ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 137: สอนเขาเกี้ยวพาราสี

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 137 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

ซูเจ๋อไปซื้อโคมไฟมาสองสามดวง ให้เฉินเสียนเขียนความปรารถนาของนางลงบนกระดาษ

ทั้งสองยืนอยู่บนตลิ่ง จุดไฟด้านในโคมไฟ ดูว่ากระดาษโคมไฟพองตัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งสองจับขอบของโคมไฟเอาไว้ รอให้โคมไฟพองขยายขึ้นมาจนเต็ม

เฉินเสียนมองไปที่ซูเจ๋อที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามของโคมไฟ เห็นแสงเทียนภายในดวงตาของเขา หน้ากากถูกย้อมเป็นสีเหลืองมันวาวด้วยแสงเทียน กะพริบวิบวับ

เขามองโคมไฟในมือด้วยนัยน์ตาเพียงครึ่งเดียว ทันใดนั้นริมฝีปากก็ยกยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะ ปล่อยได้”

เฉินเสียนเผลอคลายนิ้วมืออย่างลืมตัว ดังนั้นจึงกลายเป็นว่านางได้ปล่อยโคมลอยด้วยกันกับซูเจ๋อ

โคมไฟลอยขึ้นไปอย่างช้าๆ ท้ายที่สุดก็ลอยขึ้นไปปนเปกับโคมไฟที่ลอยอยู่เต็มท้องฟ้า

เฉินเสียนมองไปยังดวงไฟที่อยู่ในระยะไกลๆ คิดในใจว่า หากความปรารถนาเป็นจริงได้ คงดียิ่งนัก

เธอไม่เคยมีความปรารถนาสิ่งใดเป็นพิเศษมาก่อน แต่บัดนี้สิ่งที่นางต้องการยิ่ง เพียงแค่อยากให้เจ้าน่องน้อยกลับมาอยู่ข้างกายเธอ

ฉะนั้นเฉินเสียนจึงเขียนคำปรารถนาไว้บนโคมไฟว่า : ขอให้ลูกชายกลับมา

นอกจากปล่อยโคมไฟตรงริมตลิ่งแล้ว ยังมีอีกหลายอย่างที่ให้พวกเขาได้กินดื่มเที่ยวเล่นกันอีกมากมาย

ในบรรดาการละเล่นทั้งหลาย บทกวี และทายปริศนาบนโคมไฟเป็นการละเล่นที่พบเจอได้บ่อยที่สุด คนเก่งๆ ที่มีพรสวรรค์ต่างไปรวมตัวกันอยู่จุดนั้น

เฉินเสียนพบว่า ทั้งชายและหญิงที่อยู่ริมแม่น้ำหยางชุน ต่างพากันสวมหน้ากาก

เช่นนี้ยิ่งดูลึกลับเสียยิ่งกว่า แต่ก็ไม่ถึงกับต้องล่วงเกินอีกฝ่าย และไม่ตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอก หากมีชายหญิงคู่ใดสบตากัน ก็สามารถถอดหน้ากากออก และสานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันได้

เฉินเสียนกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ดูเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ซูเจ๋อ คืนนี้คงมีสาวงามไม่น้อย ท่านแน่ใจรึว่าจะไม่ไปเกี้ยวเสียหน่อย”

ซูเจ๋อ “ข้าทำไม่เป็น หรือท่านจะช่วยสอนข้า”

เฉินเสียนเหลือบมองเขา “สมแล้วที่ท่านครองโสดมาจนถึงทุกวันนี้”

เธอม้วนแขนเสื้อขึ้น กระดิกนิ้วมือไปทางซูเจ๋อ “เห็นแก่ท่านกับข้าที่มีความสนิทสนมกันอยู่บ้าง เอาหูมาใกล้ๆ ”

ซูเจ๋อโน้มตัวเข้าไปหานเธอเพื่อรับคำชี้แนะ

เงาของทั้งสองทอดยาวไปตามแสงไฟ เฉินเสียนเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อย เข้าไปใกล้ๆ หูของเขา

กระซิบกับอย่างสนิทสนม เมื่อมองดูแล้ว ช่างเข้ากันได้ดีจนน่าอิจฉา

ทั้งสองยืนอยู่บริเวณรอบๆ ลานบทกวี เฉินเสียนชี้ไปที่หญิงสาวสวมหน้ากากในชุดและกิริยาท่าทางงดงาม แล้วทำตัวเป็นแบบอย่างให้ซูเจ๋อ

“เห็นไหม คนนั้น หน้าอกใหญ่ เอวบาง รูปร่างสง่างาม กิริยาสำรวม ต้องถูกปลูกฝั่งเลี้ยงดูมาอย่างดี มีความเป็นผู้ดี เชื่อข้า ข้ามองๆ ดูแล้วก็ไม่เลวเสียเท่าไหร่ ตอนนี้ข้าจะสอนวิธีเกี้ยวพาราสีให้ท่าน”

ซูเจ๋อหรี่ตามอง แล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ได้ รีบสอนข้าเร็ว”

“อีกสักประเดี๋ยวท่านเดินไปเช่นนี้ ไปยืนอยู่ด้านหลังนาง แสร้งทำเป็นเหยียบที่ชายกระโปรงของนาง แน่นอนว่านางต้องสะดุดล้ม เวลานี้ท่านก็เอื้อมมือไปพยุงนางเอาไว้ นางจะเขินอายอย่างไม่อาจหลบเลี่ยง จากนั้นนางต้องขอบคุณท่านอย่างแน่นอน”

ซูเจ๋อพยักหน้าอย่างครุ่นคิด “ท่านแน่ใจหรือว่านางจะไม่โกรธ? ”

เฉินเสียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าคิดว่าถึงท่านจะสวมหน้ากากอยู่ก็ตาม แต่ในแง่ของรูปลักษณ์ภายนอกคาดว่าคงเอาชนะชายหนุ่มทั้งหมดได้ ถ้าถอดหน้ากากแล้ว จากที่สาวเจ้ายังโกรธเคืองอยู่ เกรงว่าจะเปลี่ยนมาเป็นตกตะลึงแทน ท่านคิดว่าจะมีผู้ใดโกรธเคืองใส่สุภาพบุรุษที่ยื่นมือเข้ามาช่วยได้ทันท่วงทีหรือ? ”

ซูเจ๋อกล่าว “เมื่อได้ฟังที่ท่านกล่าวเช่นนี้ ก็ดูเหมือนว่าจะมีเหตุผลอยู่บ้าง อาเสียน ข้ามีดีอย่างที่ท่านกล่าวมาจริงหรือไม่ ข้ายังไม่ค่อยแน่ใจ”

เฉินเสียนตบบ่าเขาเบาๆ ให้กำลังใจ “อย่าเพิ่งหมดหวัง ท่านดีกว่าที่ข้ากล่าวไปเสียอีก”

นัยน์ตาเรียวยาวของซูเจ๋อ รื่นรมย์ราวกับดวงตาของสุนัขจิ้งจอก

เฉินเสียนผลักเขา แล้วกล่าวอีกครั้ง “ไปเถิด ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่ บางทีคืนนี้ท่านอาจได้คู่ครอง”

แต่ซูเจ๋อกลับหาเร่งรีบไม่ เขาหันกลับไปหาเฉินเสียนด้วยท่าทางสบายๆ “ไม่ได้ ท่านอยู่ที่นี่ ข้าอาย”

ซูเจ๋อ “ข้าสัญญาว่าจะไม่หัวเราะเยาะท่าน”

ซูเจ๋อจับไหล่เฉินเสียนให้หันหลังกลับไป ชี้ไปที่ต้นหลิวทางด้านโน้น แล้วกล่าวว่า “ท่านไปรอข้าอยู่ที่นั่น”

“ข้าไม่ไป” เฉินเสียนคิดไม่ดี หากนางไปแล้ว จะเห็นเรื่องน่าขันของซูเจ๋อได้อย่างไรเล่า?

ให้ซูเจ๋อไปเกี้ยวสาวงาม เพียงแค่คิดก็สนุก นางจะพลาดช่วงเวลาที่แสนยอดเยี่ยมเช่นนี้ไปได้อย่างไร!

ซูเจ๋อกล่าว “ท่านไม่อยากให้ข้าเริ่มเกี้ยวสาวอย่างราบรื่นงั้นหรือ? หรือบางที? จริงๆ แล้วในใจท่านไม่อยากให้ข้าไปเกี้ยวหญิงอื่นใช่หรือไม่? ”

เฉินเสียนกระตุกยิ้มมุมปาก “ท่านคิดมากไปแล้ว”

ซูเจ๋อไขว้มือไว้ด้านหลัง เอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น “ท่านไม่ไป ข้าคิดว่าท่านชอบข้า จนทนไม่ไหวที่ต้องให้ข้าไปเกี้ยวผู้อื่น”

เฉินเสียนเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองเขา หากยังอ้อยอิ่งต่อไป เกรงว่าหญิงสาวนางนั้นคงจากไปเสียก่อน

ไปคอยอยู่ใต้ต้นหลิวก็มองไม่เห็น ไม่ชัดเจนเหมือนอยู่ที่นี่

เฉินเสียนกล่าวว่า “อืม ช่างเถิด เพื่อเลี่ยงไม่ให้ท่านเข้าใจผิด ข้าไปท่านรอที่ใต้ต้นหลิวก็ไม่เห็นเป็นไร”

ซูเจ๋อยิ้มให้นางอย่างไร้พิษภัย

เฉินเสียนหันหลังเตรียมเดินไปที่ใต้ต้นหลิว

เพิ่งจะเดินไปได้สองก้าว เฉินเสียนก็รู้สึกว่าชายกระโปรงของตนเองหนักอึ้ง

นางเดินต่อไปไม่ได้ เมื่อหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าชายกระโปรงของตนถูกซูเจ๋อเหยียบไว้

ซูเจ๋อเอามือไขว้หลังยืนอยู่ใต้แสงไฟ ปากและคางที่ยื่นพ้นหน้ากากลงมายกยิ้ม ราวกับรอดูปฏิกิริยาของเฉินเสียน

เฉินเสียนดึงกระโปรงตนเอง ซูเจ๋อไม่ยอมปล่อย

เวลานั้นเธอก็เข้าใจได้ทันทีว่า ซูเจ๋อตั้งใจยั่วเย้านางเล่น

ชายผู้นี้กล้าหลอกลวงเธอไปที่ใต้ต้นหลิวเชียวหรือ เพียงเพื่อต้องการเหยียบกระโปรงเธอตอนที่นางหันหลังไป!

เฉินเสียนราวกับถูกคนเหยียบหางอย่างไรอย่างนั้น เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “ข้าจะนับถึงสาม ดีที่สุดท่าน…”

เฉินเสียนพูดยังไม่ทันจบ มีโอกาสให้นับเสียที่ไหน ซูเจ๋อหัวเราะขึ้นมาเบาๆ จากนั้นเขาก็ใช้แรงเพียงเล็กน้อยใต้เท้ากระตุกชายกระโปรง

เฉินเสียนรู้สึกราวกับว่ามีกรงเล็บดึงเธอมาจากด้านหลัง ทำให้เธอเสียสมดุล หงายหลังลงไปอย่างควบคุมไม่ได้

“เอ๊ย!”

เธอตั้งใจดีสอนวิธีนี้เกี้ยวสาวให้ซูเจ๋อตั้งแต่แรก คาดไม่ถึงว่าเขาจะกินบนเรือน ขี้บนหลังคา ไม่ได้ดูความน่าขันของเขา เวลานี้ กลับเป็นตนเองที่ต้องมาทำตัวน่าขันแทน

เช่นนี้ไม่ใช่การหยิบก้อนหินมากระแทกเท้าตนเองหรอกรึ!

เมื่อเห็นเธอล้มลงมาหาตนเอง ซูเจ๋อก็โอบร่างเธอไว้ได้อย่างง่ายดาย แขนแกร่งโอบรอบเอวบางของเธอ หมุนควงไปรอบๆ เสื้อผ้าปลิวไสว ร่ายรำกันอย่างงดงาม

ในเวลานั้นเฉินเสียนเงยหน้าขึ้นมองเห็นรอยยิ้มของเขา “ข้าต่อยท่านได้หรือไม่? ”

ซูเจ๋อกล่าว “ท่านโกรธข้าไม่ได้นะ ข้าทำทุกอย่างที่ท่านสอน”

“ข้าสอนให้ท่านมาเกี้ยวข้ารึไร? ”

“ข้าเกรงว่าผลจะออกมาไม่ดี ดังนั้นจึงอยากลองดูก่อนสักรอบ”

เฉินเสียนผลักซูเจ๋อออก ซูเจ๋อก้าวถอยหลังไป แล้วถอนหายใจอย่างเสียดาย “ดูๆ แล้วท่านดูเหมือนจะโกรธนะ แสดงว่าผลออกมาไม่ดี โชคดีที่ข้าไม่เชื่อที่ท่านพูดแล้วนำไปใช้กับหญิงอื่น”

นัยน์ตาเรียวยาวของเขาจ้องมองไปที่เธอ “อาเสียน ท่านสงบจิตสงบใจเสียหน่อย คิดว่าข้าโง่งั้นหรือ? ”

เฉินเสียนไม่สบอารมณ์ “ตอนนี้เป็นข้าที่โง่เขลายิ่งกว่า!”

“เหตุใดต้องโกรธมากมายเช่นนี้ เพราะว่าข้าหล่อเหลาไม่พองั้นรึ? ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด