ข้าคือหงส์พันปี – บทที่574 ข้าต้องการเพียงท่านเป็นพระสวามี

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 574 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เฉินเสียนถามว่า “ทำไมท่านไม่ยอมบอกข้าตั้งแต่แรกล่ะ? เป็นเพราะกลัวว่าข้าจะเสียใจ หรือกลัวว่าข้าจะเข้าใจท่านผิด?”

ซูเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่งและพูดว่า “ไม่รู้จะพูดอย่างไร”

“ท่านคิดดู ถึงอย่างไรองค์ชายหกก็จะไม่รอที่จะบอกเรื่องนี้กับข้า ถูกไหม” หลังจากทายาเสร็จ เฉินเสียนก็บิดเสื้อผ้าของซูเจ๋อโดยไม่พูดอะไร

“ถ้าท่านบอกข้าแต่แรก ข้าจะปฏิเสธอย่างแน่นอน ข้าประนีประนอมได้ทุกอย่าง แต่ข้าไม่สามารถที่จะประนีประนอมกับท่านได้ แต่ท่านกลับกีดกันตัวเองออกไปก่อน และท่านก็รู้ว่าจุดจบจะเป็นเช่นนี้แต่แรก ท่านทิ้งข้าไว้คนเดียว ท่านต้องเกลี้ยกล่อมข้ากับเหล่าขุนนางใหญ่ ท่านต้องการผลักข้าออกไปด้วยมือของท่านเอง”

นางยิ้มอย่างขมขื่นและถามเขาว่า “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านพูดไม่ออก ซูเจ๋อ รสชาติแบบนั้นยังสบายใจ?”

ซูเจ๋อใส่เสื้อเสร็จ หันกลับมาเผชิญหน้านาง พูดว่า “ไม่สบายใจแม้แต่นิดเดียว”

“ถ้าข้ารู้สึกเจ็บปวด แล้วหัวใจของท่าน จะเจ็บมากกว่าข้าถึงสิบเท่าร้อยเท่า?” เฉินเสียนยังคงจำได้ว่าใต้กำแพงเมืองในวันนั้น เมื่อเขารีบวิ่งมา และประคองร่างกายเพื่อปกป้องนาง จับมือทั้งสองของนางไว้แน่น บ่งบอกถึงความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว เพียงแค่คิดถึงดวงตาที่ลุกโชนของเขาในขณะนั้นได้ เธอก็รู้สึกทื่อ

ในเวลานั้น เขาไม่ได้เพียงแค่ต้องการปกป้องนางเท่านั้น เขายังต้องการลงโทษตัวเขาเองด้วย เขาได้คิดเหมือนตัวเองรึไม่ ที่อยากจะถูกหินบนหอคอยกำแพงเมืองหลวงตกทับลงมาให้ตาย

เขาแสดงความเจ็บปวดต่อหน้านางไม่ได้ เพราะไม่ง่ายเลยที่เขาเกลี้ยกล่อมให้นางรับการแต่งงานนี้ เขาเริ่มที่จะทำให้มันเกิดขึ้นแล้ว แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดก็ได้เพียงซ่อนอยู่ในหัวใจของเขา เขาไม่มีโอกาสที่จะให้ตัวเองเสียใจ

ซูเจ๋อจ้องนางเป็นเวลานาน ยื่นนิ้วเย็นๆ ของเขาออกไปลูบไล้มุมตาแดงๆ ของนาง และกล่าวว่า “ท่านตำหนิข้าเกลียดข้า และท่านต้องการให้ข้าเจ็บร้อยเท่าพันเท่า ข้ารับมันได้ทั้งหมด ท่าอย่าเจ็บ ทั้งหมดมันเป็นความผิดของข้า ยังไงข้าก็ผ่านอะไรมามากแล้ว ข้าทนได้”

เฉินเสียนฟังแล้ว จมูกของนางเริ่มแสบจนอยากจะร้องไห้ นางมองมาที่เขาด้วยความงุนงง และพูดด้วยน้ำเสียงแหบ “ท่านทนได้ ยังจะเป็นแบบนี้อยู่หรือ?”

นางไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดในใจของซูเจ๋อ แต่นางเพียงต้องการจินตนาการนิดหน่อย ก็ไม่สามารถทนได้

ผลักไสคนที่ตัวเองรักมากที่สุดให้คนอื่น เปลี่ยนมาเป็นนาง นางไม่มีหัวใจและความกล้าขนาดนั้น ที่จะต้องให้นางยกซูเจ๋อให้กับผู้หญิงคนอื่น นางทำไม่ได้

เฉินเสียนกล่าวว่า “ว่าท่านสับปลับ ยังเบาไป ท่านนี่ ช่างเจ้าเล่ห์ ท่านไม่เคยที่จะเริ่มต่อสู้เพื่อตัวเองก่อน นั่นเป็นเพราะท่านรู้ถึงความยากลำบากตั้งแต่แรกเริ่ม ท่านรู้ดีว่าท่านจะไม่ถูกจดจำ รู้ดีว่าท่านจะอยู่เคียงข้างข้าไม่ได้ ท่านจึงไม่ดิ้นรนแม้แต่น้อย ท่านให้เพียงความฝันที่งดงามแก่ข้า ซึ่งทำให้ข้าฝันว่าจะสามารถแก่เฒ่าไปพร้อมกับท่านได้อย่างง่ายดาย”

ซูเจ๋อยิ้มอย่างขมขื่นและพูดอย่างสงบ “สติสัมปชัญญะเหมือนที่ข้าเป็นอยู่นี้ น่ารังเกียจมากใช่หรือไม่”

“อืม น่ารังเกียจจริงๆ” เฉินเสียนคิด เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์เช่นนี้ เมื่อนางได้ยินคำยอมรับจากปากเขาเองคิดว่าตัวเองจะโกรธมาก แต่นางยิ่งรู้สึกเศร้าและทุกข์ใจมากกว่า

เมื่อคนหนึ่งทำดีเพื่อคนอื่นด้วยใจจริง เขาต้องโหดร้าย และไม่รีรอที่จะปล่อยให้ตัวเองเป็นรูพรุน

“บางครั้งข้าก็คิดว่า อยากจะพยายามทำให้ตัวเองมึนงงบ้าง แต่ข้าก็ทำไม่ได้ ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็จะอยู่เคียงข้างท่าน ไม่ว่ามันจะเป็นหายนะของท่านก็ตาม” ซูเจ๋อถอนหายใจเบา ๆ “ไม่ได้รับการอนุญาตก็ช่างเถอะ ในเมื่อข้าก็ไม่ได้สนใจฐานะชื่อเสียงที่ถูกหลักทำนองคลองธรรม เพียงต้องการข้าคือซูเจ๋อหนึ่งวัน วันนั้นยังอยู่ที่เมืองหลวง สามารถได้พบหน้าท่านเป็นครั้งคราวก็ยินดี”

เฉินเสียนลืมตาขึ้นและมองเขาอย่างเด็ดเดี่ยว แสงของน้ำเล็ดลอดออกมาจากหางตา นางกล่าวว่า “ท่านฝันไปเถอะ ข้าจะใช้วิธีของข้าเพื่อพิสูจน์ให้ชาวโลกได้เห็นว่า แม้ว่าเป็นทรราชข้าก็ยอม ข้าเป็นทรราชเพียงแค่เรื่องของท่านเรื่องเดียว ไม่สามารถเป็นทรราชได้ชั่วชีวิต ท่านยังเป็นซูเจ๋อ ข้าไม่ต้องการชายหน้าไหน ข้าต้องการแค่ท่านเป็นพระสวามีเพียงคนเดียว เป็นท่านพ่อของอาเซี่ยน”

ซูเจ๋อตกตะลึง ผิวของเขาซีดเผือด ผมดำเหมือนหมึก และสุภาพบุรุษที่เบาราวกับหยก

เขาพูดว่า “เช่นนั้นลำบากมาก”

“ข้าไม่กลัว”

ซูเจ๋อเอนไปข้างหน้าเล็กน้อย จากนั้นเอียงศีรษะเล็กน้อยและลงไปที่ปลายจมูกของนาง เฉินเสียนตกตะลึง ลมหายใจของเขาทะลุผ่านทุกความรู้สึกของนาง

เมื่อนึกถึงว่าซูเจ๋อมีแผล และประตูไม่ได้ปิด เฉินเสียนต้องถอยออก จึงได้ยินเขากระซิบว่า “อย่าขยับ ข้าปวดหัว”

“ท่านปวดหัวยังทำแบบนี้……”

“แต่ท่านเป็นยาของข้า” ซูเจ๋อกดมือของนางไว้ที่ขอบเตียง สัมผัสถึงนาง ทำอยู่แบบนั้นที่ริมฝีปากของนาง และลิ้มรสความเปรี้ยวและความหวานที่ได้ผสมผสานเข้ากันของนาง

เขาเข้าไปในปาก และลิ้นได้สัมผัสไปถึงของนาง นางร้องอุทาน ถูกเขาพันไว้แน่นและเกือบจะลื่นลงไปกับพื้น

ไม่ว่าจะอยู่ด้วยกันนานแค่ไหน นางก็ยังคงเป็นแบบนี้ ที่ไม่สามารถต้านทานซูเจ๋อได้เลย

ซูเจ๋อหยุดครู่หนึ่ง และดึงนางขึ้นทันที ได้เห็นน้ำในดวงตา และรอยยิ้มสีแดงจางๆ ก็ปรากฏขึ้นระหว่างคิ้วของนาง

ซูเจ๋อเอนหลังพิงที่หัวเตียง ผมได้แผ่กระจัดกระจายอยู่บนไหล่ และพูดว่า “ตอนนี้รู้สึกดีขึ้นแล้ว”

เมื่อมีเฉินเสียนได้อยู่กับซูเจ๋อ ซูเซี่ยนจะไม่คิดที่จะก้าวไปข้างหน้า เขารู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่ท่านพ่อท่านแม่ของเขาจะมีช่วงเวลาดีๆ ร่วมกัน และพวกเขาทั้งคู่ต่างก็หวงแหนกันและกันมาก

ซูเซี่ยนไปที่ตรอกและดูเด็กข้างบ้านเล่นกับตั๊กแตน ตั๊กแตนทั้งตัวใหญ่ทั้งเขียว กระโดดไปมาบนพื้น เด็กๆ เป็นมิตรมากและเชิญเขามาเล่นด้วยกัน ดูเหมือนว่าซูเซี่ยนค้นพบแล้วว่าอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ถึงมีความสนุกแบบเด็กๆ จึงเล่นอยู่ด้วยกันอยู่สักพัก

ในช่วงบ่าย ซูเซี่ยนมีเหงื่อออกทั้งตัว หลังจากอาบน้ำเสร็จก็ผล็อยหลับไปในห้อง

เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน แสงแดดที่ร้อนระอุจะค่อยๆ ย้อมเป็นสีแดง แขวนอยู่บนยอดไม้ และแผ่กระจายไปทั่วสวนอย่างเงียบ ๆ

เมื่ออยู่เป็นเพื่อนซูเจ๋อ เฉินเสียนไม่ได้เพิ่งฟังและจะได้มีเรื่องเล่ามากมายอย่างซูเซี่ยน จึงได้เล่าเรื่องตลกให้เขาฟัง

เมื่อมองขึ้นไปเห็นท่าทีที่จริงจังของซูเจ๋อ เฉินเสียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “ท่านคิดว่าข้าเล่าไปไม่ตลกเหรอ?”

ซูเจ๋อ “ตลก”

“แต่ท่านไม่หัวเราะ”

ซูเจ๋อพูด “ในใจข้ากำลังหัวเราะ”

“น่าเบื่อขนาดนั้นรึ”เฉินเสียนเหลือบมองเขา “งั้นข้าจะเล่าอีกเรื่อง”

ดังนั้นเฉินเสียนจึงเล่าอย่างสมจริงสมจังว่า “ครั้งสุดท้ายที่อยู่ในตำหนักไท่เหอได้เนสอข้อราชการ เมื่อข้าลุกขึ้นไม่ระวังเผลอเหยียบขาไปโดยไม่ได้ตั้งใจ และความเจ็บปวดทำให้ข้าร้อง ‘โอ้ น่องของข้า!’ ซูเซี่ยนเดินไปเดินมาอย่างเงียบๆ ถาม ‘ท่านแม่ ท่าเรียกข้าหรือ?”

คราวนี้ทันทีที่เฉินเสียนพูดจบ ซูเจ๋อก็หัวเราะออกมา

ในตอนเย็นลมพัดแรงเล็กน้อย และเฉินเสียนก็สวมเสื้อคลุมให้เขา เกรงว่าเขาจะหนาว เขาขมวดคิ้วและยิ้มอย่างนุ่มนวล แต่เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาดูไร้ความปรานี จึงอยากจะหยุด

เฉินเสียนดูตกตะลึงและกล่าวว่า “ท่านอยากจะยิ้มก็ยิ้มเถอะ ท่านยิ้มแล้วดูดีมาก”

คำพูดของนางทำให้ซูเจ๋อยิ้มออกมาเป็นเวลานาน เขากระแอมในลำคอและถามว่า “กระแทกแล้วจริงๆ?”

“เปล่า ข้าโกหกท่านนะ”

ซูเจ๋อกล่าวว่า “ถ้าไม่ใช่ ท่านจะพูดได้ชัดมากขนาดนี้?” ขณะที่เฉินเสียนไม่ได้ระวังตัว เขาเอื้อมมือไปจับเอวและรัดนางไว้บนหมอน แล้วค่อยๆ ยกกระโปรงของนางขึ้น อยากตรวจดูน่องของนาง

เฉินเสียนจับมือของซูเจ๋อที่อยู่ใต้กระโปรงและรู้สึกเขินเล็กน้อย “ซูเจ๋อ อย่าคิดว่าตอนนี้ท่านป่วยจะสามารถเป็นอันธพาลได้นะ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด