ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 9 เกลียดชังเธอเป็นอย่างมาก
เฉินเสียนก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ไม่คิดว่าเหลียนชิงโจวจะคิดเป็นจริงเป็นจังขนาดนั้น
ในที่สุดพิธีแต่งงานอันใหญ่โตหรูหราของฉินหรูเหลียงกับหลิ่วเหมยอู่ก็ผ่านไปอย่างครึกครื้นรื่นเริงตลอดเวลาสามวัน
เป็นที่กล่าวขานไปทั่วทั้งเมือง
ตลอดงานเลี้ยงสามวันนี้มีผู้คนมารอดื่มเหล้าเรียงเป็นแถวยาวอยู่ด้านนอก
ฉินหรูเหลียงกับหลิ่วเหมยอู่ไม่ได้มาปรากฏตัวเลยตลอดทั้งงาน แต่จวนแม่ทัพก็ยังคงต้อนรับแขก ซึ่งไม่ว่าจะมีมากี่คนที่นี่ก็ต้อนรับขับสู้อย่างเต็มที่
เฉินเสียนได้ยินมาว่าฉินหรูเหลียงได้รับการปูนบำเหน็จรางวัลมาไม่น้อยเลยนับตั้งแต่ชนะสงครามกลับมา ทว่าคราวนี้เขาคงต้องสูญเสียทุกอย่างแน่แล้ว
เฉินเสียนกลับที่ลานเล็กๆ ที่นางเคยอาศัยอยู่ มันดูทรุดโทรมทั้งภายในและภายนอก เพียงแต่ว่าช่วงสามวันนี้ที่จวนแม่ทัพมีงานยุ่ง เธอจึงจำต้องอยู่ที่นี่ไปพลางๆ ก่อน
นอกจากนี้เมื่อแม่บ้านจ้าวที่อยู่ในจวนแม่ทัพเห็นว่าเฉินเสียนกำลังตั้งครรภ์ นางจึงแอบนำผ้าห่มของตนเองมาให้เธอเพิ่มอีกสองสามผืน
แม่บ้านจ้าวพยายามพูดโน้มน้าวด้วยความหวังดี “รอประเดี๋ยวองค์หญิงลองไปคุยกับท่านแม่ทัพดีๆ เถิดเพคะ เมื่อท่านแม่ทัพเห็นหน้าบุตรท่านอาจจะยอมโอนอ่อนให้องค์หญิงบ้าง”
เฉินเสียนชะงักไปนิดหนึ่ง “เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าท้อง”
แม่บ้านจ้าวตอบว่า “โธ่ ตอนนี้ไม่ใช่แค่บ่าวที่รู้เพคะ ผู้คนทั้งเมืองหลวงต่างก็รู้กันหมด! ครั้งนี้องค์หญิงไม่เพียงแต่ทำลายงานมงคลของท่านแม่ทัพ แต่ยังทำให้จวนของท่านแม่ทัพกลายเป็นที่หัวเราะเยาะสนุกปากของคนทั้งเมือง นี่มันเป็นหายนะครั้งใหญ่จริงๆ!”
เฉินเสียนจำได้ว่าเธอไม่เคยพูดถึงเรื่องตั้งครรภ์เลย เรื่องนี้จะต้องออกมาจากปากเปราะๆ ของเหลียนชิงโจวแน่ๆ!
หมอนั่นกลัวว่าเธอจะแอบประหัตถ์ประหารเด็กคนนี้อย่างลับๆ ขนาดนั้นเลยหรือ
หลังจากช่วงเวลาสามวันที่ครึกครื้นผ่านพ้นไป จวนแม่ทัพก็เงียบเหงาขึ้นมาถนัดตา
ก่อนที่ทุกคนจะได้ผ่อนคลายจิตใจจากละครตลกเรื่องนี้ ในเช้าวันที่สี่ ความเงียบสงบภายในลานเล็กๆ ที่ซ่อมซ่อของเฉินเสียนก็พังทลายลง
ในตอนนั้นเฉินเสียนยังคงนอนหลับสนิท
แม้ว่าลานเล็กๆ แห่งนี้จะคร่ำครึ แต่เฉินเสียนเป็นคนที่ค่อนข้างปรับตัวเก่งเพราะมีประสบการณ์มาก่อน ก่อนหน้านี้ตอนที่ถ่ายภาพยนตร์แล้วต้องนอนในเรือนกระจกสภาพยังแย่กว่านี้ตั้งเยอะ
เธอคือคนที่ทำงานหนักและมีความอดทนมากที่สุด ขอเพียงแค่ได้พักผ่อนจิตใจอย่างเต็มที่เธอก็จะมีแรงลุกขึ้นมาทำสิ่งต่างๆ ในวันรุ่งขึ้น
สาวใช้คนหนึ่งบุ่มบามเปิดประตูเข้ามาจนทำให้เฉินเสียนตกใจตื่น เธอดีดตัวลุกขึ้นนั่งและถามอย่างงัวเงียว่า “จะถ่ายต่อแล้วเหรอ นี่เพิ่งจะกี่โมงเอง ฉันรู้สึกเหมือนเพิ่งจะหลับไปไม่ถึงสอง…” เธอลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือและเห็นชายร่างสูงใหญ่กำยำเดินเข้ามาพอดีเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ แล้วคำพูดสองพยางค์สุดท้ายที่ติดอยู่ที่ปากก็หลุดออกมา “ชั่วโมง”
ระดับความโกรธหลังตื่นนอนนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
ตัวอย่างเช่นเมื่อเห็นฉินหรูเหลียงเดินเข้ามา ระดับความโกรธของเฉินเสียนก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นทันที
กำลังถ่ายทำอยู่อะไรกันล่ะ
ไม่ใช่ว่าไม่กี่วันก่อนเธอเพิ่งข้ามเวลามาหรอกหรือ
เสื้อคลุมของฉินหรูเหลียงดูสะอาดเรียบร้อย รูปร่างที่สูงโปร่งและผึ่งผายก้าวข้ามธรณีประตูเข้ามา
สมแล้วที่เป็นแม่ทัพผู้ควบม้าอยู่ในสนามรบ ช่างองอาจและสง่างามในทุกท่วงท่า เด็ดขาดและหาญกล้า
เพียงแต่สีหน้าของเขาเย็นชาราวกับน้ำแข็ง ความโกรธและความรังเกียจที่สุมอยู่ในดวงตาของเขาเหมือนน้ำป่าที่ทะลักออกมาจนไม่อาจต้านทาน
เขายืนเอามือไพล่หลังและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เข้ามาได้”
ทันใดนั้นหมอคนหนึ่งซึ่งสะพายกล่องยาไว้ก็เดินเข้ามาอย่างระมัดระวัง
ดูเหมือนจะมีอีกหลายคนยืนอยู่ด้านนอก ไม่บ่อยนักที่ลานเล็กๆ อันซอมซ่อจะคึกคักเช่นนี้
เฉินเสียนอารมณ์เสียถึงขีดสุด “จะทำอะไร ไม่พอใจอะไรข้าหรือไง ไม่ใช่ว่าท่านเพิ่งจะแต่งงานไปได้แค่สองสามวันรึ ทำหน้าอย่างกับเพิ่งไปงานศพ”
“เฉินเสียน!”
“ไม่ต้องเรียกเสียงดังก็ได้ ข้าได้ยิน ไม่ได้หูหนวก” เฉินเสียนทำท่าแคะหูและเอ่ยเบาๆ อย่างเกียจคร้าน
ฉินหรูเหลียงเกลียดนางขนาดไหนกันเชียว เพียงแค่ยืนอยู่ที่หน้าห้องของนางเขาก็หมดความอดทนเสียแล้ว แต่ไม่ว่าจะโกรธแค่ไหนเขาก็ไม่ก้าวเท้าเข้ามาใกล้เตียงแม้แต่ก้าวเดียว
ฉินหรูเหลียงเยาะเย้ยอย่างโกรธจัด “ปีกกล้าขาแข็งดีนี่ ที่ข้างนอกผู้คนพูดถึงเรื่องที่ท่านตั้งครรภ์กันมากมาย และสุดท้ายข้ากลับต้องรับรู้จากปากของผู้อื่น!”
เฉินเสียนจึงถามกลับไปว่า “มันแปลกมากหรือ ข้าเองก็รู้มาจากปากของผู้อื่นเช่นกัน”
ฉินหรูเหลียงสั่งหมอ “เข้าไปตรวจนาง”
หมอนั่งลงที่ข้างเตียงของเฉินเสียนก่อนจะวางกล่องยาลงและเอ่ยอย่างสุภาพว่า “นายหญิงโปรดยื่นมือออกมาขอรับ”
เฉินเสียนให้ความร่วมมือและยื่นข้อมือออกไป
หมอวินิจฉัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนและรายงานว่า “ท่านแม่ทัพ นายหญิง… ท้องจริงๆ ขอรับ”
ความจริงนี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่อยู่ๆ ฉินหรูเหลียงก็ฉุนเฉียวขึ้นมา เขากัดฟันกรอดและสั่งว่า “ตรวจใหม่อีกครั้ง!”
หัวใจของเฉินเสียนจมดิ่ง ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจทันทีว่าฉินหรูเหลียงเกลียดชังเธอมากขนาดไหน สิ่งต่างๆ จะเปลี่ยนไปเพียงเพราะว่าเธอมีลูกได้อย่างไร แม้ว่าในยุคโบราณแบบนี้การมีทายาทจะสำคัญเพียงใดแต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ฉินหรูเหลียงอยากจะมีลูกด้วยอยู่ดี!
คอมเม้นต์