ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 376 เหมือนท่านยามนี้
เฉินเสียนสัมผัสปลายลิ้นของซูเจ๋อ ถูกเขายั่วเย้าจนต้องพัวพันกับเขา โดยรู้สึกว่าตนแพ้พ่ายอย่างถอดตัวไม่ขึ้น
เฉินเสียนครางเสียงออกมาอย่างไม่รู้ตัว เรี่ยวแรงของเธอค่อยๆถูกดูดออกจากเรือนร่าง สองเท้าอ่อนยวบราวกับเหยียบบนดอกฝ้าย
ซูเจ๋อโอบเอวเธอเข้ามาสวมกอดอย่างแนบแน่น
เฉินเสียนเอื้อมมือไปคล้องเอวซูเจ๋อ ย้ายจากบริเวณเอวมาอยู่หลังไหล่ของเขาพร้อมกับใช้แรงทั้งหมดที่มีโอบกอดเขาเอาไว้
เมื่อใกล้จะหายใจไม่ออก ซูเจ๋อจึงให้โอกาสเธอหายใจ พลางกระซิบถามเสียงแหบพร่าว่า “พอหรือยัง?”
เฉินเสียนมองเขาด้วยแววตาพร่ามัว ส่ายหัวตอบว่า “ไม่พอ”
ซูเจ๋อจึงจูบต่อไปอีก
มือข้างหนึ่งของเขาโอบเอวเธอ ส่วนอีกข้างก็จับท้ายทอย แล้วจูบเธออย่างมืดฟ้ามัวดิน
ทุกครั้งที่เธอใกล้จะหายใจไม่ออกอยู่รอมร่อ เขาก็จะหยุดแล้วถามเธอว่าพอหรือยัง
เหตุการณ์ลักษณะนี้ดำเนินไปเรื่อยๆ จูบลึกบ้างตื้นบ้างอย่างเพลิดเพลิน
ปรารถนาอยากให้เป็นแบบนี้จนชั่วฟ้าดินสลาย
ในที่สุดเธอก็ได้กอดเขาอย่างหนำใจเสียที มือจับอาภรณ์อันเป็นระเบียบของเขาด้วยความอิ่มเอมใจ
คลับคล้ายคลับคลาว่าจะได้ยินเสียงฝีเท้าบริเวณชายคาหน้าเรือน ทว่าเธอไม่แยแส
เจ้าของเสียงฝีเท้าคือลูกเจ้าของเรือนผู้มีทรงผมหัวจุกเฉกเช่นตุ๊กตานำโชคของชาวจีนและสวมเสื้อคลุมปุยฝ้ายกำลังวิ่งพล่านเข้ามา ก่อนจะหยุดแล้วยืนจ้องอยู่หน้าประตูด้วยความสงสัย
สตรีเจ้าบ้านออกมาก็ปิดตาบตรชายของตน แล้วลากเขาเข้าบ้าน พร้อมกับพึมพําว่า “เป็นเด็กเป็นเล็กดูอะไรกัน”
เด็กถามอย่างไร้เดียงสา “ท่านแม่ พวกเขาทำอะไรกัน?”
“กำลังเล่นกันอยู่”
“ข้าก็จะเล่น”
“มีแต่ผู้ใหญ่เล่นอย่างนี้ได้ อายุเท่าเจ้าต้องทำการบ้านอย่างเดียว”
ยามที่ค่อยๆหยุดจากการจูบ ซูเจ๋อก็คลายเธอออก แล้วถอยออกไปเล็กน้อย
เฉินเสียนหายใจอย่างไม่เป็นจังหวะ พลางเผยริมฝีปากบวมแดงและคางที่แดงระเรื่อ รับกับผิวขาวดุจหิมะในยามเหมันตฤดู จนกลายเป็นภาพงดงามน่าหลงใหล
เธอได้ยินบทสนทนาของสองแม่ลูกพลันเม้มปากอย่างอดไม่ได้ แววตาที่ทอแสงแวววาวไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แววตาซูเจ๋อเกิดคลื่นน้ำวนที่เกือบกลืนเฉินเสียนเข้าไปอยู่รอมร่อ
“เมื่อครู่มีเด็กกับมารดาของเขาเห็นแล้ว” เฉินเสียนกล่าวเสียงแหบพร่า
“ไม่ต้องกังวล ข้าบังหน้าท่านอยู่”
“ท่านคิดจะปิดหูขโมยกระดิ่ง”
“ข้ายังไม่พอ”
เฉินเสียนมองเขาแล้วอดหัวเราะไม่ได้ เขาก็ไม่ได้ดีไปกว่าตนเลย
เขาก็ทรมานจากความคิดถึงเช่นกัน ไม่งั้นคงไม่สวมหน้ากากล่อเธอมาที่นี่หรอก
เฉินเสียนยิ้มน้อยๆ ยื่นมือจับใบหน้าเขา ไปที่ https://th.booktrk.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน!
“หากไม่ปล่อยท่านมา เกรงว่าท่านคงเกลียดชังข้าแล้วละ”
เฉินเสียนไปนวดคอด้านหลังให้ซูเจ๋อ พลางกล่าวว่า “ลำบากท่านแล้ว ทั้งๆที่หลบได้ แต่ก็ปล่อยให้ข้าทุบแล้วแสร้งทำเป็นสลบ”
“ท่านลงมือหนักมาก ถึงแม้จะไม่ได้สลบทันที แต่ก็ไม่วายรู้สึกเวียนศีรษะไปชั่วขณะ”
เฉินเสียนหยุดนวดแล้วกล่าวเสียงบางเบาว่า “อันที่จริงท่านไม่ควรกลับมา ข้ากับเจ้าน่องน้อยถูกขังอยู่ในเมืองหลวง แต่ท่านสามารถสานฝันต่อที่นอกเมือง”
ซูเจ๋อกล่าว “หากภายภาคหน้าจักรพรรดิต้าฉู่เอาท่านกับเจ้าน่องน้อยมาข่มขู่ข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร ไหนๆท่านก็กลับมาแล้ว ข้าก็ต้องกลับมาสิ”
เขาจับเรือนผมที่สยายลงมา พลางถามด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม “ได้เข้าวังไปหาเจ้าน่องน้อยมาแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเด็กดีหรือไม่?”
เฉินเสียนกล่าวอย่างอบอุ่นใจ “เด็กดีมาก ไม่เจอกันครึ่งปี แต่เขายังจำข้าได้ ข้าดีใจเหลือเกิน”
“เจ้าน่องน้อยเดินได้แล้ว เวลาเดินมักจะโซเซไปมา น่ารักขนาด”
“สุขภาพเขาก็ดีขึ้นแล้ว ไม่ได้ป่วยหนักอย่างที่คิด ยามนี้แม้ต้องถูกเลี้ยงอยู่ในวังจนไร้อิสระ แต่ขอเพียงร่างกายแข็งแรง ข้าก็วางใจแล้ว”
ซูเจ๋อตอบ “อืม “หนึ่งคำ แล้วก็ตั้งใจฟังเฉินเสียนพูดเจื้อยแจ้วไปเรื่อยๆถึงเรื่องเจ้าน่องน้อยอย่างเงียบๆ
เหมือนเฉินเสียนจะมีเรื่องให้เล่าถึงเจ้าน่องน้อยอย่างไม่รู้จบ เธอจับเสื้อของซูเจ๋อ ระหว่างคิ้วเผยสีหน้าสดใส กล่าวต่อว่า
“เพียงแต่เขาเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องมีคนช่วยพยุง”
ซูเจ๋อรับคำ “เรื่องธรรมดา เขายังเด็ก กระดูกยังไม่แข็งพอ”
“ยังมีอีก ฟันเขากำลังออกน้ำลายชอบไหล” เฉินเสียนยิ้มอย่างหวานฉ่ำ “เพียงแต่ข้ารู้สึกว่าน้ำลายไหลก็น่ารักมากมาย ทว่านิสัยของเขานานวันก็ยิ่งเงียบขึ้นเรื่อยๆ ไม่ร้องไม่โวยวาย ไม่ร่าเริง ไม่ชอบเคลื่อนไหว เขาตั้งใจนั่งฟังคนอื่นเอ่ยอย่างเงียบๆ ไม่รู้ว่าฟังเข้าใจมากน้อยเพียงใด”
ซูเจ๋อกะพริบตาปริบๆอย่างเหลือเชื่อ
เฉินเสียนมองเขาปราดหนึ่ง จากนั้นหัวใจก็กระตุก กล่าวว่า “เหมือนกับท่านในยามนี้”
ซูเจ๋อยิ้มคล้ายมีคล้ายไม่มีออกมา
เฉินเสียนก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก กล่าวต่อไปว่า ” สองครั้งก่อนที่แล้ว ตอนที่ข้ากับฉินหรูเหลียงเข้าวังไปเยี่ยมเจ้าน่องน้อย เมื่อฉินหรูเหลียงคิดอยากอุ้มเขา เจ้าน่องน้อยก็ฉี่ราดใส่เขาทั้งตัว”
เล่าเรื่องพวกนี้ให้ซูเจ๋อฟัง เฉินเสียนถึงรู้สึกว่าตลกสิ้นดี
ซูเจ๋อกล่าวเสียงลากยาวว่า “เพราะไม่ใช่บิดาผู้ให้กำเนิด เขาไม่ยอมเข้าใกล้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ”
แววตาเฉินเสียนเก็บซ่อนความตื่นเต้นไม่อยู่ กล่าวอีกว่า “ตอนข้าออกมา เจ้าน่องน้อยก็ปีนลงมาจากเตียง แล้วยืนมองข้าที่ประตู เหมือนเขาจะเรียกข้า‘เสียงอ้อแอ้’ด้วยนะ”
เฉินเสียนถามเขา “ท่านว่าฟังแล้วเหมือนเขากำลังเรียก ‘ท่านแม่’หรือเปล่า?”
ซูเจ๋อมองเธอ กล่าวเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล “เหมือน”
“ข้าก็คิดว่าตอนนั้นเขาเรียก‘ท่านแม่’” ความตื่นเต้นพัดผ่านหัวใจเฉินเสียนไป จากนั้นก็ค่อยๆมีความโศกเศร้าเข้ามาเกาะกุมหัวใจแทน ดวงตาเริ่มมีน้ำตาซึมออกมา “ไม่เสียแรงที่เลี้ยงลูกชายคนนี้ วันนั้นเขายืนจับประตูแล้วใช้แววตาอาลัยอาวรณ์มองข้าอย่างน่าสงสาร ข้าไม่อาจลืมเลือนเลย”
ซูเจ๋อกอดเธอไว้ในอ้อมแขน กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ต่อจากนี้ ข้าจะให้เขาเติบโตภายใต้การดูแลของท่าน”
เฉินเสียนกอดเขากลับ ใบหน้าแนบชิดแผ่นอกของเขาด้วยความหลงใหลในกลิ่นกายเขา กล่าวเสียงสะอื้นว่า “ซูเจ๋อ ท่านสอนข้าที ข้าควรช่วยเจ้าน่องน้อยอย่างไร?”
“อย่ารีบร้อน เอาตัวท่านให้ปลอดภัยก่อน แล้วค่อยคิดหาหนทางกัน”
เฉินเสียนเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ขอเพียงกลับมาไม่ให้เธอทอดทิ้งเจ้าน่องน้อย เรื่องอื่นเธอก็จะเชื่อฟังเขาทุกอย่าง
สองฝ่ามือเธอวางอยู่ที่ไหล่เขา นิ้วมือจับเส้นผมของเขาเล่น ซูเจ๋อก้มหน้าเอาจมูกมาติดกับจมูกเธอ
เธอรู้สึกปลอดภัยที่สุด มองเขาด้วยความอ่อนโยน กล่าวว่า “ช่วงนี้หากท่านไม่บาดเจ็บก็จะป่วย ต้องดูแลสุขภาพดีๆนะ ไม่ให้ต้องบาดเจ็บหรือไม่สบายอีกเลยนะ ได้หรือไม่?”
“ได้”
ความอบอุ่นที่ทั้งสองได้สัมผัสในยามนี้ ช่างสั้นเหลือเกิน หากไม่รักษาโอกาสที่ได้ใกล้ชิดในครั้งนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกเมื่อไหร่
เฉินเสียนเข้าใจถ้อยคำที่ซูเจ๋อเคยพูดแล้ว ได้อยู่ใกล้เธอหนึ่งวันโอกาสที่จะอยู่ต่อก็จะน้อยตามไปหนึ่งวัน
ลูกของสตรีเจ้าบ้านฉวยโอกาสตอนมารดาไม่ทันสังเกต แอบเปิดประตูออกมา แล้วจ้องมองทั้งสองที่อาลัยอาวรณ์ต่อกัน พลางกล่าวอย่างใสซื่อบริสุทธิ์ว่า “ข้าทำการบ้านเสร็จแล้ว เหตุใดพวกท่านยังเล่นไม่เสร็จอีก?”
เฉินเสียนคล้องคอซูเจ๋อไว้ พลางยกมุมปากกล่าว “เด็กน้อย มองเยอะๆระวังดวงตาจะเป็นตากุ้งยิงนะ”
คอมเม้นต์