ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 283 นอกจากเอาเสียน ข้าไม่ชอบผู้หญิง
ฉินหรูเหลียงเอ่ยอย่างมั่นใจ “ข้าซาบซึ้งที่ท่านช่วยเธอในยามภยันตรายมาเยือน ทว่าตั้งแต่ต้นท่านก็ไม่อยากทำให้เธอเดือดร้อนอยู่แล้ว งั้นตอนนี้ก็ยิ่งไม่ควรพัวพันกับเธอ”
ซูเจ๋อตั้งใจครุ่นคิดดูแล้วพลันตอบเป็นการเป็นงานว่า “ข้าจะรับไว้พิจารณา”
เฉินเสียนที่อยู่ด้านนอก เพียงแค่ได้ยินน้ำเสียงของเขาก็จินตนาการได้ว่าซูเจ๋อมีสีหน้าเช่นไร จึงอดขบขันไม่ได้
ฉินหรูเหลียงจัดเป็นบุคคลประเภทชำนาญด้านลงมือกระทำ ทางด้านฝีปากไหนเลยจะสู้เขาได้
คำพูดของซูเจ๋อเหมือนไม่ได้รับปาก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ ท่าทีไม่อ่อนไม่แข็ง ทำให้ฉินหรูเหลียงหงุดหงิด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
ฉินหรูเหลียงกล่าวว่า “ทางที่ดีท่านตรึกตรองให้ดีเถอะ ข้าไม่อยากให้ท่านทำให้เธอเดือดร้อน”
“ท่านแม่ทัพเป็นห่วงองค์หญิงปานนี้ ช่างชื่นใจยิ่งนัก”
ฉินหรูเหลียงกำลังใคร่ครวญว่า หากเขากลับตัวกลับใจ เฉินเสียนยังรอเขาอยู่ที่เดิมคงจะดีไม่น้อย
วาจาที่ซูเจ๋อเปล่งออกมาทำให้เขารู้สึกแดกดันเหลือเกิน
ยามที่ฉินหรูเหลียงก้าวออกจากประตูธรณี ยืนนิ่งข้างกายเฉินเสียนแล้วกล่าวว่า “ราชนิเวศน์ไม่ขาดแคลนข้ารับใช้ ต่อจากนี้ให้ข้ารับใช้ทำงานพวกนี้เถอะ ท่านไม่ต้องลงมือทำเองหรอก”
เฉินเสียนเอ่ยอย่างใจเย็นว่า “ข้ายินดีเกี่ยวอะไรกับท่าน”
ฉินหรูเหลียงรู้สึกขุ่นเคือง ประเดี๋ยวมีหมอหลวงมาเปลี่ยนยาให้เขา เขาจะบอกหมอหลวงว่าซูเจ๋อฟื้นแล้ว
เพียงแค่ช่วงเช้าคนทั้งราชนิเวศน์ล้วนรู้เรื่องซูเจ๋อฟื้นจนหมด
ฉะนั้นตลอดทั้งเช้าเรือนนี้ไม่เคยเงียบสงบเลย หมอหลวงกลุ่มใหญ่เข้ามาดูอาการซูเจ๋อเรียบร้อยเสร็จสรรพ พึ่งออกไปไม่นาน องค์จักรพรรดิเย่เหลียงก็นำคนมาเยี่ยมเยียน
ซูเจ๋อพึ่งจะฟื้นขึ้นมา แต่เวลาทั้งเช้าเขากลับต้องเหนื่อยล้ากับการต้อนรับแขกผู้มาเยือน
องค์จักรพรรดิเย่เหลียงบอกให้เขารักษาตัวดีๆ ต้องการอะไรก็บอกได้เลย จากนั้นก็นำคนออกไป
ตอนที่เฉินเสียนยกโอสถเข้ามา เห็นเขาพิงอยู่บนเตียงอย่างฝืนทน ระหว่างคิ้วฉาบฉายความเหน็ดเหนื่อยอย่างไม่ปิดบัง
เฉินเสียนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย กล่าวว่า “ดื่มยาเสียก่อน ประเดี๋ยวข้าจะไปสั่งสอนฉินหรูเหลียงเอง”
ฉินหรูเหลียงเห็นซูเจ๋อดีหน่อยไม่ได้
ยามนี้ฉินหรูเหลียงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฉินเสียนอีกต่อไป เฉินเสียนรู้สึกคันไม้คันมืออย่างไรชอบกล อยากอัดเขาสักฉาดสองฉาด
ทว่าซูเจ๋อกลับไม่มีสีหน้าไม่พอใจ เอ่ยว่า “ช่างเถอะ อาเสียน อย่างไรเสียข้าเตรียมจะเปิดศึกชิงนางกับเขา จะแย่งภรรยาของเขา เขาไม่พอใจก็สมควรแล้ว”
เฉินเสียนชะงัก ซูเจ๋อกล่าวอีกว่า “เขาไม่เต็มใจ หากท่านไปหาเขา เกรงว่าเพื่อเขาจะได้ให้ท่านไปหาเขาหลายๆรอบ คงต้องทำเรื่องอื่นขึ้นอีกเป็นแน่”
เฉินเสียนเอ่ยด้วยความประหลาดใจ “ใช่หรือ?นี่น่าจะเป็นการประลองฝีมือของเด็กๆนะ คนด้านนอกนั้นถึงจะแย่เช่นไร แต่ก็เป็นแม่ทัพใหญ่แห่งต้าฉู่นะ”
ซูเจ๋อก้มหน้าหัวเราะ จากนั้นก็พูดต่อว่า “อาเสียน บางเวลาผู้ชายก็มักจะทำตัวงี่เง่าเหมือนเด็กๆ”
เฉินเสียนหัวเราะ จากนั้นก็เอ่ยอย่างจริงจังว่า “ซูเจ๋อ รอข้ากลับเมืองหลวงก่อน ข้าจะหย่าขาดกับเขา”
เธอพูดว่า “ข้าไม่อยากใช้สถานะฮูหยินแม่ทัพอยู่กับท่าน หากชาตินี้ข้าได้อยู่กับท่านอย่างเปิดเผย ข้าก็ไม่มีอะไรเสียใจแล้ว” เธอพูดไปพลางยิ้มไปพลาง น้ำเสียงมีความย่อท้อต่อความจริงเล็กน้อย “แต่ข้ารู้ว่ามันยากมาก ข้าจะไม่ฝืน ท่านก็ไม่ต้องลำบากใจ”
ซูเจ๋อกล่าว “ยากจริงๆ แต่ข้าจะพยายาม อาเสียน ท่านต้องเตรียมตัวเตรียมใจไว้ด้วย แม้เมื่อกลับถึงเมืองหลวงแล้วสามารถหย่าขาดสำเร็จ พวกเราก็อยู่ด้วยกันไม่ได้ชั่วคราว”
“ข้ารู้ ข้าจะรอ ข้าจะอดทน” ไม่ว่าข้างหน้าจะมีอุปสรรคมากมายเพียงใด เธอก็จะไม่ยอมแพ้
ซูเจ๋อคือบุรุษที่เธอตั้งมั่นไว้ในชีวิตนี้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
“เพียงแต่สตรีอย่างข้าเคยคลอดบุตรมาแล้ว ข้างกายมีเจ้าภาระ คงไม่สะดวกเปิดเผยวสันตฤดูหนที่สอง” เฉินเสียนโน้มตัวอยู่ในอกแกร่งของเขา พร้อมกับจับอาภรณ์ของเขา “ซูเจ๋อ ท่านยังมีเวลาไตร่ตรอง”
ซูเจ๋อกล่าว “นับจากนี้อาเซี่ยนใช้แซ่ซูของข้า คือบุตรชายของข้า ท่านกับข้ามีบุตรชายแล้ว ท่านจะมีวสันตฤดูหนที่สองกับใคร?”
เฉินเสียนเม้มปากหัวเราะเสียงเบา
ซูเจ๋อเอ่ยเสียงอ่อนเบาต่อว่า “อาเสียน ข้าเป็นคนช่างริษยา ไม่ว่าตอนไหนๆ ท่านต้องมีผู้ชายคือข้าเพียงคนเดียว”
เฉินเสียนถาม “แล้วหากท่านมีสตรีอื่นเล่า ควรทำเช่นไร?”
ซูเจ๋อเอ่ย “นอกจากอาเสียน ข้าไม่ชอบสตรี”
หลังจากซูเจ๋อฟื้นได้สติ เฉินเสียนก็ไม่อาจเฝ้าซูเจ๋ออยู่ในห้องอย่างไม่ห่างหายดังเช่นก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว
พวกนางกำนัลในราชนิเวศน์นิ่งเฉยทำเหมือนไม่เห็น แต่ผู้อาศัยตรงข้ามประตูอย่างฉินหรูเหลียงตามรังควานอย่างไม่จบไม่สิ้น ช่างรำคาญใจเสียจริง
ซูเจ๋อพูดถูก เวลาบุรุษทำตัวงี่เง่าขึ้นมาก็ราวกับเด็กอายุสามขวบ ทำให้เฉินเสียนเปิดหูเปิดตาแล้ว
ฉินหรูเหลียงไม่อยากเห็นเฉินเสียนกับซูเจ๋ออยู่ด้วยกันสองต่อสอง หากผ่านไปสักพักไม่เห็นเฉินเสียนออกจากห้องนอนของซูเจ๋อ เขาก็จะมายืนอยู่นอกหน้าต่าง กล่าวเสียงเย็นเยียบ
“บุรุษกับสตรีอยู่ในห้องลำพัง หากแพร่ออกไปคงไม่งาม เฉินเสียนท่านออกมาโดยเร็ว ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่าน”
เฉินเสียนไม่มีเวลาเสวนากับเขา เอ่ยผ่านผนังกำแพง “ข้าไม่มีอะไรคุยกับท่าน”
“แม้ท่านจะไม่มีความรู้สึกต่อข้า แต่ตอนนี้พวกเราเป็นสามีภรรยากัน ข้าคงทนดูท่านอยู่กับบุรุษอื่นไม่ได้ ท่านออกมา”
เสียงตอบกลับฉินหรูเหลียงคือ ถ้วยที่บินออกมาจนตกแตกที่พื้น
ฉินหรูเหลียงเห็นพูดกับเฉินเสียนไม่รู้เรื่อง จึงเริ่มพูดกับซูเจ๋อว่า “ซูเจ๋อ หากท่านปรารถนาดีต่อเธอจริงๆก็ควรคำนึกถึงชื่อเสียงของเธอด้วย เธอเป็นองค์หญิง ไม่เหมาะที่จะนอนค้างแรมห้องขุนนาง”
เฉินเสียนเปลี่ยนยาให้ซูเจ๋อเรียบร้อย เอ่ยว่า “ท่านพักผ่อนเถอะ หากคืนนี้ข้าไม่ออกไป คาดว่าเขาคงยืนพร่ำบ่นอยู่นอกหน้าต่างทั้งคืน”
ยิ่งไปกว่านั้นเฉินเสียนก็ไม่คิดจะนอนค้างห้องซูเจ๋ออยู่แล้ว เขาจำเป็นต้องรักษากาย ไม่เช่นนั้นจะส่งผลต่อการฟื้นฟูบาดแผลของเขาได้
ซูเจ๋อกล่าว “ไม่ต้องคอยเป็นห่วงแต่ข้า ท่านก็ควรพักผ่อนแล้ว ห้องนอนของท่านอยู่ด้านข้าง?”
“อืม”
ซูเจ๋อหรี่ตาพูดว่า “เช่นนั้นก็กลับห้องไปนอนเถอะ”
เฉินเสียนมองใบหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นของเขา เกรงว่าข้างในหัวใจแทบไม่อยากให้เธอคุยกับฉินหรูเหลียงสักประโยคเลย โดยปล่อยให้ฉินหรูเหลียงยืนอยู่ด้านนอกทั้งคืนไปเลย
เธอยกริมฝีปากโค้งอย่างตลกขบขัน โค้งตัวลงมาจัดแจงผ้าห่มให้เขา เอ่ยพูดอ่อนนุ่ม “กลางคืนหนาว ต้องนอนดีๆ อย่าให้เป็นหวัดได้ละ”
ซูเจ๋อถือโอกาสหันหน้ามาหอมแก้มเธอ พลางตอบด้วยความครึ้มใจอย่างขี้เกียจ “ข้ารู้แล้ว”
เฉินเสียนหูแดง หันหน้าเดินออกไปโดยไม่เหลียวมองเขา
ซูเจ๋อคล้ายกับหัวเราะบางๆ เขาพบว่าเฉินเสียนยิ่งอายก็ยิ่งงดงาม
เฉินเสียนเปิดประตูห้องออกมามองฉินหรูเหลียงอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็กลับเข้าห้องตัวเองโดยไม่ทิ้งคำใดไว้เลย
ฉินหรูเหลียงก็ไม่ได้ยืนอยู่ในลานบ้านต่อ เขาก็กลับเข้าห้องนอนของตัวเอง
หน้าต่างห้องเฉินเสียนไม่ได้ปิด สามารถเห็นการเธอเคลื่อนไหวเป็นครั้งคราว
พอเฉินเสียนรู้ตัวว่าฉินหรูเหลียงที่อยู่ตรงข้ามจับตามองเธอมาโดยตลอด เธอก็รีบปิดหน้าต่างทันที
ฉินหรูเหลียงรู้ว่าเขายิ่งทำเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เธอเกลียดชังมากขึ้น
ทว่านอกจากเช่นนี้แล้ว เขาก็หาเหตุผลและวิธีอื่น เพื่อจะได้คุยกับเธอนานขึ้น จะได้มองหน้าเธอเพิ่มขึ้นไม่ได้อีกแล้ว
ถึงตอนนี้เขายังอยากกอบกู้ ประคับประคองชีวิตคู่ต่อไป เขาไม่อยากถอนตัว
คอมเม้นต์