ข้าคือหงส์พันปี – บทที่204 ข้าไม่อยากเจอท่านอีกต่อไป
ซูเจ๋อมองดูเธอราวกับจะมองทะลุผ่านเธอไป
เฉินเสียนยังคงหัวเราะและพูดว่า “คิดว่าคงทานมาแล้ว ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ขอให้ท่านมานั่งกินกับข้าแล้ว ในเวลานี้ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
หลังจากผ่านไปนาน ซูเจ๋อก็พูดว่า “ข้าได้รับของขวัญแล้ว เลยมาดูสักหน่อย”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ข้าเพิ่งรู้เกี่ยวกับครอบครัวที่สามัคคีและงดงามของท่านวันนี้ ถ้ารู้ก่อนหน้านี้ ข้าจะเตรียมของขวัญดีๆ ไว้ให้แน่นอน วันนี้ที่ตลาดก็ไม่มีอะไรให้ซื้อ เลยต้องซื้อผลไม้แห้งเพื่อเป็นสิริมงคลเท่านั้น”
“อวยพรให้ข้ามีลูกเร็วๆ กับใครหรือ?”
เฉินเสียนพูด “ที่เรือนท่านไม่ใช่มีสองคนรึ กับใครอย่างน้อยต้องดูที่ท่านชอบ”
“ข้าจะชอบใครดีกับใคร ไม่ได้อยู่ที่พวกนาง”
เฉินเสียนลุกขึ้น ปัดมุมเสื้อผ้าของเธออย่างสบาย และพูดอย่างไม่มีอะไรเกิดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นท่านยังชอบใคร ก็ขอองค์จักรพรรดิประทานให้กับท่านอีกก็ได้ ถึงยังไงก็แค่เพิ่มผู้หญิงเพียงคนเดียวคงไม่เป็นไร”
“ถ้าองค์จักรพรรดิสามารถประทานให้ได้” ซูเจ๋อมองเฉินเสียนอย่างแผ่วเบา “ข้าคงจะไม่รอจนถึงวันนี้”
เฉินเสียนโค้งริมฝีปากและเยาะเย้ย “อ้อ ข้าจำได้แล้ว ท่านกำลังพูดถึงเด็กกำพร้าคนนั้นรึ นางแต่งงานแล้ว และจักรพรรดิไม่สามารถทำลายความสัมพันธ์การแต่งงานได้ แต่ข้าคิดว่า สองคนที่เข้ามาในเรือนของท่านท่าทางไม่เลว เพียงพอที่จะไว้ปลอบใจตัวเองได้”
เธอพูดพร้อมจะเดินออกไปจากห้องทานอาหาร
เพียงแค่ซูเจ๋อยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า และไม่มีท่าทีที่จะตั้งใจหลีกทางเลย
เฉินเสียนขมวดคิ้ว พูดอย่างเย็นชา “ซูเจ๋อ ท่านขวางทางข้าแล้ว”
“จะปล่อยให้ท่านไปอย่างนี้ บางทีข้าก็อาจจะไม่สบายใจ”
“ไม่สบายใจ? พูดมาก็น่าขัน”เฉินเสียนเงยหน้าจ้องมองไปที่ดวงตาของเขา
“ท่านบอกว่าจะไม่เจอกันอีกสักพัก ข้าเชื่อท่าน แต่ท่านรับสองคนนั้นแล้วโดยไม่พูดอะไรเลย ทั้งหมดที่ข้ารู้คือท่านคงมีความสุขในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา
บอกข้าที ว่าท่านไม่สบายใจตรงไหน? ทุกคนรับรู้ ท่านปิดบังข้าเพียงคนเดียว สักพักนี้มันนานแค่ไหนล่ะ? คือจะรอจนภรรยาของท่านมีหลายคน และเต็มไปด้วยลูกหลานของท่านจึงจะบอกข้าใช่หรือไม่?
เช่นนั้นแล้ว ไม่สบายใจจริงควรจะเป็นข้าถึงจะถูก และข้าไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ด้วยซ้ำ
ที่จริงท่านไม่จำเป็นที่จะต้องปกปิดข้า ถึงแม้ข้าจะรู้ก็จะดีใจกับท่านด้วย”
ซูเจ๋อจับข้อมือของเธอและดึงมาที่ด้านหน้า เขาพูดอย่างอดกลั้น “พวกนางสองคนเป็นเพียงแค่คนที่องค์จักรพรรดิส่งเข้ามาในเรือนของข้า จะถือว่าเป็นครอบครัวของข้าได้อย่างไร มีภรรยาหลายคน ลูกหลานเต็มบ้าน ตัวข้าเองคิดว่ารับไม่ไหว และในชีวิตนี้จะมีคู่ชีวิตเพียงคนเดียว อาเสียน ท่านพูดแบบนี้ หึงแล้วใช่หรือไม่?”
เฉินเสียนสีหน้าเย็นชา พยายามสะบัดมือออก และยังพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ในเมื่อจักรพรรดิประทานให้ ก็เข้ามาในเรือนของท่าน กินอาหารของท่าน และนอนในบ้านของท่าน! ท่านบอกว่าข้าหึง ซูเจ๋อ วันนี้ตอนนี้ท่านอยากฟังความจริงหรือเรื่องโกหก?”
ซูเจ๋อพูดด้วยทุ้มต่ำ”ข้าอยากฟังความจริง”
เขากลัวว่าตัวเองจะทำร้ายเฉินเสียน เธอดื้อขึ้นมาก็จะไม่สนใจอะไร เกรงว่าจะทำร้ายตัวเอง ถึงยังไงเขาก็ยอมที่ปล่อยมืออยู่ดี
ข้อมือของเธอเป็นอิสระ และดันขึ้นแล้วคว้าเสื้อของซูเจ๋อ บังคับให้เขาก้มศีรษะเล็กน้อยและเข้าใกล้ใบหน้าของเธอ
ลมหายใจสัมผัสกัน แต่กลับห่างไกลกว่าค่ำคืนนั้น
เฉินเสียนจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา และบอกเขาทีละคำ “ใช่ ข้าหึง แล้วไง”
ซูเจ๋อจ้องมองด้วยความจ้องเขม็ง
“แต่ท่านโกหกข้า ข้าเกลียดมากที่สุดที่ท่านโกหกข้า ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาข้ากังวลอยู่เสมอว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับท่าน แต่ท่านกลับรับอนุภรรยาเข้าเรือน โชคแห่งความรักช่างมากมาย” เฉินเสียนกล่าว
“ท่านจะเชื่อหรือไม่ ข้าเกือบจะชอบท่านแล้ว และข้าคิดว่าไม่ใช่แค่ข้าคนเดียวที่ใจเต้น ข้าคิดว่าท่านอดไม่ได้ที่จะพูดความจริง แต่วันนี้ข้าถึงได้เข้าใจว่าข้าช่างไร้สาระมาก”
“บางที ถ้าท่านบอกข้าก่อนหน้านี้ ข้าก็คงผิดหวัง และข้าคงจะเข้าใจท่านอยู่บ้าง”
“บางที หากท่านไม่เข้าใกล้ข้าตั้งแต่แรก ยั่วยวนข้า ให้มีหลักการสักหน่อย และข้าก็ไม่ต้องโดนท่านหลอก ยิ่งกว่านั้น เหมือนที่กำลังเกลียดท่านอยู่ในตอนนี้”
สีหน้าของซูเจ๋อเศร้าเล็กน้อย และนิ้วมือในแขนเสื้อของเขาโค้งเล็กน้อย
เฉินเสียนหัวเราะเบาๆ และพูดเยาะเย้ยตัวเอง “พูดมาแล้วเป็นข้าเองที่ผิด เป็นเพราะข้าควบคุมตัวเองไม่ดี จึงไม่สามารถต้านทานสิ่งล่อใจนี้ได้”
“แต่ว่าซูเจ๋อ ข้าควรที่จะต้องขอบใจท่าน น้ำเย็นกะละมังนี้สาดมาได้ทันเวลาพอดี ท่านวางใจได้ ต่อไปข้าจะไม่หัวร้อนอีก และจะไม่แม้แค่เกือบหัวร้อนอีกแล้ว ตอนนี้ท่านมีคนอยู่ข้างกายแล้ว ข้าก็จะไม่เข้ามาพัวพันกับท่าน”เธอพูดเสียงแหบแห้ง
“โชคดี ทุกอย่างยังทันเวลา ช่างเถอะ ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป”
ในขณะนั้นเขาอยากจะกอดเธอไว้แน่นๆ แต่ก็กลัวว่าเธอจะเกลียดตัวเองมากกว่านี้
เขาคิดว่าพวกเขาสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ แต่ในที่สุดเธอก็เกลียดเขาแล้ว และทุกอย่างคงไร้ประโยชน์
ซูเจ๋อกล่าวว่า “เป็นข้าที่ทำให้ท่านเสียใจ มันเป็นความผิดของข้า บางครั้งข้าก็เกลียดตัวเองเหมือนกัน ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ทุกที สุดท้ายได้ทำให้ท่านเกลียดข้าด้วยเหมือนกัน”
เฉินเสียนรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อยในใจ ซึ่งทำให้เธอตั้งตัวไม่ติด ความรู้สึกว่ามีรสฝาดได้ไหลจากหัวใจแผ่ซ่านออกไปทั่วร่างกาย”
เธอคิดว่า โชคดีที่ยังไม่เริ่ม และโชคดีที่เท้าเหยียบที่โคลนยังไม่จมลงไปลึก ก็ได้สิ้นสุดลงไปแล้ว
รอให้เธอได้พักผ่อนสักสองวัน ความรู้สึกที่ไม่สบายก็จะหาย
เธอค่อยๆ คลายนิ้วออก หลับตาลงแล้วพูดอย่างเมินเฉยว่า “ต่อไป ความเป็นเพื่อนควรทำให้น้อยลง ข้าเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว และท่านเป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว ไม่เหมาะที่จะไปมาหาสู่กัน ต่อไปก็ไม่ต้องมาหาข้าอีกแล้ว ก็อย่าไปปรากฏตัวในสวนสระวสันตฤดูของข้าอีก ข้าไม่อยากเห็นหน้าท่าน”
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่ง พูดต่อว่า “เอ้อร์เหนียงไม่จำเป็นต้องอยู่กับข้าอีกต่อไป พรุ่งนี้ข้าจะส่งนางกลับ และจะหาแม่นมให้เจ้าน่องน้อยใหม่”
ซูเจ๋อกล่าวว่า “เอ้อร์เหนียงเป็นคนของท่าน ถ้าท่านไม่ต้องการ ข้าจะไม่ไปถามเรื่องที่เกี่ยวกับท่าน”
เฉินเสียนพยักหน้ากล่าว “แบบนี้ก็ดีแล้ว หากข้ารู้ว่านางแจ้งเรื่องของข้าให้ท่านรู้ ก็อย่าหาว่าข้าโหดร้าย ที่ขับไล่นางออกไป”
สิ่งที่ควรจะพูดได้พูดหมดแล้ว เฉินเสียนไม่มีอะไรจะพูด เธอพึมพำ “ซูเจ๋อ หลบไป ข้าจะไปแล้ว”
ในที่สุดซูเจ๋อก็หลบทางให้
เฉินเสียนเดินผ่านข้างเขา กลิ่นหอมจางๆ พัดพาไป
เธอพูดต่อโดยไม่หันกลับ “ขอให้ท่านมีความสุข มีบุตรเร็วๆ ขอให้อายุยืนเป็นร้อยปี และอย่าว่าข้าปากอย่างใจอย่าง ข้าพูดด้วยความจริงใจ”
ซูเจ๋อทำได้เพียงเฝ้าดู เธอยิ่งเดินยิ่งไปไกลขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อจะออกประตูไป ซูเจ๋อพูดนิ่งๆ ว่า “ชิงโจว ช่วยข้าส่งนางกลับไปด้วย”
หลังจากที่เฉินเสียนออกไปแล้ว ในห้องพบได้แต่ความว่างเปล่าทันที
ซูเจ๋อยืนอยู่คนเดียวในสวนสักพักหนึ่ง
ทั้งที่รู้ว่าคืนนี้ไม่ควรอยู่ที่นี่ ยิ่งไม่ควรที่จะมาพบเธอ แต่เมื่อรู้ว่าเธออยู่ข้างๆ สุดท้ายเขาก็ทนไม่ได้
ไม่เจอตั้งนาน อยากจะมาเจอหน้าเธอสักหน่อย
ซูเจ๋อรู้สึกเสียใจเล็กน้อย หากว่าเขาสามารถอดทนที่จะไม่เจอหน้าเธอได้ในเวลานั้น เขาคงจะไม่ได้ยินเธอพูดคำชี้ขาดที่มากมายเช่นนี้
เมื่อซูเจ๋อกลับไปถึงประตูบ้าน ทันทีที่เงยหน้าขึ้นก็เห็นร่างที่สวยงามยืนอยู่ที่สวนหน้าบ้าน
ให้นางสวยงามแค่ไหน ซูเจ๋อก็ไม่ได้สนใจ
นางเป็นหนึ่งในสองนางอนุภรรยา แต่เมื่อเทียบกับที่อื่น นี้มีละเอียดอ่อนและระมัดระวังมากกว่า
เมื่อเห็นซูเจ๋อกลับมา นางจึงถามว่า “เมื่อครู่ใต้เท้าไปที่ใดมาหรือเจ้าคะ?”
คอมเม้นต์