ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 156 ข้าเชื่อนาง เช่นเดียวกับที่นางเชื่อข้า

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 156 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

“กล่าวลารึ?”เฉินเสียนกล่าวอย่างตกใจ “เจ้าจะไปแล้ว?”

เหลียนชิงโจวยืดตัวขึ้น แล้วตอบ ” พ่ะย่ะค่ะ ข้าจักต้องอยู่ห่างจากเมืองหลวงสักระยะ โดยจะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้”

“จะไปแห่งหนใด?”

“หาเงิน พ่ะย่ะค่ะ”

“หาเงินที่ไหน?”

“ความลับทางธุรกิจ พ่ะย่ะค่ะ”

เฉินเสียสีหน้าบูดบิ้ง “จากที่ข้าดู การหาเงินนี้เป็นเพียงข้ออ้างใช่หรือไม่ ไม่แน่ว่าอาจจะไปทำเรื่องอะไรที่ไม่ชอบมาพากล”

เหลียนชิงโจวตอบด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิง เรือเจียงหนานใกล้จะเสร็จแล้ว จากที่กระหม่อมประเมินดูแล้ว เมื่อกระหม่อมกลับมาเมืองหลวงก็น่าจะสามารถใช้การได้แล้ว เมื่อถึงเวลานั้นจะขอเชิญองค์หญิงไปขึ้นเรือนะพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อเฉินเสียนได้ฟังอย่างนั้น ก็แย้มยิ้มจนตาหยี่ และตอบว่า “ไปเถอะ ไปเถอะ ตั้งใจหาเงิน ยามกลับมาก็อย่าลืมของฝากข้าเป็นอันขาด”

“พ่ะย่ะค่ะ ในตอนที่กระหม่อมไม่อยู่ ถ้าต้องการสิ่งใด บอกเอ้อร์เหนียงให้ไปเชิญใต้เท้ามาได้”

เมื่อพูดจบและไม่มีอะไรจะพูดอีก เหลียนชิงโจวจึงกล่าวลา “องค์หญิงรักษาตัวด้วย กระหม่อมทูลลา”

เมื่อเขาหันหลังเดินจากไปได้เพียงสองก้าว เฉินเสียนกลับเรียกเขาขึ้นมา พูดอย่างคลุมเครือ “เหลียนชิงโจว ยังไงเจ้าก็มาแล้ว จะไม่ดูเจ้าน่องน้อยหน่อยหรือ”

เหลียนชิงโจวนิ่งไปชั่วขณะ แล้วหันตัวกลับมา มองดูเฉินเสียนนวดมือเจ้าน่องน้อยของเธออย่างเบามือ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ท่านชายน้อยช่างน่ารักน่าชัง ชื่อเจ้าน่องน้อย……หรือ?”

“ใช่ เป็นชื่อเล่นที่ข้าตั้งให้เอง”เฉินเสียนพูดพลางมองไปที่เขา “ส่วนชื่อแซ่เต็มๆก็ให้พ่อของเขามาตั้ง”

เหลียนชิงโจวพูดต่อ”นั้นแน่นอนอยู่แล้ว”

“เจ้าอยากอุ้มเขาหรือไม่” เฉินเสียนถาม

เหลียนชิงโจวสะดุ้งตกใจครู่หนึ่งก่อนจะปฏิเสธได้อย่างนอบน้อม “กระหม่อมยังไม่เคยอุ้มทารกมาก่อนเลย เกรงว่าจะไม่ดี รอให้ท่านชายโตอีกหน่อยเถอะพ่ะย่ะค่ะ…………”

และไม่รีรอให้เฉินเสียนพูดอีก เขาก็หันหลังเดินจ้ำอ้าวออกจากเรือนไป

เฉินเสียนมองดูเจ้าน่องน้อยของเธออย่างครุ่นคิด เหลียนชิงโจวไม่เข้าใจความหมายที่เธอพูดเหรอ? หรือเธอพูดคลุมเครือเกินไป?

หรือเธอควรถามไปอย่างตรงไปตรงมาเลยว่า :เขาใช่พ่อของเจ้าน่องน้อยหรือเปล่า?

เมื่ออวี้เยี่ยนเข้ามาเก็บน้ำชา จึงพูดขึ้นว่า “องค์หญิง คุณชายเหลียนได้เตรียมเสื้อผ้าที่เจ้าน่องน้อยจะสวมใส่ไว้เยอะแยะเลยเพคะ มากเสียจนไม่รู้ว่าสิ้นสุดฤดูกาลนี้จะใส่หมดหรือไม่ บ่าวไปดูมาแล้ว ละลานตามากเลยเพคะ”

ที่เหลียนชิงโจวถามกลับมาว่ารู้แล้วเหตุใดถึงถามอีก หรือซูเจ๋อจะเป็นคนส่งมาจริงๆ?

เธอครุ่นคิดอย่างหนัก แต่ก็ไม่รู้เพราะเหตุใดหัวใจของเธอถึงยังไม่สามารถสงบได้

เฉินเสียนบอกให้อวี้เยี่ยนพาแม่นมซุยเข้ามา

แม่นมซุยถาม “องหญิงค์เรียกใช้บ่าวหรือเพคะ”

เฉินเสียนพลางส่งเจ้าน่องน้อยให้นางป้อนนม พลางถามอย่างสงสัย “ก่อนที่คุณชายเหลียนจะออกไปได้เตือนข้าว่า หากข้ามีเรื่องอะไรก็ให้เอ้อร์เหนียงไปเชิญใต้เท้าซูมา ข้าถึงได้คิดขึ้นมาได้ว่า ช่วงนี้ซูเจ๋อรับรู้เรื่องราวการเคลื่อนไหวของข้าได้ตลอด หรือเป็นแค่เรื่องบังเอิญ?”

แม่นมซุยตอบด้วยรอยยิ้มแห้งๆ “อะ อาจจะเพราะเรื่องบังเอิญเพคะ………”

เฉินเสียนจ้องมองจังหวะการตอบของนาง “เอ้อร์เหนียง ข้าไม่สนว่าใครจะส่งเจ้ามา แต่ตอนนี้เจ้าเป็นคนของข้า ประการแรกเจ้าต้องเชื่อฟังข้า ต่อไปไม่ต้องบอกเรื่องของข้าให้คนนอกรับรู้ อย่าให้ข้าต้องรู้สึกเหมือนถูกจับตามอง เข้าใจหรือไม่?”

แม่นมซุยตอบด้วยสีหน้าปกติ “หม่อมฉัน ทราบแล้วเพคะ”

เข้าสู่ช่วงฟ้ามืด เหลียนชิงโจวปรากฏตัวในห้องตำราของซูเจ๋อ

หลังม่านไม่ไผ่ ที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายไม้กฤษณา

ในมือซูเจ๋อกำลังจุ่มพู่กันลงในหมึก เขียนอักษรสองสามตัวลงในกระดาษสา—– เย่เหลียง

เขาวางพู่กันอย่างเงียบๆ และเอ่ยขึ้น “ตอบคำถามของอาเสียนทั้งหมดแล้วหรือไม่?”

เหลียนชิงโจวตอบ “ศิษย์พูดไปหมดแล้ว เพียงแต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ศิษย์ไม่เข้าใจ”

ซูเจ๋อไม่มีท่าทางประหลาดใจแม้แต่น้อย เพียงส่งเสียง”อืม”อันแผ่วเบาเท่านั้น

เหลียนชิงโจวจึงพูดอีกว่า “อาจารย์ไม่อยากให้องค์หญิงกลับไปสานสัมพันธ์กับฉินหรูเหลียง เหตุใดอาจารย์ถึงยังเล่าเรื่องในอดีตขององค์หญิงกับฉินหรูเหลียงอีก?”

“ฉินหรูเหลียงก็เหมือนคมมีด ต้องมาคอยดูว่าสุดท้ายแล้วจะไปโดนมือผู้ใด”

“หรือ……อาจารย์ไม่กลัวว่าองค์หญิงจะหวนคืนสู่ความรู้สึกเก่าๆที่มีต่อเขา?”

ซูเจ๋อจ้องมองไปยังหุ่นที่อยู่มุมโต๊ะ เป็นสิ่งที่เฉินเสียนใช้เวลาอยู่นานมากในการแกะสลัก

แววตาของเขาฉายแววของความอ่อนโยน “ข้าเชื่อนาง เช่นเดียวกับที่นางยอมที่จะเชื่อข้าเหมือนกัน”

ตอนนี้เฉินเสียนยังจำอดีตไม่ได้ หากรู้เรื่องนี้ที่เป็นประโยชน์ต่อเธอในการตั้งหลักอยู่ในจวนแม่ทัพ เชื่อว่าสำหรับนิสัยเธอในตอนนี้ ที่ไม่เรียบร้อยเหมือนครั้งเยาว์วัย และคงไม่สนใจคนที่เคยทอดทิ้งเป็นแน่

ซูเจ๋อยกกระดาษขึ้นผึ่งลมแล้วส่งให้เหลียนชิงโจว พลางสั่งว่า “คืนนี้กลับไปเตรียมตัว พรุ่งนี้ออกเดินทาง”

“ขอรับ อาจารย์”

เหลียนชิงโจวกำลังจะเดินออกจากประตู ซูเจ๋อก็พูดตามหลังเขาไป “ชิงโจว”

“อาจารย์ยังมีเรื่องอะไรหรือขอรับ”

“ระวังตัวด้วย”

เมื่อฉินหรูเหลียงกลับมา ได้ยินว่าเหลียนชิงโจวมาที่นี้ และยังอยู่ที่สวนสระวสันตฤดูตั้งนานสองนาน

พ่อบ้านรายงานว่าเหลียนชิงโจวมีทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และของเล่นมากมายมาให้เจ้าน่องน้อย

เมื่อฉินหรูเหลียงมาถึงสวนสระวสันตฤดู ที่ยืนมองเงียบๆอยู่ที่หน้าประตู เพราะประตูห้องไม่ได้ปิดจึงเห็นได้ว่าแม่นมซุยและอวี้เยี่ยนกำลังเก็บเสื้อผ้าของเจ้าน่องน้อยเข้าตู้ ในใจก็รู้สึกอัดอั้นเป็นอย่างมาก

แววตาฉายแววความรู้สึกไม่สบอารมณ์

ฉินหรูเหลียงส่งเสียงขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ของพวกนี้คือของที่เหลียนชิงโจวนำมา?”

เมื่อสิ้นเสียงพูด ทั้งแม่นมซุยและอวี้เยี่ยนก็หยุดนิ่งไปชั่วขณะ

ในลานของสวนไม่ได้ยินแม้แต่เสียงแม่นมจ้าวที่บอกกล่าว ฉินหรูเหลียงเข้ามาตั้งแต่เมื่อใดกัน?

เจ้าน่องน้อยกำลังนอนหลับปุ่ยอยู่บนเตียง เฉินเสียนเดินออกมาจากฉากกั้นอย่างแช่มช้อย และพูดขึ้น “ใช่ ล้วนเป็นของที่ส่งมาอย่างตั้งใจ ทั้งเสื้อผ้า ของใช้ ของเล่น ไม่ขาดตกบกพร่อง”

ฉินหรูเหลียงพูด ” ในจวนแม่ทัพแห่งนี้ก็มีครบทั้งสิ้น เหตุใดยังต้องให้เขาส่งมาให้ ถ้าข้าจำไม่ผิด ในวังยังพระราชทานผ้าไหมมามากมาย ล้วนแล้วเป็นของที่เอาไว้ตัดเย็บเสื้อผ้าให้เขา”

เฉินเสียนรินชาใส่จอก พลางพูดว่า “เดิมทีลูกก็ไม่ใช่แซ่ฉินอยู่แล้ว ของที่จวนท่านแม่ทัพก็เก็บไว้ให้ลูกของเหมยอูหรือเซียงซั่นใช้เถิด ข้าใช้ของที่เหลียนชิงโจวส่งมาก็ดีแล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นของที่พิถีพิถันในการเลือกสรรค์มา”

ฉินหรูเหลียงยืนอยู่ต่อหน้าเฉินเสียน พลางพูดด้วยเสียงอันแผ่วเบา “เฉินเสียน ท่านจะลดละสักหน่อยได้หรือไม่ ที่ออกไปพบเจอชายอื่นอย่างเอิกเกริก แล้วยังใช้สิ่งของที่เขาให้”

เฉินเสียนยกยิ้มพลางพูดว่า “ดูเหมือนว่าจะเหมือนกับที่ท่านกล่าว เหลียนชิงโจวน่าจะเป็นพ่อของลูกข้า ข้ารับของจากพ่อของลูก มีความผิดประการใดเล่า?

ทางที่ดีท่านอย่าได้ยกคำว่าสามีภรรยามากักขังข้าไว้เลย พอดีกับที่วันนี้เหลียนชิงโจวมาที่นี่ ข้าได้สอบถามเรื่องของท่านกับเชียนเสวี่ยอย่างละเอียดแล้ว”

ฉินหรูเหลียงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที

เฉินเสียนหลุบตาลง มองแสงเปลวเทียนที่ส่องกระทบชุดผ้าไหมของเขา และพูดขึ้นอีกว่า “ดูท่านสิ สีหน้าเต็มไปด้วยความริษยา ข้าขอถามท่านสักคำถามนะ ท่านแม่ทัพฉิน หรือว่าคนอย่างท่าน จะกลับมาชอบข้า”

ฉินหรูเหลียงกัดริมฝีปาก

แต่เดิมเขาเองก็ไม่เคยคิดทบทวนถึงเรื่องนี้ให้ละเอียดเลย

แต่เขากลับสนใจมากขึ้นในทุกๆวัน

จู่ๆเฉินเสียนก็สาดน้ำชาในแก้วสาดกระเซ็นเต็มแผงอกแกร่งของเขา ดับแสงสะท้อนเปลวเทียนบนตัวเขา คราบน้ำกระเซ็นไกลไปถึงคางของฉินหรูเหลียง

“ท่านวางใจได้ ข้าไม่มีทางรักท่าน” ฉินหรูเหลียงตอบ ” เพียงแต่ขอให้ท่านโปรดอยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาไปอีกสักระยะ”

เธอหรี่ตามองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น “ไม่มีก็ดี ถ้าหากวันนั้นมีจริงขึ้นมา แม่ทัพฉินอย่างท่านคงต้องรับพิษร้ายแรงแล้ว อ่อ ชายผู่หลงใหลอนุภรรยากลับมายกเรื่องฐานะหน้าที่ภรรยากับข้า ท่านไม่รู้สึกว่ามันน่าขันไปหน่อยหรือ ”

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด