบรรทมเสียที”

ฉินหรูเหลียงเดินเข้าไปในห้องอย่างผ่าเผยและเห็นเฉินเสียนนั่งกอดเข่าอยู่บนเตียง เธอนั่งกัดเล็บโดยไม่รู้ตัวราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง

ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “เฉินเสียน ท่านเป็นบ้าอะไรอีก ดึกดื่นป่านนี้แล้วเหตุใดจึงยังไม่นอน หรืออยากให้ข้าทำให้ท่านหมดสติ หือ?”

เฉินเสียนเงยหน้ามองเขาและพูดว่า “มันติดเป็นนิสัยมาจากเมื่อหลายวันก่อน ยังไม่ได้ปรับนาฬิกาชีวิตแบบนกเค้าแมว ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากนอน แต่ตอนนี้ข้านอนไม่หลับ”

ฉินหรูเหลียงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวว่า “นั่งคุดคู้อยู่เช่นนี้จะทำหลับลงกับผีหรือ ลองนอนลงดีๆ สิ”

“ข้าแค่เอนหลังก็นอนไม่หลับแล้ว ก็เลยนั่งอยู่อย่างนี้”

ฉินหรูเหลียงก้าวเข้ามาอีกสองสามก้าว สีหน้าของเขาดูชั่วร้ายจนดูเหมือนว่าเขาอยากจะตีเธอให้สลบไปเสียเดี๋ยวนี้

ทว่าทันทีที่เขาก้าวมาถึงเตียง เฉินเสียนก็เอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “ฉินหรูเหลียง ข้าอยากพบซูเจ๋อ”

ฉินหรูเหลียงชะงักไป

เฉินเสียนเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาที่เป็นประกายและถามว่า “ท่านพาข้าไปพบเขาได้ไหม”

ทันใดนั้นฉินหรูเหลียงก็ตระหนักได้ว่าเธอกำลังคิดถึงซูเจ๋อ เมื่อมีความคิดเช่นนี้เกิดขึ้นก็ไม่ต่างอะไรกับปีศาจร้าย และเกรงว่าจนถึงเช้าเธอก็คงจะไม่มีทางนอนหลับอย่างสงบ

ฉินหรูเหลียงหลุบตาลงและมองเธออย่างเคร่งขรึม เขาเม้มริมฝีปากก่อนจะกล่าวว่า “ท่านยังพบเขาได้ในความฝัน”

เฉินเสียนส่ายหน้า “ข้าไม่อยากพบเขาในความฝันอีกแล้ว ข้าอยากพบเขาในโลกของความเป็นจริง แบบที่ข้าเอื้อมมือไปสัมผัสเขาได้”

ฉินหรูเหลียงกล่าวด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “เฉินเสียน ตอนนี้เขาอยู่ที่คุกในศาลยุติธรรมต้าหลี่ ท่านมีสติหน่อยสิ อย่าทำให้เรื่องวุ่นวาย”

เฉินเสียนฉีกยิ้มมุมปากอย่างขมขื่น เธอเกยคางไว้ที่เข่าและพูดว่า “ข้ามีสติมากเกินไปจนนอนไม่หลับ ข้ารู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ในคุก”

เธอหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “แล้วข้าก็รู้ว่าคุกที่ศาลยุติธรรมต้าหลี่มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา อีกทั้งในยามกลางคืนยังมีการเปลี่ยนเวร และข้าก็ยังรู้ด้วยผู้คุมจะผลัดเปลี่ยนเวรเมื่อถึงยามโฉ่ว (ช่วงเวลาระหว่าง 01:00 น. – 03:00 น.) ขอเพียงแค่ท่านปลอมตัวไปเป็นผู้คุมเปลี่ยนเวรในคุก เท่านี้ก็แอบเข้าไปตอนกลางดึกได้แล้ว”

ฉินหรูเหลียงถามว่า “ท่านรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร”

เฉินเสียนกล่าวว่า “ข้านอนไม่หลับ ดังนั้นจึงอ่านกฎระเบียบและกฎข้อบังคับการคุมขังของศาลยุติธรรมต้าหลี่ หนังสือบอกข้า”

ฉินหรูเหลียงเอ่ยอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านเองก็รู้ว่าการที่นั่นมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา ถ้าถูกพบขึ้นมา ท่านได้พิจารณาผลที่จะตามมาหรือไม่”

เฉินเสียนตอบว่า “ข้าปลอมตัวเป็นผู้คุมแล้วไปเข้าเวร จะถูกพบได้อย่างไร? แค่ต้องให้ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่พาข้าเข้าไปในศาลยุติธรรมต้าหลี่ จากนั้นก็สับเปลี่ยนตัวกับผู้คุมที่มีหน้าที่เข้าเวรกลางดึก รอจนกระทั่งฟ้าสางที่ต้องเปลี่ยนเวรอีกครั้งข้าจึงค่อยออกมา เท่านี้ก็ไม่มีปัญหาแล้วไม่ใช่หรือ”

ฉินหรูเหลียงเงียบ

เฉินเสียนกล่าวต่อว่า “ตอนนี้เกิดเรื่องกับเฮ่อฟั่ง จักรพรรดิจะต้องยุ่งจนหัวหมุนอยู่แน่ พระองค์คงยังไม่ได้แต่งตั้งประธานผู้พิพากษาคนใหม่ เป็นช่วงที่กำลังหละหลวม มีเพียงแค่ตอนนี้เท่านั้นที่ข้าจะเข้าไปหาเขาได้ ฉินหรูเหลียง ข้าไม่รู้ว่าผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่อาศัยอยู่ที่ไหน ข้าอยากให้ท่านพาข้าไป”

เธอเอ่ยอย่างแผ่วเบาอย่างใคร่ครวญอีกครั้ง “เมื่อได้รับคำชี้แนะจากเฮ่อเซียง ผู้พิพากษาศาลยุติธรรมต้าหลี่ผู้นั้นก็ยื่นเท้าเข้ามาทันที คราวนี้ถ้าข้าบอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะต้องปรึกษาหารือกับซูเจ๋อ ข้าคิดว่าเขาต้องเต็มใจช่วยข้าแน่”

“มีเรื่องสำคัญจริงๆ หรือ”

“ใช่ ข้าไม่แน่ใจว่าวิธีที่ข้าจะใช้ช่วยเขาจะเป็นไปได้หรือไม่ หากเขามีวิธีที่ดีและง่ายกว่า ข้าก็อยากจะฟังความเห็นของเขา”

ถ้าคืนนี้เฉินเสียนยังไม่ได้ทำในสิ่งที่เธอต้องการ เกรงว่าเธอคงจะตื่นอยู่แบบนี้จนถึงเช้า

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด