ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 176 ท่านมาได้อย่างไร?
“เซียงซั่น เจ้าบอกว่าเจ้าไร้สิ้นทางเลือก แต่ในขณะที่เจ้ากำลังเดินอยู่บนทางที่ไร้ทางเลือกนั้น เจ้ากลับคิดวางแผนหาวิธีที่จะทำให้ตัวเองได้รับประโยชน์สูงสุด”
เฉินเสียนปัดฝุ่นที่เสื้อด้วยความใจเย็นราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วพูดต่อว่า : “ข้าคิดว่าเวลาผ่านไปหลายวัน มันคงจะเพียงพอที่เจ้าจะได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วน ว่าเจ้าทำอะไรผิด ดูแล้ว เจ้าคงจะไม่ได้สำนึกแม้แต่นิดสินะ เจ้าต้องอยู่ที่นี่เพื่อที่จะเรียนรู้และยอมรับชะตากรรมของตัวเจ้าเอง”
พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ เฉินเสียนจึงหมุนตัวแล้วเดินจากไป
เซียงซั่นตะโกนตามหลังดังลั่น : “พระองค์บอกให้หม่อมฉันสำนึกผิดหม่อมฉันก็ต้องสำนึกผิดหรือ หากว่าหม่อมฉันสำนึกผิด แล้วพระองค์จะช่วยหม่อมฉันออกไปจากที่นี่หรือ?”
ข้างนอกเสียงดังวุ่นวายเกินไป ถึงแม้ว่าเซียงซั่นจะหัวใจล้มเหลวแตกสลายอยู่ข้างในห้องนั่น ก็ไม่มีผู้ใดได้ยิน
และถึงแม้จะได้ยิน ก็คงจะไม่มีใครมาสนใจ
เฉินเสียนหยุดเดิน หมุนตัวกลับไปมองนาง เลิกคิ้วด้วยสีหน้าที่ร้ายกาจ พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียหน่อย แต่หลังจากมาในวันนี้ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว”
เซียงซั่นสีหน้าเปลี่ยนไปทันที หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “พระองค์เสแสร้งให้น้อยหน่อย พระองค์คิดว่าหม่อมฉันจะเชื่อพระองค์หรือ? วันนี้พระองค์จะไม่สามารถเดินออกจากห้องนี้ไปได้!”
เฉินเสียนหรี่ตาลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ทำไมถึงคิดอย่างนั้นล่ะ?”
เซียงซั่นจึงพูดขึ้นว่า : “พระองค์เดินออกจากห้องนี้ไปแม้แต่ก้าวเดียว หม่อมฉันจะเปิดเผยฐานะของพระองค์ที่แต่งหญิงเป็นชายกลางห้องโถงนั่น! เป็นสตรีแต่กลับกล้ามาเที่ยวหอนางโลม ข้างในนี้เต็มไปด้วยสิงสาราสัตว์ที่หิวกระหายอย่างบ้าคลั่ง หม่อมฉันไม่เชื่อว่าวันนี้พระองค์จะย่างก้าวออกไปจากที่นี่ได้”
เห็นเฉินเสียนไม่พูดอะไรออกมา เซียงซั่นจึงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งต่อ : “ถึงแม้ว่าพระองค์จะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นองค์หญิง แต่อยู่ในที่แบบนี้ใครมันจะไปเชื่อคำพูดของพระองค์ มีผู้หญิงมาส่งถึงที่ตั้งสองคน แม่เล้าของหอนางโลมคงดีใจไม่น้อย ไม่แน่พระองค์อาจจะตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับหม่อมฉันก็เป็นได้!”
เฉินเสียนเดินย้อนกลับไปอีกครั้ง พูดขึ้นอย่างใจเย็น : “งั้นข้ายังไม่รีบกลับ นั่งเล่นในห้องของเจ้าสักพักก่อน ถือโอกาสฟังเจ้าเสียหน่อย ว่าที่อยากให้ข้าอยู่ที่นี่ต่อเจ้าตั้งใจจะทำอะไรกันแน่”
เซียงซั่นเห็นใบหน้าที่สงบนิ่งของเฉินเสียน นางรู้สึกเกลียดที่ไม่สามารถฉีกใบหน้าที่เมินเฉยไม่แยแสนั้นได้ อยากให้เธอหวาดผวาเหมือนกับที่นางเป็น!
เซียงซั่นมองชาที่อยู่บนโต๊ะข้างเฉินเสียนเหลือเพียงครึ่งถ้วย จึงพูดขึ้นอย่างชอบใจ : “เมื่อครู่พระองค์คงดื่มชานี้สินะ”
เฉินเสียนไม่ได้ตอบแต่กลับถามไปว่า : “แล้วยังไง?”
เซียงซั่นไม่มีอะไรให้น่าสังเวชและสมเพชเวทนา นางหัวเราะอย่างชั่วร้าย : “หม่อมฉันใส่ยาชุนฮวาถีลงไปในถ้วยชาของพระองค์ พระองค์รู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร? มันเป็นยาปลุกกำหนัดฤทธิ์รุนแรงที่หอหมิงเย่ว์ใช้ลงโทษคนที่ไม่เชื่อฟัง ผู้หญิงมากมายที่รักษาความบริสุทธิ์ยิ่งชีพ ฤทธิ์ยาจะทำให้คนเหล่านั้นกลายเป็นคนที่ต้องการผู้ชายอย่างไม่สามารถควบคุมตัวเองได้!”
เซียงซั่นพูดต่อว่า : “ใช้เวลาไม่เกินธูปครึ่งดอก ยาชุนฮวาถีจะออกฤทธิ์ภายใต้ร่างกายของพระองค์ หม่อมฉันต้องการให้พระองค์อยู่ในห้องนี้ทั้งคืนจนถึงเช้า ไม่ว่าลูกค้าชายจะมาสักกี่คน หม่อมฉันจะให้พระองค์ไปปรนนิบัติแทน!”
“เป็นเพราะพระองค์หม่อมฉันจึงถูกขายเข้ามาในที่แบบนี้ ตอนนี้พระองค์ก็ควรลิ้มลองรสชาติในสิ่งที่หม่อมฉันเจอ!” เซียงซั่นหัวเราะอย่างไร้สติ : “จะคอยดูว่าองค์หญิงจะเป็นยังไง! พระองค์คิดว่าตัวพระองค์สูงส่งอยู่แต่ในที่สูงๆ หรือ? อีกเดี๋ยวพอถึงตอนที่อยู่ภายใต้ร่างกายของผู้ชาย ก็แพศยาเหมือนๆ กันนั่นแหละ!”
อวี้เยี่ยนทนไม่ไหว ไม่รอให้เฉินเสียนได้โต้ตอบอะไร ก็เดินมาตบหน้าเซียงซั่นจนหน้าสะบัด พร้อมกับพูดขึ้นด้วยความโกรธ : “หน้าด้านไร้ยางอาย!”
เฉินเสียนพูดขึ้นช้าๆ : “อวี้เยี่ยน เจ้าไปทำตัวเหมือนกับนางทำไม ไม่กลัวตัวเองจะเสื่อมเสียรึ?”
อวี้เยี่ยนกลับไปยืนอยู่ข้างเฉินเสียนอย่างฉุนเฉียว
เฉินเสียนพูดกับเซียงซั่นต่อว่า : “ในตอนแรกข้าไม่ได้ตั้งใจจะมาเยาะเย้ยเจ้า ถ้าหากเจ้าได้สำนึกผิดแล้วจริงๆ ก็ยังจะพอมีโอกาสให้เจ้า แต่จนถึงตอนนี้ เจ้าไม่ได้สำนึกผิดแม้แต่นิดเดียว แต่กลับร้ายกาจยิ่งกว่าเดิม ในเมื่อเป็นแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงจะช่วยเจ้าไม่ได้”
“ยังเป็นฉินหรูเหลียงที่โหดเหี้ยมที่สุด คนรักเก่า บทจะขายก็ขายเสียนี่ พาเจ้ามาทิ้งไว้ในที่แบบนี้อย่างสิ้นเยื่อขาดใย ที่ตรงนี้สำหรับผู้หญิงแล้ว เป็นขุมนรกที่ไร้จุดสิ้นสุด ที่จริงแล้วมันเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสเสียยิ่งกว่าการที่เจ้าตายในดาบเดียวด้วยซ้ำไป”
เฉินเสียนฉีกยิ้มที่มุมปาก พูดต่ออย่างใจเย็น : “เอาล่ะ เวลาของธูปครึ่งดอกคงใกล้จะถึงแล้ว”
เซียงซั่นเหมือนจะตามความหมายของคำพูดเฉินเสียนไม่ค่อยทัน จึงถามอย่างประหลาดใจว่า : “ท่านไม่กลัวการร้องขอความเมตตาหรือ?”
“คนที่จะต้องกลัวการร้องขอความเมตตาคงจะไม่ใช่ข้า”
ชั่วอึดใจ เซียงซั่นก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากล
สายตาของเธอเริ่มพร่ามัว ร่างกายค่อยๆ ร้อนรุ่ม หายใจหอบไม่สม่ำเสมอ
ยานี้มีฤทธิ์แรงกว่าตอนที่ให้เฉินเสียนกินเมื่อคราวก่อน ประสิทธิภาพของฤทธิ์ยากระตุ้นเร่งเร้าอย่างรวดเร็ว สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าและความเจ็บปวดทรมานที่สุด
“เกิดอะไรขึ้น ในเมื่อข้าเห็นท่าน……” เซียงซั่นเนื้อตัวแดงก่ำไปทั้งตัว จ้องมองเฉินเสียนตาเขม็ง
อวี้เยี่ยนพูดขึ้นอย่างดูถูกเหยียดหยาม : “นังชั้นต่ำ ชาหยาบๆ คุณภาพต่ำๆ ของหอหมิงเย่ว์นะหรือ ที่คู่ควรจะให้องค์หญิงดื่ม?”
เมื่อครู่เฉินเสียนเพียงแค่แกล้งดื่มชา แต่จริงๆ แล้วเธอเทน้ำชาครึ่งถ้วยลงบนแขนเสื้อต่างหาก เฉินเสียนกำลังลูบแขนเสื้อที่เปียกนั่น ไม่สะทกสะท้าน
อวี้เยี่ยนหัวเราะอย่างเยือกเย็น แล้วจึงพูดขึ้นว่า : “พึงระวังคนคิดร้ายกับเราเสมอเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้จริงๆ เมื่อครู่ตอนที่ให้เจ้าไปเปิดหน้าต่าง ชาทั้งสองถ้วยก็ถูกสลับกันแล้ว ถ้วยที่เจ้าดื่มเป็นถ้วยเดียวกันกับที่เจ้าวางยานั่นแหละ เจ้าค่อยๆ ลิ้มรสมันไปก็แล้วกัน”
“เจ้า! พวกเจ้า……” เซียงซั่นโกรธจนสติแทบแตก จิกเล็บลงบนเสาม่านของเตียงอย่างเต็มแรง ตอนนี้แม้แต่จะยืนก็ยืนไม่นิ่ง ค่อยๆ ทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างไร้เรี่ยวแรง ร้องครางไม่เป็นภาษา
ที่แท้แล้วตอนที่เซียงซั่นวางยา เฉินเสียนเองได้สังเกตเห็นแล้ว ไม่อย่างงั้นจู่ๆ เฉินเสียนจะเปลี่ยนความคิดได้ยังไง
เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย : “ละครบทเดียวกัน คิดว่าข้าจะให้เจ้าแสดงซ้ำถึงสองครั้งหรือ?”
คำพูดจบลง เวลานี้ก็มีคนมาเคาะประตูอยู่ข้างนอกอย่างหยาบคาย พร้อมกับตะโกนเข้ามาว่า : “ซั่นเอ๋อร์ มีแขกมา มาเปิดประตูรับแขกหน่อย”
เฉินเสียนแววตาเย็นยะเยือก พูดขึ้นว่า : “โอ้โห ลูกค้าคนที่สองมาถึงหน้าประตูเร็วขนาดนี้เชียว”
แต่เมื่อประตูถูกเปิดออก ร่างสูงโปร่งในชุดดำทั้งชุดเดินเข้ามาในห้องอย่างช้าๆ เซียงซั่นจ้องมองด้วยน้ำตาคลอเบ้า
เฉินเสียนหันไปมอง จึงสะดุ้งไปทั้งตัว แล้วจึงขมวดคิ้วขึ้นด้วยความไม่พอใจ
ชุดดำสนิทนี้เน้นโครงร่างสรีระของชายผู้นี้อย่างสมบูรณ์แบบ ผมที่ดำสนิทดุจหมึกถูกขมวดเก็บขึ้นเป็นทรงหลังท้ายทอย
เฉินเสียนหรี่ตามองหน้ากากที่อยู่บนใบหน้าของเขา ยังเป็นหน้ากากอันเดิมกับที่ใส่ตอนต่อสู้ตรงท้ายตลาดของวันนั้น
ซูเจ๋อ
เฉินเสียนเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองไม่พอใจอะไรตรงไหน เธอจ้องตาเขาพร้อมกับถามไปว่า : “ท่านมาได้ยังไง?”
ซูเจ๋อที่ฟังน้ำเสียงไม่ออกว่าเธอกำลังโกรธ : “ท่านจำข้าได้หรือ?”
เฉินเสียน: “ไม่อยากให้ข้าจำได้ ทำไมถึงไม่เปลี่ยนหน้ากากอันใหม่?” เธอเลิกคิ้วขึ้นสูง แล้วพูดต่อไปว่า : “ทำไม ท่านเป็นแขกคนที่สองของนางรึ?”
ซูเจ๋อเดินเข้ามา ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว เขาไม่พูดพร่ำทำเพลง เดินเข้ามาจับข้อมือของเฉินเสียน หมุนตัวแล้วเดินออกไปทันที ไม่ได้ชายตามองเซียงซั่นแม้แต่นิดเดียว
อวี้เยี่ยนเริ่มจะพอเดาได้ ว่าชายที่สวมหน้ากากผู้นั้นเป็นใคร……
นางเองก็รีบตามหลังพวกเขาไปติดๆ
เซียงซั่นเองก็ได้เห็นซูเจ๋อเข้ามาด้วย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เห็นหน้าตาของเขาชัดเจน แต่รูปร่างที่สูงโปร่งนั่น เปล่งประกายโดดเด่น หน้าตาคงจะไม่ได้น่าเกลียดอย่างแน่นอน
หากว่าคนผู้นี้เป็นแขกของนางจริงๆ นางก็เต็มใจจะรับอย่างยิ่ง นี่ดีกว่าลูกค้าที่เหงื่อซกท่วมตัว กลิ่นตัวเหม็นฉุน ทั้งรุนแรงและหยาบคายกว่าเป็นไหนๆ!
เพียงแต่ชายผู้นี้ไม่มาให้นางปรนนิบัติรับใช้ แต่กลับมาพาตัวเฉินเสียนไปเสียนี่!
เหตุใดชะตาชีวิตของคนเราถึงได้แตกต่างกันราวฟ้ากับดินเช่นนี้!
คอมเม้นต์