ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 60 นี่จะต้องมีจิตใจอำมหิตเท่าไหร่กัน!
“หลิ่วเหมยอู่จะให้มันกลับมาหรือ?”
อวี้เยี่ยนจุกอยู่ในลำคอ เอ่ยอีก“ก็ต่อไม่ให้กลับมา บ่าวก็ไม่เห็นมันเล่นที่สวนดอกไม้นะเพคะ……บ่าวเพียงแค่อยากจะรู้ว่ามันเป็นอย่างไรบ้างเพคะ ช่วงนี้ไม่พบเห็น คิดถึงมันเสียจริงๆเลยเพคะ”
ระหว่างที่พูด ดวงตาของอวี้เยี่ยนก็แดงก่ำ
อวี้เยี่ยนกับเฉินเสียนจับมือกันอาบน้ำชำระล้างให้กับมัน ป้อนอาหาร มองดูมันออดอ้อนบนบันได เกาหนังท้อง แน่นอนว่ามีความรู้สึกไม่น้อย
เพียงแค่คาดไม่ถึง ต่อมาเรื่องราวจะเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้
ตอนช่วงเช้า อวี้เยี่ยนไปเดินเล่นเป็นเพื่อนเฉินเสียนที่สวนดอกไม้
ทั้งสองคนไปที่สวนแอพริคอตเด็ดลูกแอพริคอตมาบางส่วน ทั้งเปรี้ยวทั้งหวาน อร่อยถูกปากอย่างมาก พอเฉินเสียนกินก็หยุดไม่ได้
อวี้เยี่ยนเอ่ย“องค์หญิงเสวยให้น้อยลงหน่อยเถิดเพคะ มันเปรี้ยวอีกสักครู่จะทำให้ปวดท้องได้นะเพคะ ถ้าหากว่าเสวยอาหารมื้อเที่ยงไม่ได้จะทำเช่นไรกันเพคะ”
หลังจากที่กลับมาถึงสวนสระวสันตฤดู พอดีกับที่แม่บ้านจ้าวส่งอาหารมื้อเที่ยงมาในเรือน พบเจอแล้วเอ่ย“องค์หญิงรีบเข้าไปในห้องพักเถิดเพคะ อากาศร้อนเช่นนี้ ล้างหน้าล้างมือแล้วมาเสวยมื้อเที่ยงเถิดเพคะ”
แม่บ้านจ้าววางอาหารลงบนโต๊ะ
อวี้เยี่ยนไปนำน้ำมาให้เฉินเสียนล้างมือล้างหน้า
เฉินเสียนไม่ชอบเก้าอี้ที่อยู่ด้านข้างโต๊ะมันแข็งเกินไปแล้ว ก็เดินไปที่เก้าอี้ยาวอ่อนนุ่ม เตรียมกางออกนั่ง
บนเตียงปูด้วยผ้าห่มเต็มพื้นที่อย่างเป็นระเบียบ เฉินเสียนนึกถึงก่อนหน้าตอนที่อวี้เยี่ยนจัดการปูเตียงให้จะนำผ้าห่มซ้อนกันครึ่งหนึ่ง
เพียงแค่ในสมองของเธอมีภาพความคิดนี้ผ่านมา จึงไม่ได้คิดอะไรมาก
เฉินเสียนหนีบมุมผ้าห่มยกขึ้นเปิดออก
หลังจากนั้นในช่วงเวลาสั้นๆ มีกลิ่นคาวลอยโชยเข้ามาในจมูก
เฉินเสียนหน้าซีดเผือด
ใต้ผ้าห่มคลุมของสิ่งหนึ่งไว้ เลือดเนื้อปะปนเลือนราง คราบเลือดเปียกโชกอยู่ที่ผ้าปูเตียง!
สีเลือดนั่น เหนียวเหนอะปกคลุมอยู่ที่สีครีมนั้น
กลิ่นคาวเลือดนั้นทำให้เฉินเสียนเวียนหัวตาลายโดยฉับพลัน ภายในกระเพาะปั่นป่วนมีพลังมหาศาล
เธอพยายามอดทน แต่อดไม่ได้ที่จะปิดรูม่านตาลง
เฉินเสียนใช้สองมือยกออกแรงเปิดเพียงผิวเผิน จิตใต้สำนึกทำให้ถอยไปด้านหลัง
เท้าเหยียบความว่างเปล่าก่อนแตะถึงคันเหยียบเตียง ไม่สามารถควบคุมร่างกายได้ถอยไปด้านหลัง และหลังจากนั้นหย่อนก้นล้มลงที่พื้น
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รอจนแม่บ้านจ้าวกับอวี้เยี่ยนพบเจอ ก็ไม่สามารถมารับเฉินเสียนไว้ได้!
“องค์หญิง!”
เฉินเสียร่างกายสัมผัสอยู่ที่พื้น ท้องล้มตกลงมาอยู่ที่พื้น เธอสูดลมหายใจ สายตาจ้องมองสิ่งที่อยู่บนเตียง
อวี้เยี่ยนตกใจร้องไห้ มาประคองเฉินเสียน เอ่ยว่า“องค์หญิง องค์หญิงอย่าทำให้บ่าวตกใจเพคะ…..”
ตอนที่นางมองไปตามสายตาของเฉินเสียนนั้น พลั้งปากร้องเสียงแหลมออกมา
อวี้เยี่ยนขลาดเขลา ไม่เคยพบเจอเลือดมากมายเช่นนี้
แม่บ้านจ้าวหน้าซีดเผือด ตกใจไม่น้อยเอ่ย“รีบประคององค์หญิงลุกขึ้นเร็ว!”
เฉินเสียนหน้าซีดเผือด แม่บ้านจ้าวเอ่ย“ห้องนี้อยู่ไม่ได้แล้ว อวี้เยี่ยน รีบประคององค์หญิงไปนอนที่ห้องของเจ้าสักพักหนึ่ง ข้าจะไปเชิญหมอ”
อวี้เยี่ยนสั่นเทาประคองเฉินเสียน เฉินเสียนหายใจเข้าลึกๆถึงได้สติกลับมา มือข้างหนึ่งโอบกอดที่ท้องของตนเองไม่มองไปที่เตียงอีก
ริมฝีปากของเธอไร้สีเลือดฝาด สายตาเย็นชาจนน่ากลัว
อวี้เยี่ยนหมดอาลัยตายอยากร้องไห้หนักพลางเอ่ย“องค์หญิงอย่าเป็นอะไรนะเพคะ!เป็นความผิดของบ่าว เป็นเพราะบ่าวประมาทถึงทำให้องค์หญิงได้รับอันตรายล้มลงมา!ถ้าหากมีอันเป็นไป บ่าวจะตายเพื่อเป็นการขอประทานอภัยเพคะ!”
เฉินเสียนท้องใหญ่มากแล้ว รับความตื่นตกใจไม่ได้ ก็ยิ่งห้ามล้มลงมาอย่างหนักเช่นนี้
หน้าผากของเฉินเสียนมีเหงื่อออก เอ่ยว่า“ไม่เป็นไรเลย เพียงแค่ปวดท้องเล็กน้อยเท่านั้นเอง”
อวี้เยี่ยนเม้มปากร้องไห้ไม่มีเสียงออกมา
นางไม่กล้าคิดถึงผลที่ตามมา ยิ่งไม่กล้าไปดูบนเตียงนั่นว่าคือสิ่งใด โหดเหี้ยมอย่างคาดไม่ถึงเช่นนี้ เลือดเนื้อมาปนเปื้อนอยู่บนเตียงขององค์หญิง!
เมื่อกี้นี้นางมองชัดเจนแล้ว เลือดสดเหนียวเหนอะนั้นเป็นขนสีครีม…….
อวี้เยี่ยนหวังเป็นอย่างมากว่านางจะตาลาย
ไม่นานหมอก็มาที่เรือน แมะจับชีพจรให้กับเฉินเสียน เอ่ยอย่างไม่กล้าชะล่าใจ“นายหญิง ครั้งนี้มีอาการครรภ์เป็นพิษ…….”
“หมอ หมอต้องช่วยทารกในครรภ์ขององค์หญิงไว้ให้ได้นะเจ้าคะ !ทารกในครรภ์ห้ามเป็นอะไรนะเจ้าคะ!”อวี้เยี่ยนหวั่นไหวเป็นอย่างมาก
เฉินเสียนจับที่มือของอวี้เยี่ยน มีความโรยราอ่อนแรง“เจ้าไม่ต้องรีบร้อน ฟังว่าหมอจะพูดอย่างไรก่อน”
หมอเช็ดเหงื่อที่หน้าผากซ้ำๆ เอ่ย“เกิดอาการครรภ์เป็นพิษจริงๆ เคราะห์ดีคือยังไม่ค่อยหนัก ถ้าหากมากกว่านี้ ในสองเดือนนี้จะต้องคลอดก่อนกำหนดอย่างแน่นอน”
หมอใช้การฝังเข็มทำให้การครรภ์เป็นพิษของเฉินเสียนสงบ ใช้เวลาค่อนข้างนานอยู่
ตอนแรกเฉินเสียนหน้าซีดเผือด มีเหงื่อเย็น ต่อมาถึงค่อยๆดีขึ้น
หมอเบิกตำรายาให้ อีกทั้งยังกำชับ“นายหญิงต้องนอนพักบนเตียงสังเกตอาการอีกสักระยะหนึ่ง อาการเป็นปกติดีขึ้นแล้วค่อยเดิน”
อวี้เยี่ยนพยักหน้าทันทีทันใด“ได้ ได้ อะไรก็ฟังหมอหมดทุกอย่างเจ้าค่ะ”
ไม่ง่ายที่อาการของเฉินเสียนจะสงบลงได้ แม่บ้านจ้าวส่งหมอกลับไปแล้วก็กลับมา เอ่ยพูดกับอวี้เยี่ยนว่า“เจ้าอยู่เป็นเพื่อนคุยกับองค์หญิงก่อน อย่างอื่นไม่ต้องคิดอันใดมาก”
อวี้เยี่ยนได้รับความสะเทือนใจ อยากจพูดก็หยุด
แม่บ้านจ้าวเงียบไปสักพักหนึ่งแล้วเอ่ยว่า“ข้าจะไปจัดการเก็บกวาดห้องก่อน รอทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วค่อยคุย”
อวี้เยี่ยนเกาะเลื้อยอยู่ที่เตียงกุมมือของเฉินเสียนไว้แน่น “องค์หญิง รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมเพคะ…….”
เฉินเสียนปิดตาลงส่ายหัวไปมา ปลอบประโลมด้วยการตบเบาๆที่มือของอวี้เยี่ยน
เธอเหนื่อยมาก คำเดียวก็ไม่อยากเอ่ยพูด ปิดตาลงอย่างเหนื่อยล้าอ่อนเพลียแล้วหลับไป
อวี้เยี่ยนเห็นเฉินเสียนหลับแล้ว ใจก็หวาดกลัวไม่สงบลงอีก ก็เลยกลับไปภายในห้องของเฉินเสียน
นางเม้มปากสั่นเทามองแม่บ้านจ้าวที่จัดการกับเลือดของสัตว์เลี้ยง นางไม่ได้มองผิดไป กลุ่มเลือดที่เปียกโชกนั่นคือเจ้าแมวน้อยที่กระโดดโลดเต้นเมื่อไม่นานมานี้
แม่บ้านจ้าวบ่นพึมพำ “ทำบาปกรรมจริงๆ …….นี่จะต้องมีจิตใจอำมหิตเท่าไหร่กัน…..ข้าเพิ่งจะออกไปสักครู่เดียว ก็เกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้นแล้ว……..”
แม่บ้านจ้าวใช้ผ้าปูเตียงม้วนเลือดนั้นขึ้น อวี้เยี่ยนเอียงตัวทนมองไม่ได้ สะอื้นไห้เอ่ย“แม่บ้านจ้าว พวกเราเอามันไปกลบเถอะ องค์หญิงเห็นแล้วจะต้องโศกเศร้าเป็นแน่แท้”
ทั้งสองคนขุดหลุมหนึ่งหลุม อวี้เยี่ยนทั้งขุดทั้งร้องไห้ “นายหญิงหลิ่วแย่งชิงแมวขององค์หญิง ไม่ได้ชอบมันจริงๆ นายหญิงหลิ่วเพียงแค่อยากจะแย่งกับองค์หญิง……แต่ข้าคิดไม่ถึง นายหญิงหลิ่วจะทำเช่นนี้แล้วเอามาคืนให้กับองค์หญิง…..”
อวี้เยี่ยนกัดฟันเช็ดน้ำตา แล้วพูดไม่หยุด“นายหญิงหลิ่วอยากทำให้องค์หญิงตาย อยากทำให้ทารกตาย! นายหญิงหลิ่วนี่เป็นผู้หญิงที่โหดร้าย!”
“ผู้หญิงคนนั้นต้องรู้ว่าองค์หญิงชอบแมวตัวนี้มาก ป้อนอาหารมันด้วยตนเอง อาบน้ำให้มันด้วยตนเอง พามันออกไปเดินเล่น ยังชอบหมอบนอนบนเตียงขององค์หญิง…….”
“นายหญิงหลิ่วต้องรู้แน่ๆ……เพราะฉะนั้นถึงได้โหดเหี้ยมเช่นนี้!องค์หญิงมีความผิดอันใด แมวที่น่าสงสารนี้มีความผิดอันใด?หรือว่านายหญิงหลิ่วไม่กลัวกรรมตามสนอง?”
แม่บ้านจ้าวเอ่ย“เจ้าอย่าร้อง ระวังองค์หญิงได้ยิน”
อวี้เยี่ยนร้องไห้สะอื้นในลำคอ “ข้าเพียงแค่สงสารองค์หญิง ไม่ง่ายที่องค์หญิงจะมีสิ่งที่ชื่นชอบ รอยยิ้มขององค์หญิงอยู่ในสายตาของข้า…พวกเขาทั้งหมดทนเห็นองค์หญิงมีความสุขไม่ได้……”
“ตอนแรกองค์หญิงแบกสภาพจิตใจอย่างไรถึงได้ให้นายหญิงหลิ่วอุ้มมันไป ถ้าไม่ใช่ว่าท่านแม่ทัพบีบบังคับต้องการชีวิตของมัน องค์หญิงจะเห็นด้วยได้อย่างไร ….. ปากองค์หญิงไม่เอ่ยพูด ความเป็นจริงแล้วเป็นห่วงอยู่ทุกวันเวลา……..”
คอมเม้นต์