ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 396 นี่มันบังเอิญเกินไป
ฉินหรูเหลียงมองใบหน้าอันซีดเซียวของเฉินเสียนในระยะประชิด เขายั้งตัวไว้และรอ รอให้เฉินเสียนลืมตาขึ้นมา
ถึงแม้จะอยากเอาเปรียบเธอ แต่เขาก็อยากรอให้เธอฟื้นขึ้นมา ฟื้นขึ้นมาดูเขาเอาเปรียบเธอชัดๆ
ขณะที่กำลังจะสัมผัสถึงกัน ริมฝีปากของฉินหรูเหลียงก็เผยอขึ้นเล็กน้อย เขากระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “เฉินเสียน ถ้าท่านไม่ตื่น ชั่วชีวิตนี้ท่านจะไม่มีวันรู้ว่าใครเป็นพ่อแท้ๆ ของเจ้าน่องน้อยนะ บางทีข้าอาจจะรู้ ถ้าท่านตื่น ข้าอาจจะตัดสินใจบอกท่านก็ได้”
มือของเฉินเสียนหยุดการเคลื่อนไหวทันที
ฉินหรูเหลียงยกมุมปากจางๆ ขณะที่เขากำลังโน้มลงไป เฉินเสียนที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรมาเนิ่นนานกลับเบี่ยงหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย
ฉินหรูเหลียงไม่ได้จุมพิตที่ริมฝีปากของเธอ
เมื่อค่อยๆ ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาเหมือนจะเห็นเฉินเสียนลืมตาขึ้นมาอย่างสงบ แววตาคู่นั้นดูเหมือนสะลึมสะลือแต่ก็แฝงไว้ด้วยการติเตียนและความรังเกียจ
ดูเหมือนเธอจะยังมีสติสัมปชัญญะดี
ฉินหรูเหลียงยืดตัวขึ้นและกล่าวว่า “ถูกข้ายั่วโมโหจนฟื้นขึ้นมาได้อย่างที่คิด”
เฉินเสียนเผยอปาก เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ทั้งแห้งผากและแหบพร่าว่า “ท่านรู้จักพ่อของเจ้าน่องน้อยรึ”
ฉินหรูเหลียงมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นพลางบอกว่า “ไม่รู้”
“เมื่อครู่ท่านบอกว่าท่านรู้”
“หมอบอกว่าต้องหาอะไรมาพูดเพื่อกระตุ้นท่าน ที่พูดเมื่อครู่ก็แค่หลอกท่านเท่านั้น”
เฉินเสียนเม้มริมฝีปากที่ไร้สีเลือดของเธอพลางพูดว่า “คนเลว”
“ในภายภาคหน้าเจ้าน่องน้อยจะเติบใหญ่ขึ้น ท่านลองดูเดี๋ยวก็รู้ว่าเขาเหมือนใคร”
เมื่อนึกถึงรูปร่างหน้าตาของเจ้าน่องน้อยซึ่งดูเหมือนแม่ พอโตขึ้นแล้วเขาก็จะเหมือนเฉินเสียนไม่ใช่หรือ ถ้าเป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้เรื่องอะไรนะสิ
เฉินเสียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สองครั้ง
ฉินหรูเหลียงถามว่า “ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง”
“ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย”
“ไม่สบายตรงไหนหรือ” ฉินหรูเหลียงเครียดเล็กน้อย
เฉินเสียนมองเขาอย่างสงบ งอนิ้วเรียกเขาอย่างอ่อนแรง “ท่านมาใกล้ๆ สิ”
เมื่อเห็นว่าสภาพร่างกายของเฉินเสียนดูแย่จริงๆ ฉินหรูเหลียงจึงโน้มตัวเข้ามาใกล้ เมื่อเขาวางมือยันไว้ที่ขอบเตียง เฉินเสียนก็เอื้อมมือมาวางลงบนหลังมือของเขา
ฉินหรูเหลียงก้มลงมองและชะงักงัน
เท่าที่เขารู้ เฉินเสียนจะไม่มีวันเป็นฝ่ายจับมือเขา
เป็นอย่างที่คิด ก่อนที่เฉินเสียนจะชักมือกลับ เธอฉวยโอกาสบิดหลังมือเขา บิดอย่างแรงและพูดว่า “ตอนนี้ข้าเคืองมากจริงๆ”
อันที่จริงเฉินเสียนไม่ได้มีเรี่ยวแรงมากนัก เธอแค่บิดหลังมือของเขาจนเป็นรอยแดง
ฉินหรูเหลียงไม่ถือโทษโกรธเคืองและถามว่า “ตอนนี้ท่านก็บอกได้แล้วสิ ว่าท่านถูกใครลอบทำร้ายจนกลายเป็นเช่นนี้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฉินเสียนก็ปล่อยมือและเอ่ยเรียบๆ ว่า “ข้าไม่ได้ถูกใครลอบทำร้าย เพียงแต่ข้าประมาทและเผลอดื่มบางอย่างเข้าไป” ไปที่ https://th.booktrk.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน!
“ดื่มสุราของเฮ่อโยว”
สีหน้าของฉินหรูเหลียงเปลี่ยนไป
เฉินเสียนก้มหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าข้าจะตายเสียแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ข้ากลับยังไม่ตาย”
หลังจากต้มยาเสร็จ เด็กสาวจึงยกยาเข้ามาให้เฉินเสียน
เฉินเสียนเหลือบมองนางนิดหนึ่ง เมื่อดื่มยาหมดจึงหันไปมองนางอีกครั้งก่อนจะเอนตัวนอนลงบนเตียง เอื้อมมือออกไปให้เด็กสาวตรวจชีพจรพลางเอ่ยว่า “หมอยังเด็กมาก”
เด็กสาวยิ้มและกล่าวว่า “ขอบพระทัยองค์หญิงที่ทรงชมเพคะ”
เฉินเสียนยิ้มอย่างอ่อนแรงและกล่าวว่า “แถมยังคุ้นตามากด้วย”
เด็กสาวกล่าวว่า “ขอบพระทัยเพคะที่องค์หญิงยังจำหม่อมฉันได้ ตอนนี้ใบหน้าของพระองค์หายดีแล้ว ไม่มีร่องรอยการเสียโฉมในตอนนั้นให้เห็นเลยสักนิด หม่อมฉันจำแทบไม่ได้”
เฉินเสียนหรี่ตาและถามว่า “เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร”
คนที่มารักษาเธอตอนนี้คือเด็กสาวที่ช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อสองปีก่อน นี่มันบังเอิญเกินไป
เด็กสาวกล่าวว่า “บิดาของหม่อมฉันบอกว่าที่นี่ให้ค่าตรวจรักษาอย่างงาม จึงให้หม่อมฉันมาลองดูเพคะ”
เฉินเสียนไม่ได้ถามอะไรมากกว่านี้ เธอเพียงแต่บอกว่า “เช่นนั้นอีกครู่หนึ่งก่อนที่เจ้าจะกลับไป อย่าลืมไปขอค่าตรวจรักษาจากพ่อบ้านละ”
เด็กสาวกล่าวว่า “อวัยวะภายในขององค์หญิงได้รับความเสียหาย ทรงพักผ่อนอยู่บนเตียงและอย่าเพิ่งลุกไปไหนมาไหนนะเพคะ เพราะหม่อมฉันก็ไม่รู้เช่นกันว่าพระองค์จะอาการทรุดลงอีกเมื่อไหร่”
เฉินเสียนกระตุกยิ้มมุมปากและเอ่ยว่า “เป็นหมอที่ปลอบใจคนได้แย่ที่สุด เจ้าไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย”
ฉินหรูเหลียงขมวดคิ้วและถามว่า “หมายความว่าอย่างไร นางจะไม่ฟื้นขึ้นมาอีกงั้นหรือ”
เด็กสาวกล่าวว่า “หลังจากฟื้นขึ้นมา ไม่ช้าก็เร็วก็จะหมดสติไปอีก ข้าไม่ได้รักษาอาการของพระองค์ เพียงแต่ช่วยระบายออกให้ แต่อีกไม่นานเลือดก็จะกลับมาอุดตันอีก”
ฉินหรูเหลียงหงุดหงิดเล็กน้อยพลางถามว่า “เช่นนั้นทำไมเจ้าไม่รักษานางเสียเลย”
“ถ้าข้าทำได้ข้าจะเตือนพระองค์ทำไม ต่อไปห้ามเสวยยาที่หมออื่นสั่งอีกนะเพคะ นั่นมีแต่จะทำให้อาการหนักขึ้น” เด็กสาวพูดพลางหันไปเก็บกล่องยาและสะพายไว้บนหลัง นางกล่าวว่า
“ถ้าอยากรักษาให้หายขาด จำต้องกำจัดพิษในร่างกายของพระองค์เสียก่อน ดูจากสภาพตอนนี้ องค์หญิงยังพอมีเวลาอีกมากกว่าครึ่งเดือน”
ฉินหรูเหลียงตกใจมาก เมื่อเห็นว่านางกำลังจะจากไปเขาจึงคว้าตัวนางไว้และถามว่า “เจ้าบอกว่านางถูกวางยาพิษ ถูกวางยาพิษอะไร”
เด็กสาวตกใจเล็กน้อยและตอบว่า “ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”
ฉินหรูเหลียงยังคงดึงดัน เฉินเสียนหลับตาลงและเอ่ยขึ้นมาว่า “ช่างเถิด ปล่อยนางไป ข้าคิดว่านางคงไม่รู้จริงๆ”
ฉินหรูเหลียงเฝ้ามองเด็กสาวเดินออกไปและเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “นางรู้ว่าท่านถูกวางยาพิษ ทั้งยังรู้วิธีบรรเทาอาการของท่าน แต่กลับรักษาให้หายขาด…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ดูเหมือนฉินหรูเหลียงจะคิดอะไรขึ้นมาได้ เสียงของเขาขาดหายไป เขาหันกลับไปมองเฉินเสียน เมื่อเห็นสีหน้าที่เฉยเมยของเธอเขาจึงหยุดไปและไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อตอนที่เฉินเสียนเสียโฉมและกำลังสิ้นหวัง เป็นเหลียนชิงโจวที่หาสถานที่เพื่อช่วยเหลือเธอ
เหลียนชิงโจวเป็นคนของใครย่อมเดาได้ไม่ยาก
จนถึงตอนนี้คนที่มาดูอาการของเฉินเสียนก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่บังเอิญเป็นคนที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้เมื่อสองปีก่อน
เป็นการยากที่จะไม่ให้เขาคิดว่าซูเจ๋อคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหลียนชิงโจวในตอนนั้น
โชคดีที่ซูเจ๋อมีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม โรคที่ผู้อื่นรักษาไม่ได้ แต่ถ้าเป็นเขาจะต้องรักษาได้อย่างแน่นอน
หากเป็นเช่นนี้ก็แสดงว่าเขารู้ความเป็นไปของเฉินเสียนแล้ว ทั้งยังลงมือทำทุกอย่างไปแล้วด้วย
ตอนนี้ทำได้เพียงยืดเวลาให้เฉินเสียน ตราบใดที่ยังแก้ปัญหาทุกอย่างให้จบสิ้นไม่ได้ ต่อให้ช่วยเฉินเสียนได้ จักรพรรดิก็จะกลับมาลงมือกับเธออีกอยู่ดี
ดังนั้นในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ ต่อให้อยากหาคนมารักษาเธอ ก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
ฉินหรูเหลียงอยู่ในห้องอีกพักหนึ่ง ในขณะที่เฉินเสียนครุ่นคิดบางอย่างอยู่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไร
และฉินหรูเหลียงก็เอ่ยขึ้นมาว่า “ท่านเพิ่งจะฟื้น อย่าเพิ่งคิดอะไรมากเลย ยังมีเวลาอีกครึ่งเดือน เดี๋ยวก็ค่อยๆ ดีขึ้นเอง”
เฉินเสียนส่ายศีรษะ
ฉินหรูเหลียงจึงเอ่ยอีกว่า “เฮ่อโยวอยู่ไหน ข้าจะไปถามเขา”
ที่เฮ่อโยวลงมือทำร้ายเฉินเสียนอย่างโหดเหี้ยมคราวนี้ ฉินหรูเหลียงเองก็ยากที่จะเชื่อ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เฮ่อโยวเป็นมิตรหรือเป็นศัตรูกันแน่ แต่เขารู้ว่าช่วงนี้เฮ่อโยวพยายามอย่างหนักเพื่อจะเข้าหาจักรพรรดิและเติบโตเร็วมากในราชสำนัก
ถ้าเฮ่อโยวเหยียบย่ำเฉินเสียนขึ้นไปจริงๆ เขาก็เสียสติไปแล้ว ฉินหรูเหลียงจะไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่
เฉินเสียนเอ่ยอย่างเฉยเมยว่า “ช่างเถอะ ข้ากับเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว นี่คือผลลัพธ์ที่เขาต้องการ ปล่อยเขาไปเถอะ”
เธอไม่อยากเก็บมาคิดแล้วว่าเฮ่อโยวอยากจะทำเธอให้ถึงตายจริงๆ หรือยังหลงเหลือความเมตตาเอาไว้ เพราะกลัวว่าหากคิดไปแล้ว ผลลัพธ์จะไม่เป็นอย่างที่ต้องการ
คอมเม้นต์