ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 171 ต้องมีผู้ที่ตีนางให้ตายอย่างแน่นอน
ระหว่างทางอวี้เยี่ยนกล่าวถามอย่างไม่เข้าใจว่า“เหตุใดจึงต้องบอกเซียงซั่นเพคะ องค์หญิงสามารถไปตรวจสอบการลงบันทึกเข้าออกของจวนได้นะเพคะ พวกเราไปตรวจสอบเองวันเดียวก็รู้แล้วไม่ใช่หรือเพคะ ถ้าหากสาวใช้ที่อยู่ข้างกายเซียงซั่นเคยออกไปจริงๆ เช่นนั้นก็มีหลักฐานแล้วนิเพคะ! ”
อวี้เยี่ยนไม่ได้เลินเล่อ เมื่อครู่นี้นางเห็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายเซียงซั่นมีท่าทางหวาดกลัวจนสั่นเทา
เฉินเสียนหรี่ตามองเส้นทางด้านหน้า กล่าวขึ้นว่า“ยังมีเวลาจะแหวกหญ้าให้งูตื่นทำไมกัน ต่อให้เอาการลงบันทึกมาวางไว้ตรงหน้านาง เซียงซั่นก็สามารถที่จะยืนกระต่ายขาเดียวปฏิเสธได้ ถ้าหากนางบอกว่านางมอบหมายให้สาวใช้ไปซื้อปิ่นปักผมไข่มุกกับขนมล่ะ ทางที่จะแก้ปัญหาของข้ากับเจ้าก็ไม่มีสักนิดหนึ่งแล้วนะ”
“เพราะฉะนั้นที่จะตรวจสอบการลงบันทึกเป็นเพียงจัดฉากหรือเพคะ?”อวี้เยี่ยนกล่าวขึ้นมาทันที“ที่แท้แล้วการลงบันทึกนี้ไม่ได้มีประโยชน์อะไร?”
“จะไม่มีประโยชน์ได้อย่างไรกันเล่า นี่เป็นการล่อเหยื่อออกมา ต้องมีตอนที่นางขัดขาตัวเองแหละ”
เฉินเสียนไม่ได้อยากไปตรวจสอบการลงบันทึกเข้าออกเลย เธอรู้ว่าตรวจสอบแล้วก็ไม่มีประโยชน์
ตกดึก สาวใช้ข้างกายของเซียงซั่นแอบไปที่ห้องลงบันทึกเพื่อลบเวลาบันทึกการเข้าออกจวนเมื่อไม่นานมานี้ออก นางเลยถูกจับได้พอดี
อวี้เยี่ยนจับสาวใช้คนนั้นไว้แน่นแล้วทิ้งนางลงต่อหน้าเซียงซั่นที่สวนเซียงเสวี่ย
ใต้แสงไฟสลัวๆ เฉินเสียนเดินอ้อยอิ่งเข้าไปในสวนเซียงเสวี่ย เซียงซั่นราวกับเห็นผี
เฉินเสียนกล่าวว่า“ถ้าไม่ใช่ว่าเจ้าเป็นวัวสันหลังหวะ แล้วจะสั่งให้สาวใช้คนนี้ไปแก้บันทักการเข้าออกจวนได้อย่างไรกัน? เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้ายังมีสิ่งใดจะพูดหรือไม่?”
เซียงซั่นกล่าวว่า“องค์หญิงกลอุบายดีจริงๆเพคะ แค่ให้สาวใช้ไปที่ห้องลงบันทึกเพียงอย่างเดียวจะสามารถยืนยันสิ่งใดได้อีกเล่าเพคะ?”
เฉินเสียนหรี่ตากระตุกริมฝีปากแล้วกล่าวว่า“ความหมายของเจ้าคือ ต้องการให้ข้าทรมานนาง แล้วฟังคำที่นางสารภาพออกมาเองใช่หรือไม่?”
เพิ่งจะกล่าวออกมา สาวใช้ก็ตัวสั่นเทาคุกเข่านั่งลงไป เอาหัวโขกพื้นแล้วกล่าวว่า“องค์หญิงไว้ชีวิตด้วยเถิดเพคะ!องค์หญิงไว้ด้วยเถิดเพคะ!”
ตอนที่แม่บ้านจ้าวถูกตีสาวใช้ผู้นี้เคยไปพบเจอ สภาพน่าเวทนากับจุดจบนั่นเป็นการกระทำที่นางไม่สามารถแบกภาระไว้ได้
คาดว่าไม้เรียวยังไม่ได้ตีลงมา ผู้ที่ไม่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวแน่วแน่เลยแม้แต่น้อยอย่างนางก็จะยอมสารภาพผิดออกมา
เซียงซั่นเงียบชั่วขณะ แล้วกล่าวขึ้นว่า “ต่อให้ยานั่นหม่อมฉันเป็นคนเอาให้แม่บ้านจ้าวแล้วอย่างไรเล่าเพคะ หม่อมฉันไม่ได้สั่งนางให้มาทำร้ายองค์หญิง ควรเลือกที่จะรับหรือไม่ จะทำเช่นนี้หรือไม่ หม่อมฉันก็ไม่เคยบีบบังคับนาง ดูรวมๆแล้วนางเป็นผู้ที่เลือกเองนะเพคะ”
“แม่บ้านจ้าวซื่อสัตย์ต่อองค์หญิง นางเพียงแค่ต้องการให้ท่านแม่ทัพกับองค์หญิงดีกัน หม่อมฉันคิดว่าคำขอร้องนี้ไม่เกินไปสักนิดหนึ่งเลยนะเพคะ ”
เซียงซั่นคิดว่านางจะได้รับความเห็นใจจากเฉินเสียนบ้าง กล่าวอย่างรักใคร่ผูกไมตรีอีกว่า“หม่อมฉันไม่เคยคิดจะเป็นศัตรูกับองค์หญิงเลยนะเพคะ หม่อมฉันก็หวังเช่นกันว่าองค์หญิงกับท่านแม่ทัพจะรักกันตลอดไปเพคะ หม่อมฉันคิดว่ามีเพียงองค์หญิงที่สามารถเป็นนายหญิงที่สมชื่อของจวนแม่ทัพเพคะ!”
“เพราะว่าองค์หญิงให้โอกาสหม่อมฉันหนึ่งครั้ง ถึงมีหม่อมฉันในวันนี้เพคะ หม่อมฉันจำได้มาโดยตลอดเพคะ ใจขององค์หญิงอาลัยคิดถึงท่านแม่ทัพ วันนี้ในใจของท่านแม่ทัพมีองค์หญิงแล้ว ถ้าหากจะทำให้องค์หญิงได้รับความรักจากท่านแม่ทัพ หม่อมฉันยินยอมที่จะทุ่มเทความพยายามเพื่อที่จะตอบแทนบุญคุณขององค์หญิงเมื่อก่อนนั้นเพคะ ”
เฉินเสียนกล่าวถามเสียงเบาหวิวว่า“เจ้าก็เลยตอบแทนข้าเช่นนี้หรือ? เซียงซั่น เจ้าอยากจะพูดว่า ต่อให้ต้องใช้วิธีการที่ไม่อาจบอกผู้ใดได้ มันก็คือการหวังดีกับข้าใช่หรือไม่?”
เซียงซั่นยืดตัวตรง สะอื้นกล่าวว่า“ใช่เพคะ”
เฉินเสียนกล่าวออกมาด้วยความขำขันว่า“ผู้ที่อ่อนโยนไร้เดียงสา บางทีอาจจะถูกความตั้งใจดีของเจ้าทำให้เกิดความซาบซึ้งใจได้ แต่เจ้ารู้สึกว่าข้าเป็นผู้ที่อ่อนโยนไร้เดียงสาอย่างนั้นหรือ?”
ระหว่างที่กล่าวอยู่ก็เข้าใกล้เซียงซั่นเรื่อยๆ สายตาโหดเหี้ยมอำมหิต “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ ด้านหนึ่งเจ้าพูดคุยยุยงหลิ่วเหมยอู่ทำให้นางเกลียดชังข้า อีกด้านก็ต้องการใช้เรื่องข้าดีกันกับฉินหรูเหลียงกดหลิ่วเหมยอู่ เจ้าอาศัยความขัดแย้งของผู้อื่นเพื่อตักตวงผลประโยชน์ใช่หรือไม่?”
เซี่ยงซั่นรูม่านตาขยายใหญ่ขึ้น
“เหอะ หวังดีกับข้า?ฉินหรูเหลียงมานอนกับเจ้าทุกคืน เจ้าทนไม่ไหวเพราะฉะนั้นถึงผลักออกไปด้านนอก เจ้าก็เฝ้าภาวนาให้ข้ากับฉินหรูเหลียง สามีภรรยาปรองดองกัน เช่นนี้หลิ่วเหมยอู่ก็จะบ้าคลั่งมาแก้แค้นข้า โดยภาพรวมเจ้าก็ไม่ได้เป็นอะไร เจ้าได้หลับสบายโดยไม่มีความทุกข์ใจ”
“เจ้านี่วางแผนได้ไม่เลวนะ น่าเสียดายที่เจ้าไม่ควรนับรวมข้าด้วย”
ความคิดของเซี่ยงซั่นนั้นถูกเฉินเสียนรู้จนทะลุปรุโปร่ง
เฉินเสียนหมุนตัวแล้วกล่าวขึ้นว่า“ข้าไม่กลัวใครจะมาแก้แค้นหรอกนะ แต่ก่อนที่เจ้าจะก่อเรื่อง ก็ควรที่จะชั่งน้ำหนักผลที่ตามมาสักหน่อย”
ตั้งแต่ออกมาจากสวนเซียงเสวี่ย อวี้เยี่ยนกล่าวถามอย่างไม่พอใจว่า“เหตุใดองค์หญิงถึงไม่ลงโทษนางล่ะเพคะ?ปล่อยไปแบบนี้แล้วไม่ใช่ว่าทำให้นางได้ใจหรือเพคะ?”
เฉินเสียนกล่าวว่า“ปล่อยให้นางกลัวจนใจเต้นรัวสักสองวันเถอะ ลงโทษนางง่ายๆเช่นนี้ นั่นถึงเป็นการทำให้นางได้ใจ”
เฉินเสียนกับอวี้เยี่ยมเข้าใจแจ่มแจ้งดีว่าเซียงซั่นเป็นคนเช่นไร
ถ้าเกี่ยวกับเรื่องดุร้ายอำมหิตใจดำ เซียงซั่นเป็นคนที่เก่งกาจมาก
ครั้งนี้เซียงซั่นรู้สึกหวาดกลัวไปหมดทุกอย่าง คืนนี้นางนอนไม่หลับ เพราะกำลังคิดแผนการตอบโต้
ภายในเวลาสองวัน เฉินเสียนยังไม่มีการเคลื่อนไหว เซียงซั่นจนจะทำให้ตัวเองทุกข์ระทมหมดอาลัยตายอยากแล้ว นางตึงเครียดตลอดเวลา เหมือนเชือกที่ขึงตึงไม่ได้รับการผ่อนคลาย
ในหัวของเซียงซั่นคิดหาวิธีเยอะจนนับไม่ถ้วน จินตนาการว่าเฉินเสียนจะจัดการอย่างไรกับนางด้วย เรื่องทรมานเช่นนี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะจบสิ้น สำหรับเซียงซั่นนั้นมันยากที่จะทนได้
หลังจากถ่วงมาสองวัน เซียงซั่นตระหนักว่าแทนที่จะนั่งรอความตายอยู่อย่างนี้ ไม่ดีเท่ากับเป็นฝ่ายเริ่มโจมตี
ถ้ารอเวลาจนเฉินเสียนลงมือจริงๆ นางไม่มีแรงที่จะปะทะเลยแม้แต่น้อยเลย รักษาตัวเองไว้ไม่ได้จนหมดท่า
นางยังจำที่เฉินเสียนกล่าวในตอนแรกได้ ถ้าหากกล้าย้อนกลับมากัด เฉินเสียนก็จะสับนางแหลกละเอียดให้หมากิน!
เซียงซั่นหวาดกลัว นางไม่สามารถให้ตัวเองมีจุดจบประเภทนั้นหรอก
ด้วยเหตุนี้หลังจากคิดแล้ว เซียงซั่นก็ไปสวนดอกพุดตานอีก นางตัดสินใจไปเป็นพันธมิตรกับหลิ่วเหมยอู่
หลิ่วเหมยอู่ได้ยินเซียงซั่นกล่าวว่าสองวันก่อนหน้าเวลากลางคืนนี้ฉินหรูเหลียงไปที่สวนสระวสันตฤดูวางแผนไว้ว่าจะค้างที่นั่น เฉินเสียนก็ล่อลวงดึงดูดฉินหรูเหลียงในช่วงเวลาที่เมามาย หลิ่วเหมยอู่ก็ไฟอิจฉาริษยาแผดเผา มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะฉีกเฉินเสียนทันที
ตอนที่เซียงหลิงแอบมารายงานเรื่องราวให้เฉินเสียนทราบอย่างลับๆ เฉินเสียนไม่แปลกใจเลยสักนิดหนึ่ง กวักมือเรียกเซียงหลิงแล้วกล่าวว่า“มานี่สิ”
เซียงหลิงเดินมาด้านหน้าอย่างนอบน้อม ก้มหัวลงแล้วกล่าวว่า“องค์หญิงโปรดชี้แนะเพคะ”
“ยื่นหูมานี่”
เฉินเสียนอธิบายข้างหูเซียงหลิงอย่างละเอียดอยู่สักพักหนึ่ง สีหน้าเซียงหลิงเปลี่ยนอยู่หลายครั้งแล้วพยักหน้าเป็นพัลวัน
สุดท้ายเซียงหลิงถอนสายบัวแล้วกล่าวว่า“บ่าวรู้ว่าควรจะทำเช่นไรแล้วเพคะ”
หลังจากที่เซียงหลิงกลับไป อวี้เยี่ยนกล่าวถามอย่างประหลาดใจว่า“องค์หญิงคุยสิ่งใดกับนางหรือเพคะ?”
เฉินเสียนพิงอยู่บนหมอนอิง งอเข่าเปิดหนัง ท่าทางสงบกล่าวขึ้นว่า“ก็เป็นเพียงเรื่องสกปรกเกี่ยวกับเซียงซั่นเท่านั้นเอง ถ้าหากว่าหลิ่วเหมยอู่รู้ล่ะก็ ต้องสนุกมากอย่างแน่นอน เรื่องสนุกจะเริ่มแสดงแล้ว”
อวี้เยี่ยนเข้าใจทันที กล่าวว่า “ที่แท้องค์หญิงก็ไม่ได้วางแผนว่าจะลงมือเอง เป็นเซียงซั่นที่พยายามรนหาที่ตายมุ่งไปพึ่งพานายหญิงหลิ่ว ถ้าหากทำให้นายหญิงหลิ่วรู้เรื่องชั่วเหล่านั้นที่เซียงซั่นทำ……”
อวี้เยี่ยนพูดอยู่ก็ตื่นตกใจ กล่าวอีกว่า“องค์หญิงไม่กลัวว่าหลังจากนายหญิงหลิ่วรู้เรื่องเหล่านั้นแล้ว จะนำมาใช้บีบบังคับเซียงซั่นให้ช่วยนายหญิงหลิ่วทำเรื่องชั่วหรือเพคะ?”
เฉินเสียนหัวเราะเยาะเย้ย
แม่นมซุยที่อยู่ด้านข้างกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า“สิ่งนี้เจ้าไม่ต้องกังวลใจแล้ว เนื่องจากเมื่อครู่นี้องค์หญิงได้กำชับเซียงหลิงแล้ว นายหญิงหลิ่วต้องตีเซียงซั่นตายอย่างแน่นอน”
เฉินเสียนกล่าวว่า“เมื่อก่อนรู้สึกว่าสามคนช่วยเหลือกันขัดขวางเวลาฝั่งตรงข้ามก่อเรื่อง จะใช้ชีวิตผ่อนคลายสบายสักหน่อย ตอนนี้ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นแล้ว กลับกันก็จะทำให้ตัวเองวุ่นวาย”
ในสวนดอกพุดตาน หลังจากที่เซียงหลิงปรนนิบัติจัดการล้างหน้าบ้วนปากเสร็จหลิ่วเหมยอู่ได้ขึ้นเตียงพักผ่อน นึกถึงคำพูดเมื่อกลางวันที่ปลุกปั่นเหล่านั้นของเซียงหลิง ก็กล่าวขึ้นว่า“นายหญิงไม่ต้องคิดมากเจ้าค่ะ บ่าวได้ยินมาว่าคืนวันนั้นท่านแม่ทัพไม่ได้ค้างคืนอยู่ในสวนสระวสันตฤดูเจ้าค่ะ นายหญิงอย่าเชื่อคำพูดของเซี่ยงซั่นทั้งหมดนะเจ้าคะ แม่บ้านจ้าวของสวนสระวสันตฤดู เล่ากันว่าถูกองค์หญิงตีจนเหลือแค่ครึ่งชีวิตเจ้าค่ะ”
คอมเม้นต์