ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 189 เสียงประสาน
เธอยากที่จะควบคุมความต้องการของร่างกายได้ ความเป็นชายได้บุกเข้าไปอย่างรุนแรงและรวดเร็ว พริบตาเดียวก็สามารถเติมเต็มได้ เธอทั้งร้องเสียงต่ำและไม่สามารถควบคุมการต้อนรับนั้นได้
ทางด้านในสวนดอกไม้นั้นมีการแสดงอย่างสนุกสนาน ส่วนอีกด้านของหลังเรือนนั้นเต็มไปด้วยความรักสีแดงที่สวยงาม
เวลาต่อมาเซียงหลิงรีบวิ่งมาที่สวนดอกไม้อย่างร้อนรน พูดด้วยความตกใจกลัวต่อหน้าเหล่าขุนนางเพื่อนร่วมงานที่เป็นมาแขกของฉินหรูเหลียงว่า “แย่แล้ว แล้วท่านแม่ทัพ! นายหญิงหายตัวไป!”
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้ว พูดอย่างรำคาญว่า“ คนทั้งคน จะหายไปได้อย่างไรกัน?”
เซียงหลิงพูดด้วยน้ำตาไหลพรากว่า “นายหญิงดื่มเหล้าไปนิดหน่อยเมื่อตอนค่ำ ฤทธิ์ของเหล้านั้นแรง ดื่มไปแล้วทำให้มีอาการมึนงง บ่าวแค่ไปเอาน้ำแก้เมาเหล้าให้ ใครจะไปคิดว่าหลังจากนั้นจะไม่เจอนายหญิงอยู่ในเรือนแล้ว บ่าวไปหาทุกที่ที่จะสามารถหาได้แล้ว ก็ไม่พบนายหญิงเลยแม้แต่เงา!”
เวลานั้นฉินหรูเหลียงออกจะดูรีบร้อน
เขาไม่ควรพาหลิ่วเหมยอู่ไปสัมผัสกับเหล้า
ถ้าดื่มเหล้าจนเมาแล้วไปเกิดเรื่องจะทำอย่างไร ทางเดินระหว่างในสวนดอกไม้นั้นมีทะเลสาบที่กว้างใหญ่อยู่หนึ่งแห่ง ถ้าเกิดตกลงไปในทะเลสาบนั่นแล้วไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น
ดังนั้นฉินหรูเหลียงจึงนำคนออกตามหา
ที่สวนดอกพุดตานแน่นอนว่าไม่มีแม้แต่เงา ฉินหรูเหลียงจึงส่งคนลงไปงมในทะเลสาบเพื่อค้นหา
เหล่าญาติพี่น้องของนายหญิงทั้งหลายนั้นก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะชมการแสดงต่อไป
เฮ่อโยวเงยหน้ามองการแสดงที่กำลังสนุกสนาน จับมืออยู่ข้างกายเฮ่อเซียง แล้วพูดอย่างหวังว่าจะทำให้สามารถบรรลุเป้าหมายของตนเองได้ “ท่านพ่อ ท่านไม่ได้นึกถึงมิตรภาพความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับท่านแม่ทัพหรอ ตอนนี้คนรักของท่านแม่ทัพหายตัวไป ท่านเองก็เป็นถึงหัวหน้าของขุนนางทั้งหมด ควรจัดกลุ่มทุกคนเพื่อช่วยในการค้นหานะ ”
เฮ่อเซียงจ้องมองแล้วพูดว่า “ นี่เป็นเรื่องของบ้านเขา ยิ่งไม่ใช่เรื่องของทางราชการ ไอ้เจ้าเด็กนี่พูดให้มันน้อยๆหน่อย!”
เฮ่อโยวทำสายตาไร้เดียงสา แล้วพูดว่า “เป็นเรื่องคนอื่นนั้นก็จริง แต่พวกเรานั้นต่างมาเป็นแขกของจวนเขานี่ หรือถ้าเกิดเรื่องถึงชีวิตและความตาย มันก็จะกลายเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ”
ถึงแม้เฮ่อโยวปกติจะชอบใส่ร้ายพ่อตัวเอง แต่เฮ่อเซียงลองคิดอย่างถี่ถ้วนดูแล้ว ที่เขาพูดนั้นดูไม่ใช่ไม่มีเหตุผล
ดังนั้นจึงยืนขึ้น แล้วไปจัดตั้งกลุ่มคนเพื่อช่วยค้นหาอีกแรง
นายหญิงเหล่านั้นที่ชอบการซุบซิบนินทาอยู่แล้ว จึงไม่สามารถควบคุมได้ รวมตัวกันเป็นกลุ่มแล้วเดินเที่ยวชมสวน
ด้านหลังเรือนของท่านแม่ทัพนั้นกว้างใหญ่ ข้ารับใช้ออกตามหาในเพื้นที่บางส่วนที่ไม่มีใครอาศัยอยู่ เหล่านายหญิงก็เดินตามทางที่มีแสงเพื่อตามหา
มีกลุ่มของนายหญิงกลุ่มหนึ่งมาที่สวนเซียงเสวี่ย แล้วพบว่าที่นี่มีเปิดไฟอยู่
ถามพวกบ่าวใช้ในจวนจึงรู้ว่า เดิมทีที่นี่เป็นที่อยู่ของภรรยาคนที่สาม แต่หลังจากที่ภรรยาคนที่สามออกไปแล้วที่นี่จึงว่างไม่มีใครอยู่
แม้จะยังไม่ทันได้เข้าไปในเรือน ก็ได้ยินเสียงผู้หญิงกับผู้ชายกำลังประสานเสียงกันอยู่ ผู้คนต่างพากันตกใจ
ฝ่ายหญิงส่งเสียงยั่วยวนออกมา ส่วนฝ่ายชายก็ส่งเสียงหอบตามกันมา เหล่านายหญิงแค่ฟังก็รู้ชัดว่าข้างในนั้นกำลังเกิดเหตุการณ์อะไรกันอยู่
การสู้รบข้างในนั้นยังคงต่อเนื่อง เหล่านายหญิงไหนเลยจะกล้ายุ่งเรื่องพวกนี้ มีนายหญิงท่านหนึ่งมีความคิดที่ดีสั่งบ่าวใช้ให้รีบไปตามฉินหรูเหลียงมา
ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ก็ให้ฉินหรูเหลียงเป็นคนจัดการ
ฉินหรูเหลียงรีบร้อนมาถึงด้านหน้าสวนเซียงเสวี่ย เวลาที่ได้ยินเสียงนั้น ร่างกายก็ตึงเครียดไปหมด ทั้งมือและเส้นเอ็นที่หน้าผากโผล่ขึ้นมา
เขาไม่รู้ว่าชายผู้นั้นเป็นใคร แต่เสียงของฝ่ายหญิงนั้นเขายิ่งฟังยิ่งคุ้นหู
ฉินหรูเหลียงก้าวเท้าอย่างแรง เดินแต่ละก้าวเข้าไปข้างใน
หลิ่วเหมยอู่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร เธอเพียงแค่รู้สึกว่าตัวเองนั้นเหมือนราวกับสระน้ำ รูขุมขนทุกอณูนั้นร้องออกมาอย่างมีความสุข
เธอไม่ได้สนใจว่าคนบนเรือนร่างเธอนั้นคือใคร ขอเพียงแค่เขาเหมือนกับท่านแม่ทัพก็พอ
ดังนั้นร่างที่อยู่ด้านบนจึงไม่หยุดที่จะนำสิ่งที่ตั้งตระหง่านเข้าไปในตัวเธอ ส่วนเธอก็ไม่หยุดที่จะโยกสะโพกขึ้นตอบรับ ปากก็เรียกชื่อไม่หยุด “ท่านแม่ทัพ……ท่านแม่ทัพเร็วหน่อย……เหมยอู่ยังต้องการอีก……”
ฉินหรูเหลียงถีบประตูเข้าไปอย่างเต็มแรง จึงได้เห็นเหมือนกับการได้เห็นภาพที่น่าเกลียดน่ากลัว เช่นเดียวกับคำพูดของหลิ่วเหมยอู่ที่พูดออกมาอย่างน่ารังเกียจ
ร่างกายของชายป่าเถื่อนบนตัวเธอนั้นเต็มไปด้วยเหงื่อไหลย้อย ถึงเวลาสำคัญนั้นจะหยุดก็หยุดไม่ได้
สายตาของหลิ่วเหมยอู่ดูเฉื่อยชา อีกทั้งยังไม่ม่สติรับรู้ว่าตอนนี้กำลังเกิดอะไรขึ้น
“เหมยอู่ต้องการ……”หลิ่วเหมยอู่ร้องครางออกมาอย่างนุ่มนวล
ฉินหรูเหลียงเห็นกับตาตัวเอง เธอร่วมรักกับคนอื่น เคลื่อนไหวอย่างคลื่นภายใต้ร่างผู้อื่น
จิตใจของเขานั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยหลิ่วเหมยอู่เรื่องความปลอดภัย จึงพาคนมากมายไปงมหาในทะเลสาบ
เมื่อเป็นแบบนี้เขาจะอดทนได้อย่างไร
ทันที่หลังจากที่เหล่านายหญิงได้เห็นเรื่องลับเฉพาะ ต่างร้องด้วยเสียงตกใจ
ทันใดนั้นฉินหรูเหลียงจึงรีบไปที่เตียง เพื่อดึงสองคนนั้นให้ออกจากกัน
ทั้งสองคนนั้นก็ยังไม่รู้สึกตัว ฉินหรูเหลียงโกรธมากจนเอามือไปดึงคอผู้ชายคนนั้น แล้วใช้กำลังโยนเขาให้ล้มลงไปกระแทกกับกำแพง
กำลังที่แรงมาก ทำให้ชายผู้นั้นแขนขาถึงกับอ่อนแรงลงไปกองกับพื้น ที่ปากมีเลือดไหลออกมา แต่ก็ยังไม่ได้สติว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
ชั่วพริบตาเดียว ชายผู้นั้นก็ถูกเขาหมุนหักคอ ทำให้เสียชีวิตลง
ในที่สุดหลิ่วเหมยอู่ก็ได้สติขึ้นมานิดหน่อย เพราะเสียงร้องที่ตกใจกลัวเมื่อได้เห็นเลือด
ต่อมาเธอจึงพบว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้าแม้แต่เสื้อผ้าชิ้นเดียว เปลือยเปล่าต่อหน้าผู้คนทั้งหลาย สีหน้าซีดขาวแล้วก็พยายามหาที่หลบ ร้องไห้อย่างหดหู่ใจ “เกิด เกิดเรื่องอะไรขึ้น……”
นัยน์ตาเธอที่มีน้ำตาคลอเบ้าหันไปทางฉินหรูเหลียง พยายามแล้วดึงมือเขาไปหา
แต่เมื่อฉินหรูเหลียงเพิ่งเห็นภาพที่สองมือของเธอนั้นพัวพันอยู่บนตัวของผู้ชายอื่น
ฉินหรูเหลียงก็แสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและผิดหวัง จึงเอามือออก แผดเสียงคำรามอย่างกับสัตว์ดุร้าย“ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าเองยังไม่รู้อีกรึ?”
“ท่านแม่ทัพท่านโปรดเชื่อข้า ข้าได้รับความไม่เป็นธรรม! ข้าถูกใส่ร้าย!”
ฉินหรูเหลียงพูดอย่างเย็นชาว่า “ข้าเชื่อในสิ่งที่ตาข้าเห็น เจ้ามีอะไรกับคนอื่น นี่ยังจะเรียกว่ามีคนไม่ให้ความเป็นธรรมกับเจ้ารึ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายคนไหนที่อยู่ข้างกายเจ้า เจ้าก็พามาเสพสุขทั้งหมดเลยรึ?”
“ท่านแม่ทัพไม่ใช่อย่างนั้น……”หลิ่วเหมยอู่ร้องทั้งน้ำตา
เหล่านายหญิงที่รู้เรื่องภายในบ้านของท่านแม่ทัพ ต่างแยกย้ายกันไปด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อปนตกใจ
ฉินหรูเหลียงไม่ยอมชายตามองเธอเช่นกัน ตอนนั้นเขาตั้งใจทำจริง บนเรือนร่างของเธอในขณะนั้นปรากฏให้เห็นเพียงคำคำเดียว นั่นก็คือ—— สกปรก
เขาหันตัวกลับ ด้วยสายตาที่ซ่อนความทุกข์เอาไว้แล้วจากไป
หลิ่วเหมยอู่เจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิต “ท่านแม่ทัพท่านฟังข้าก่อน เหมยอู่ไม่รู้อะไรทั้งนั้นจริงๆ……”
ทันทีหลังจากนั้นเซียงหลิงก็เข้ามา ทั้งนายและบ่าวก็ร้องไห้กันอย่างเจ็บปวด
เซียงหลิงพยุงหลิ่วเหมยอู่กลับสวนดอกพุดตาน นำน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้แก่นาง
งานเลี้ยงคืนนี้ต้องยุติลงอย่างรีบร้อน
สงสัยต้องรอวันพรุ่งนี้ เรื่องที่ฉินหรูเหลียงนั้นถูกสวมเขาต้องรู้กันไปทั่งเมืองหลวง
คืนนั้นฉินหรูเหลียงก็ใจเย็นลง อยากจะตามหาความจริงแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหน
เพราะว่าไม่มีใครรู้ว่าชายชู้คนนั้นคือใคร เขาถูกฉินหรูเหลียงฆ่าเสียก่อน ทำให้ตัดขาดการหาเบาะแส
เวลานี้สวนดอกพุดตานนั้นโกลาหลกันไปหมด
ไม่ว่าจะกรณีใดๆก็ตาม หลิ่วเหมยอู่อยากจะจมน้ำให้ตายอยู่ในถังอาบน้ำ
เซียงหลิงห้ามไว้ทัน ไม่กล้าออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว ทำได้แต่เพียงบอกแม่เฒ่าที่มาเติมน้ำนั้นให้รีบไปเชิญฉินหรูเหลียงมา
รอเวลาที่ฉินหรูเหลียงมาหา หลิ่วเหมยอู่เกือบจะสิ้นลมแล้ว
ใบหน้าน้อยๆของนางขาวซีด เต็มไปด้วยน้ำตา แลดูน่าสงสาร
เมื่อเห็นฉินหรูเหลียงมา หลิ่วเหมยอู่จึงพูดว่า “เหมยอู่รู้สึกละอายแก่ใจที่กล่าวคำอำลากับท่านแม่ทัพ มีเพียงหนึ่งความตาย แต่เหมยอู่อยากขอวิงวอนท่านแม่ทัพ ท่านต้องทำให้เหมยอู่นั้นบริสุทธิ์……เหมยอู่ไม่รู้ว่านั่นไม่ใช่ท่านแม่ทัพ……เหมยอู่ไม่มีสติ ไม่มีเรี่ยวแรง คิดว่า คิดว่าเป็นท่านแม่ทัพอยู่ในห้องนอนกับข้า……”
พูดจบนางก็เอามือขึ้นมาปิดหน้าแล้วร้องไห้ออกมา “ไม่อย่างนั้นข้าตายก็อย่าได้ปล่อยเขาไป…… เป็นเขาที่ข่มขืนเหมยอู่ เหมยอู่เป็นเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย……”
คอมเม้นต์