ข้าคือหงส์พันปี – บทที่100 เป็นเขาจริงๆด้วย

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 100 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เฉินเสียนเหมือนยิ้มแต่ไม่ยิ้มแล้วกล่าวว่า: “จะว่าได้อย่างไร เห็นพวกเจ้ารักกันเช่นนี้ ข้าดีใจสิไม่ว่า แต่เจ้ายังหนุ่มยังสาว ต้องระมัดระวังบ้างนะ มิเช่นนั้น หากเสียสุขภาพไปล่ะก็ จะมิสามารถทำให้ท่านแม่ทัพพอใจได้นะ”

หลิ่วเหมยอู่หน้าเขียวหน้าแดง

ฉินหรูเหลียงปล่อยม่านลงแล้วกล่าวว่า: “จะสาธยายกับนางทำไมกัน เปลืองน้ำลายนัก”

เมื่อพระอาทิตย์ตกดินก่อนเข้าสู่ช่วงมืดค่ำ ท้องฟ้าที่ไร้เมฆและมีสีครามสะอาดสะอ้านนั่น ช่างเข้ากับความเงียบสงบในพลบค่ำนี้เหลือเกิน

แสงไฟนับพันดวงในวังถูกจุดให้สว่างขึ้นทีละดวง ที่ตึกฉงโหลวอวี้ยวี๋สว่างไสวและงดงามภายใต้แสงไฟอันเจิดจ้า

เหล่าขุนนางหลายร้อยนายมาชุมนุมกันที่หน้าประตูพระราชวังพร้อมกับครอบครัวของพวกเขา ทั้งเกี้ยว รถม้าที่หลากหลาย รวมถึงเหล่านายหญิงและองค์หญิง ต่างก็เฉิดฉายมากพอกัน

หากเจอคนคุ้นเคยกัน พวกนายหญิงและองค์หญิงก็จะเข้าวังด้วยกัน คุยไปหัวเราะไป ช่างเป็นบรรยากาศของงานฉลองเสียจริง

แน่นอนว่า เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดการโต้เถียงกันว่า กระโปรงของท่านตัดร้านไหนกัน และปิ่นปักผมของท่านซื้อร้านไหนกัน

เมื่อเข้าไปในวังฉินหรูเหลียงจงใจชะลอตัวลง เพื่อดูแลสถานการณ์ของเฉินเสียน

เมื่อทั้งสามเข้าไปในวัง ก็ได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย

หลิ่วเหมยอู่ก้มศีรษะลงและเดินตามด้านข้างของฉินหรูเหลียง และเงยหน้าขึ้นมองด้วยรูปลักษณ์ที่มีเสน่ห์

มีรูปลักษณ์เช่นนี้ มองจากเท้าก็รู้ว่าว่านางเป็นภรรยาคนที่สองของแม่ทัพฉิน ซึ่งเป็นนายหญิงรองที่ท่านแม่ทัพรักมากเป็นที่สุดคนหนึ่ง

จู่ๆ ฉินหรูเหลียงก็พาหญิงทั้งสองมาด้วยกันกับเขาในวันนี้

หลังจากที่นั่งลง สายตาทั้งหมดรอบๆก็มองมา แต่ไม่มีผู้ใดเข้ามาทักทายก่อนเลยสักคนหนึ่ง

ในอดีตเฉินเสียนไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับหญิงสาวเหล่านี้ ส่วนหลิ่วเหมยอู่ก็ไม่เคยอยู่ในแวดวงนี้มาก่อน

เรื่องซุบซิบนินทาพวกนี้ มีเพียงหญิงสาวเท่านั้นที่สนใจ พวกชายหนุ่มไม่สนใจเรื่องนี้กันหรอก

มีนายหญิงและหญิงสาวมากมาย ไม่รู้ว่าใครเป็นของใครกัน แค่เจอคนงามหน่อยก็แค่หันมองบ้างเท่านั้นเอง

เฉินเสียนสบายมากในคืนนี้ มีหลิ่วเหมยอู่กับฉินหรูเหลียงแล้ว ก็ไม่คุยเรื่องอะไรของเธออีก

งานฉลองในพระราชวังถูกจัดอยู่ในอุทยานอวี้ฮัวขนาดใหญ่ สายลมยามเย็นพัดมา ให้ความรู้สึกเย็นมาก

มีเวทีอยู่กลางอุทยาน เหล่านักดนตรีและนักเต้นรำในพระราชสำนักกำลังพยายามอย่างเต็มที่ในคืนนี้

ขุนนางหลายร้อยนายก็ร่วมแสดงความยินดีและร้องเพลงแสดงความยินดี ท่ามกลางการแสดงเหล่านั้น

ไม่มีผู้ใดสนใจเฉินเสียนเลย เธอกินและดื่มอย่างสนุกสนาน

แต่เมื่อแสงและเงาหนึ่งตกลงมา เธอเห็นคนที่คุ้นเคยอยู่ที่มุมของเงาต้นไม้

ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดสีดำและมุมที่เขานั่งอยู่นั้นมืดมาก จนผู้คนมองข้ามไปได้อย่างง่ายดาย

เฉินเสียนไม่รู้ว่าเธอพบเขาได้อย่างไร บางทีเธออาจรู้สึกว่ามีแสงๆหนึ่งกำลังมองเธออยู่ตรงมุมนั้นก็เป็นได้

เธอดูคลุมเครือแล้วหัวใจของเธอก็เต้นรัวขึ้น

ชายคนนั้นพบว่าเธอกำลังมองมาที่เขาจริง ๆ แล้วยกแก้วขึ้นด้วยมือเปล่าจากนั้นก็ดื่มมันลงไป

ซูเจ๋อ?

เฉินเสียนสงสัยว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า

หลังมื้อค่ำได้จบลง ดอกไม้ไฟจำนวนมากก็ปะทุขึ้นสู่ท้องฟ้ายามค่ำคืน

ขณะนี้มีนักแสดงบนเวทีกำลังเตรียมร้องเพลง

ทุกคนออกจากโต๊ะและนั่งรอบๆ เวที ดวงตาของพวกเขาถูกดึงดูดด้วยดอกไม้ไฟในท้องฟ้ายามค่ำคืนและนักแสดงบนเวที

มีคนจงใจเดินผ่านเฉินเสียนและสัมผัสมือของเธออย่างไม่ได้ตั้งใจ

เมื่อเธอรู้สึกตัว บุคคลนั้นก็หายตัวไปในหมู่ขุนนางแล้ว เธอเห็นแต่แผ่นหลังที่เรียวยาวเท่านั้น

เฉินเสียนพบจดหมายในมือของเธอ มีคำที่สวยงามมากเขียนอยู่–มาที่โรงเรียนไท่

ผู้เขียนจดหมายนั่นก็คือเหลียนชิงโจวนั่นเอง

เฉินเสียนตกใจและรีบเก็บจดหมาย

จิ้งจอกเหลียนตัวนี้ช่างกล้านักแม้แต่ในวังก็กล้าเข้ามาแล้วงั้นหรือ?มีเวลามากมายที่จะพบเธอ เหตุใดถึงต้องอยากพบเธอในเวลานี้ด้วยเล่า?

เฉินเสียนไม่เชื่อทั้งหมด เธอไม่เห็นด้วยซ้ำว่าใครเป็นคนส่งจดหมายให้เธอ

แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเธอกับเหลียนชิงโจงนั้น มีความสัมพันธ์ที่ดี

ด้วยความสงสัย เฉินเสียนจึงออกจากงานฉลองอย่างเงียบ ๆ ในขณะที่ผู้คนไม่สนใจ

ครั้งนั้น เธอเคยไปโรงเรียนไท่อยู่ครั้งหนึ่ง พอรู้ว่าควรไปอย่างไร

ถนนเส้นหวู่ถงนี้มืดครึ้ม แสงไฟในป่าก็สลัวเช่นกัน

เฉินเสียนเดินไปตามถนนเส้นนั้นและเคาะหัวตัวเอง แล้วพึมพำกับตัวเองว่า: “เฉินเสียน เจ้าโง่หรือไงกัน อีกฝ่ายไม่ได้บอกว่าเขาเป็นใคร เจ้าก็มองไม่ชัด กล้าดียังไงถึงมั่นใจว่าเป็นเหลียนชิงโจวกัน?”

แต่ขาของเธอก็เดินไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้

อาจเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นของเธอ

ไม่นานหลังจากนั้น เฉินเสียนก็ยืนอยู่หน้าประตูโรงเรียนไท่แล้ว

ประตูไม่ได้ล็อกไว้ เพียงแค่ปิดไว้เล็กน้อย ราวกับว่ามีช่องว่างเหลือไว้เป็นพิเศษสำหรับเฉินเสียน รอให้เธอเข้าไป

ในขณะนี้ ก็มีแสงอบอุ่นปรากฏขึ้นภายใน

เฉินเสียนยิ่นมือของเธอผลักประตูเข้าไป

ต้นหวูถงในโรงเรียนส่งเสียงกรอบแกรบ และเฉินเสียนก็เหยียบดอกหวู่ถงไปทั่วพื้น แล้วเดินทีละก้าวไปยังห้องโถงที่เป็นแหล่งกำเนิดของแสง

แสงสลัวมาก เฉินเสียนยืนอยู่ที่ประตู มองดูร่างที่หันหลังให้กับเธอ เธออยู่ในความงุนงง และนึกถึงภาพแผ่นหลังของอาจารย์ที่กำลังสอนอยู่ในโถง

ดูเหมือนไม่ใช่ความจริงนัก

เฉินเสียนยังคงได้เอ่ยเสียงที่ไม่แน่นอนดังอยู่ในลำคอของเธอ: “ซูเจ๋อ?”

“ข้ามีความสุขมาก ที่เจ้าจำข้าได้เพียงแค่มองแผ่นหลังของข้า” เขาหันกลับมาและแสงไฟก็ปรากฏในดวงตาของเขา ราวกับว่าดวงตาของเขาเป็นแหล่งกำเนิดของแสงนั้นอย่างไรอย่างนั้น

เฉินเสียนถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก: “ข้าเห็นว่าคนที่อยู่ตรงมุมนั้นดูเหมือนท่านนัก ไม่คิดว่าจะเป็นท่านจริงๆ”

ซูเจ๋อยิ้มเบา ๆ “ดูเหมือนว่าข้าจะทำให้ท่านรู้สึกประทับใจไม่น้อยนะ”

เฉินเสียนรู้แล้วว่า เหตุใดเธอถึงไม่สามารถควบคุมขาของเธอได้ เธอเพียงต้องการยืนยันว่าเธอตาฝาดไปหรือไม่

หากซูเจ๋อยังเข้าไปในวังได้ ถ้าเช่นนั้นเหลียนชิงโจวก็มาด้วยงั้นรึ?

เฉินเสียนก้าวเข้าไปในประตูและพูดว่า: “เหตุใดท่านถึงมาในวังได้ เหลียนชิงโจงล่ะ?” เธอมองไปรอบ ๆ แต่ก็ไม่พบเหลียนชิงโจว

เมื่อซูเจ๋อเห็นเธอเข้ามาก็พูดว่า: “ปิดประตู”

เฉินเสียนเหลือบมองที่ประตูที่เปิดอยู่และถามว่า: “เปิดประตูอยู่ดีๆจะปิดทำไมกัน?”

“ข้ากลัวว่าจะถูกเข้าใจผิด” เขาจริงจังมากแต่นัยน์ตาคมกริบและกล่าวว่า “ท่านกับข้ามาเจอกันที่นี่หากมีคนมาพบเข้า จะเข้าใจผิดว่าเราเป็นชู้กัน”

เฉินเสียนขมวดคิ้ว “ข้าท้องโตเช่นนี้ จะเป็นชู้กับท่านได้งั้นรึ?”

ถึงอย่างนั้น เฉินเสียนก็รีบปิดประตูด้วยความเร็วแสง

หากเรื่องนี้โดนใครพบเข้าจริงๆ ก็ไม่แน่นะ

ซูเจ๋อกล่าวว่า: “ใครว่าสตรีมีครรภ์จะมีชู้ไม่ได้ ตราบใดที่อีกฝ่ายไม่เลวนัก”

เฉินเสียนรู้สึกเหมือนถูกซูเจ๋อทุบตีและกล่าวว่า “ท่านกำลังว่าข้าหรือชมตัวเองอยู่กันแน่?”

ซูเจ๋อกล่าว: “ท่านกล้ามากนะ ที่กล้ามาที่นี่โดยไม่เข้าใจสถานการณ์เช่นนี้”

“ข้าจำท่านได้แล้วมิใช่หรือ” เฉินเสียนถาม “เหลียนชิงโจวอยู่ที่ไหนกัน เรียกข้ามาหามีเรื่องอันใดกัน?”

“เหลียนชิงโจวไม่ได้มาที่นี่ ข้าเรียกท่านมาเอง”

“ท่านโกหกข้า แล้วเหตุใดเจ้าถึงส่งจดหมายในนามของเหลียนชิงโจวล่ะ?”

ซูเจ๋อกล่าว: “ข้าเขียนชื่อเขา แต่ไม่ได้บอกว่าเขาเรียกท่านมา ทำให้ท่านเข้าใจผิด ข้ารู้สึกผิดจริงๆ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด