ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 97 ต้องเป็นบุรุษรูปงามแน่
เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่องค์จักรพรรดิจะถามเฉินเสียนเกี่ยวกับสถานการณ์ในจวนแม่ทัพ คำถามเหล่านี้เฉินเสียนได้คิดทบทวนไว้แล้วตอนอยู่บนรถม้า และเวลาตอบก็ตอบได้อย่างสมเหตุสมผล ไม่มากเกินและไม่น้อยเกิน
จักรพรรดิถามต่อ: “จิ้งเสียน เกิดอะไรขึ้นกับใบหน้าของเจ้ากัน?”
จักรพรรดิถามโดยที่รู้คำตอบอยู่แล้ว เพียงแต่อยากรู้ว่าเฉินเสียนจะตอบอย่างไร
ด้วยเหตุนี้ เฉินเสียนเลยรู้สึกเศร้าโศกขึ้นมาและถอนหายใจ: “เสด็จพี่ยกโทษให้น้องด้วย เรื่องราวที่ผ่านไปแล้วจิ้งเสียนมิอยากพูดถึงเพคะ”
จักรพรรดิมองฉินหรูเหลียงแล้วกล่าวว่า: “ดูเหมือนว่าเจ้าจะใช้ชีวิตไม่ค่อยดีในจวนแม่ทัพนะ คราวก่อนข้าได้ยินจากหมอหลวงว่า เจ้าอยากจะยกเลิกงานแต่งครั้งนี้ แล้วเลือกสามีใหม่อย่างนั้นรึ?”
เฉินเสียนตอบอย่างอ่อนโยน: “จิ้งเสียนขอบพระทัยเสด็จพี่ที่ห่วงใยเพคะ ก่อนหน้านี้จิ้งเสียนยังเด็กไม่รู้ความ จิ้งเสียนเพียงแค่อิจฉา ไม่ชอบใจที่ท่านแม่ทัพมีอนุ สุดท้ายก็ทะเลาะจนแยกจากกัน เรื่องพวกนี้จิ้งเสียนมิควรเพคะ ตอนแรกจิ้งเสียนเพียงแค่โกรธก็เลยพูดออกมาเช่นนั้น วันนี้จิ้งเสียนได้มีลูกของท่านแม่ทัพแล้ว อีกไม่นานก็จะคลอดแล้ว จะออกจากท่านแม่ทัพได้เยี่ยงไรกันเพคะ”
ฉินหรูเหลียงฟังอยู่ข้างๆ ต้องยอมรับว่าทักษะการแสดงของเฉินเสียนนั้นเยี่ยมจริงๆ
องค์จักรพรรดิได้ยินเช่นนั้น ก็พึงพอใจแล้วกล่าวว่า: “วันนี้ได้เห็นเจ้าทั้งสองรักกันเหมือนก่อน ข้าก็โล่งใจ จิ้งเสียน แล้วเรื่องเมื่อวันก่อนที่ถูกนำตัวไปล่ะเกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เฉินเสียนก็ร้องไห้ออกมาทันที
เธอเล่าเรื่องนี้อีกครั้งอย่างความหวาดกลัวและสะอึกสะอื้นด้วยสีหน้าอันฝันร้าย องค์จักรพรรดิเห็นว่าเธอหวาดกลัวจริงๆ จึงมิได้ถามไถ่ต่อไป
ต่อมาก็บังเอิญถามถึงอดีตของเฉินเสียน จนสีหน้าเฉินเสียนว่างเปล่าไปหมด
องค์จักรพรรดิต้องการทดสอบว่านางลืมทุกอย่างแล้วจริงหรือ
ซึ่งเรื่องนี้เฉินเสียนมิจำเป็นต้องแกล้งเลย เพราะว่านางจำอะไรไม่ได้เลยจริงๆ
การแสดงออกของเฉินเสียนทำให้องค์จักรพรรดิโล่งใจ ดูเหมือนว่า ถึงแม้เฉินเสียนจะมีสติกลับคืนมาแล้ว แต่ก็ยังคงไม่ต่างจากเด็กที่อ่อนแอทั่วไป
นึกถึงคำพูดที่เฉินเสียนฝากหมอหลวงทูลต่อจักรพรรดิ ที่ว่าเด็กที่เกิดมาจะให้ใช้สกุลเฉินเหมือนนางและทำงานรับใช้แผ่นดินต้าฉู่นั้น ก็เพราะถูกฉินหรูเหลียงบีบบังคับจนไม่มีทางอื่น จึงต้องทำเช่นนี้ เพื่อแสวงหาพระพรจากราชวงค์
องค์หญิงจิ้งเสียนที่อ่อนแอเช่นนี้ยังไม่สามารถคุกคามอะไรเขาได้ และมันจะควบคุมง่ายขึ้นเมื่อเธอคลอดเด็กคนนี้ออกมา
จักรพรรดิลงจากบัลลังก์มังกรมาและกล่าวกับเฉินเสียนอย่างอารี: “ในฐานะองค์หญิง เจ้าจะแสดงให้คนอื่นเห็นใบหน้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน ประเดี๋ยวข้าให้ในวังส่งยารักษาแผลเป็นไปให้เจ้า หวังว่ามันจะช่วยรักษาแผลบนใบหน้าเจ้าได้”
เฉินเสียนยังต้องการความช่วยเหลือจากฉินหรูเหลียงเพื่อประคองเธอขึ้นมาแสดงความเคารพ: “จิ้งเสียนขอบพระทัยเสด็จพี่เพคะ”
องค์จักรพรรดิกล่าวต่อว่า: “นานๆทีพวกเจ้าจะเข้าวังมา อยู่รับมื้อกลางวันด้วยกันสิ เวลารับมื้ออาหารยังต้องคอยอีกสักพัก ให้ฉินหรูเหลียงพาเจ้าไปเดินเล่นที่อุทยานอวี้ฮัวก่อนนะ”
หลังจากที่ทั้งสองเดินจากไป คนในวังที่รอรับเสด็จอยู่หน้าประตูก่อนหน้านี้ ก็ทูลทุกอย่างที่เห็นและได้ยินต่อองค์จักรพรรดิ
ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องฉินหรูเหลียงได้ดูแลเฉินเสียนอย่างดี
องค์จักรพรรดิกล่าว: “เขายังรู้จักไว้หน้าข้าอยู่บ้าง จิ้งเสียนเป็นองค์หญิง ถึงฐานะจะมิได้สูงส่ง แต่ก็ย่อมดีกว่าอนุในจวนของเขา ”
องค์จักรพรรดิก็พอใจกับการแสดงของฉินหรูเหลียงมากเช่นกัน เพียงแค่ไม่หลงใหลอนุจนละเลยภรรยาเอก เขาเองก็สามารถทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้เช่นกัน
จากนั้นฉินหรูเหลียงก็พาเฉินเสียนไปเดินเล่นที่อุทยานอวี้ฮัว
อุทยานอวี้ฮัวแห่งนี้ มิรู้ว่าใหญ่กว่าสวนดอกไม้ที่จวนมากเพียงใด และทิวทัศน์ก็งดงามยิ่งนัก ดอกไม้บานเต็มอุทยาน ช่างสวยวิจิตรตระการตาเสียจริง
ในแอ่งน้ำมีใบบัวสีเขียวและดอกบัวหลวงที่สวยงามอยู่มากมาย
เฉินเสียนเดินตามทางอันสวยวิจิตรตระการตานี้ไป และมีฉินหรูเหลียงเดินตามอยู่ข้างๆ
สถานที่แห่งนี้ทำให้เธอรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย แต่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นอย่างไร
ขณะที่เดินหน้าต่อไปนั้น ฉินหรูเหลียงก็พูดขึ้นมากะทันหันว่า: “หากเดินต่อไปอีก ก็ถึงหลังวังแล้ว”
เฉินเสียนหยุดฝีเท้าลง
ระหว่างทางกลับเฉินเสียนได้ใช้ถนนอีกเส้นหนึ่ง และชมทิวทัศน์ต่างๆบนถนน วันนี้ฉินหรูเหลียงมีความอดทนอย่างน่าประหลาดใจ คอยอยู่ข้างๆเธอตลอดเวลา
นั่นเป็นถนนเส้นหวู่ถง และริมถนนสองข้างก็เต็มไปด้วยต้นหวู่ถง
ในฤดูกาลนี้ ดอกหวู่ถงยังไม่ร่วงหมดไป สีม่วงอ่อนๆของดอกหวู่ถงบานสะพรั่งบนต้นไม้และพื้นดิน มีกลิ่นหอมของดอกไม้กระจายในอากาศ
เมื่อแหงนหน้ามองไป ก็จะเห็นดอกสีม่วงอ่อนเต็มไปทั้งถนน ซึ่งสวยงามนัก
เฉินเสียนหยุดอยู่ที่ทางแยกของถนน และเงยหน้าขึ้นมอง
แสงแดดท่ามกลางหมู่ดอกไม้กระทบและสาดส่องมาที่เธออย่างวิจิตรบรรจง ฉินหรูเหลียงสงบลงและทันใดนั้นเอง เขาก็รู้สึกถึงกลิ่นของความสบายใจจากตัวของเธอ
ราวกับว่าเวลาได้เดินช้าลง บนตัวเธออย่างไรอย่างนั้น
ในเวลานี้ มีเสียงอ่านบทความดังแว่วเข้ามาในหูของเฉินเสียน ที่มาจากทางแยกของถนนนี้
“ที่นั่นเป็นที่ใดกัน?” เฉินเสียนพลางถามพลางเดินไปทางแยกนั้น
ภายในไม่กี่ก้าว เธอก็พบพระราชวังลับแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านหลังต้นหวู่ถง ได้ยินจากฉินหรูเหลียงมาว่าพระราชวังนั่นเป็นโรงเรียนไท่ที่เหล่าองค์ชายองค์หญิงเข้าศึกษากัน และมีราชครูและบัณฑิตจากราชวงค์มาสอนแก่องค์ชายองค์หญิงโดยเฉพาะ
หน้าต่างในห้องโถงนั้นสะอาดมาก จนมองเห็นองค์ชายองค์หญิงที่กำลังนั่งอ่านบทความจากตำราได้อย่างชัดเจน
เฉินเสียนมองผ่านหน้าต่างไป เห็นคนยืนอยู่ในห้องโถงคนหนึ่ง สวมชุดทางการสีม่วง ปล่อยผมไว้ข้างหลัง ในมือของเขาม้วนตำราไว้ม้วนหนึ่ง และกำลังเดินไปมาอยู่ในห้องโถง
ในขณะที่เขากำลังเดิน เสื้อคลุมของเขาก็ขยับตามเล็กน้อย และภาพเงาคนบางคนก็ปรากฏในหัวของเธอก็อย่างชัดเจน
เฉินเสียนคิด คนนั้นคงเป็นอาจารย์บางท่านสินะ
เงาด้านหลังนั่นคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
เฉินเสียนยืนอยู่นอกหน้าต่างอยู่ครู่หนึ่ง อยากรอให้เขาหันหน้ามา ดูว่าคนที่เงาด้านหลังก็ดูสง่างามเช่นนั้น จะมีหน้าตาเช่นไร
แต่คนผู้นั้นราวกับว่าจะขัดแย้งเธอ ไม่ยอมหันมาสักที
เฉินเสียนเลยมองไปที่อาจารย์ในห้องโถงนั่น แล้วถามฉินหรูเหลียง: “นั่นใครหรือ?”
ฉินหรูเหลียงสำลักเล็กน้อย
แม้แต่เขาก็ยังจำไม่ได้ ดูเหมือนความทรงจำในอดีตของเฉินเสียนคงจะหายไปหมดแล้วจริงๆ
ฉินหรูเหลียงหรี่ตาลงมองคนในโถงคนนั้น เม้มปากกล่าวว่า: “บัณฑิต”
“หน้าตาเป็นอย่างไรบ้าง?” เฉินเสียนถามต่อ
ฉินหรูเหลียงไม่พอใจ: “การวิจารณ์รูปลักษณ์ของบุรุษอื่น ไม่ใช่สิ่งที่องค์หญิงที่แต่งเป็นภรรยาคนอื่นแล้วอย่างท่านพึงกระทำ”
“แต่งเป็นภรรยาคนอื่น”คำๆนี้ เขาตั้งใจเพิ่มน้ำหนักเสียงไปเล็กน้อย
เฉินเสียนกลับยกริมฝีปากขึ้นอย่างไม่สนใจ คนผู้นั้นยิ่งไม่หันหน้าให้เธอดูมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งอยากดูมากเท่านั้น
สุดท้าย เฉินเสียนก็ผิวปากไปยังแผ่นหลังของอาจารย์ผู้นั้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
แผ่นหลังของอาจารย์หยุดชะงัก
คราวนี้ ไม่เพียงแค่เขาได้ยิน แม้แต่องค์ชายองค์หญิงที่กำลังอ่านบทความอยู่ก็ได้ยินกันหมด เขาวางตำราบนมือลงและหันไปยังต้นทางเสียงผิวปากนั้น
ฉินหรูเหลียงรีบดึงมือของเฉินเสียนออกไปอย่างรวดเร็ว
“นี่ ท่านะรีบไปไหนกัน ข้าก็แค่อยากรู้ว่าเขาหน้าตาเช่นไร”
“ช่างไร้สาระยิ่งนัก และยังรบกวนการเรียนขององค์ชายองค์หญิงด้วย ท่านไม่กลัวเรื่องถึงหูองค์จักรพรรดิเลยงั้นหรือ?” ฉินหรูเหลียงกล่าวอย่างเย็นชา
เฉินเสียนถูกดึงให้จากไปพร้อมกับฉินหรูเหลียง และหันกลับไปมอง
เห็นได้ชัดว่าบุรุษในห้องโถงนั้นได้หันหน้ากลับมาแล้ว แต่ฉินหรูเหลียงเดินไวมาก และเธอก็มองไม่ชัดนัก
เฮ้อ เสียดายยิ่งนัก
เพียงแค่แผ่นหลังก็สามารถดึงดูดคนได้เช่นนี้ เขาต้องเป็นบุรุษรูปงามคนหนึ่งแน่
คอมเม้นต์