ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 402 การกระทำอันธพาล
ซูเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า : “เมื่อครู่นี้ข้าเองได้เตือนท่านแล้ว เพื่อให้ท่านได้เตรียมใจ ทนเอาหน่อย กลั้นใจดื่มรวดเดียวให้หมด”
“มันไม่ใช่แค่ขมนี่สิ” เฉินเสียนหันไปมองซูเจ๋อพร้อมกับพูดขึ้นว่า : “กลิ่นแปลกๆ นั่นมาจากอะไรกัน ท่านเติมอะไรเข้าไป?”
ซูเจ๋อพูดขึ้นอย่างใจเย็นว่า : “ท่านดื่มหมดก่อน แล้วข้าจะบอกท่าน”
“ท่านบอกข้าก่อน ข้าถึงจะดื่ม”
ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้นสูง : “อาจจะขมไปหน่อย แต่นี่เป็นยาดี”
“แล้วสรุปมันคืออะไรกันแน่ล่ะ?”
ซูเจ๋อมองดูถ้วยยาอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหันไปมองใบหน้าเฉินเสียนที่สีหน้าเต็มไปด้วยความสะอิดสะเอียน กลัวว่าหากเขาไม่ยอมบอกเธอก็จะไม่ยอมดื่ม แต่ถ้าหากบอกไปแล้ว เธอก็คงจะยิ่งไม่ยอมดื่มเข้าไปใหญ่แน่ๆ
ซูเจ๋อถอนลมหายใจ สุดท้ายเขาจึงบอกกับเธอว่า : “ดีงู”
เฉินเสียน : “……”
ซูเจ๋อพูดขึ้นว่า : “รสชาติอาจจะแรงและคาวไปหน่อย เพราะบีบมันลงไปในยาขณะที่มันยังมีชีวิตอยู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของตัวยา ข้ากลัวว่าท่านจะดื่มไม่ลง เมื่อครู่จึงให้ท่านทานโจ๊กรองท้องไปก่อน”
เฉินเสียนคลื่นไส้อาเจียน ซูเจ๋อจึงพูดขึ้นว่า : “โจ๊กเนื้องูเมื่อครู่นี้ ท่านก็ยังทานดีๆ อยู่เลย”
ที่แท้แล้วเขาเป็นคนต้มโจ๊กนั่นเอง ก่อนที่เขาจะเข้ามาในสวนสระวสันตฤดู เขาส่งโจ๊กที่ต้มเสร็จแล้วเข้ามาก่อนนี่เอง
สุดท้ายแล้วเฉินเสียนก็ทนไม่ไหว จึงอาเจียนไปสองที แต่ไม่มีอะไรออกมา : “ซูเจ๋อ หากท่านบอกข้าก่อน ข้าจะไม่ยอมดื่มยานี่อย่างแน่นอน”
เธอผลักถ้วยยาคืนให้กับซูเจ๋อ
ซูเจ๋อหรี่ตาลง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านบอกเอง ว่าหากข้ายอมบอกท่านจะยอมกินไม่ใช่หรือ ตอนนี้จะไม่รักษาคำพูดใช่หรือเปล่า?”
“ไม่รักษาคำพูดก็ไม่รักษาคำพูดสิ ถ้าจะดื่มก็ดื่มเอง!” เฉินเสียนปฏิเสธชัดเจน ไม่รักษาคำพูดจริงๆ เสียด้วย เธอจะไม่ยอมดื่มยาถ้วยนี้อย่างเด็ดขาด
“ไม่ดื่มเกรงว่าจะไม่ได้ ยานี่จะช่วยท่านถอนพิษ หากรอให้ยาเย็นลง ประสิทธิภาพของยาจะลดน้อยลงไปด้วย” ซูเจ๋อจ้องมองเธออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมาอย่างมีเลศนัย พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ดูแล้วตอนนี้ท่านก็กระปรี้กระเปร่าดีนี่”
เฉินเสียนจึงพูดขึ้นว่า : “ก็ต้องกระปรี้กระเปร่าแน่นอนสิ ถูกท่านทำให้ข้ามีความฮึกเหิมประดุจมังกรและเสือที่ผาดโผนพอใจหรือยัง!”
ซูเจ๋อยิ้มขึ้นที่มุมปากอย่างมีเลศนัย พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “รู้สึกกระปรี้กระเปร่าก็ดีแล้ว ในเมื่อท่านไม่ยอมที่จะดื่ม ก็ชั่งเถอะ งั้นข้าก็คงต้องดื่มแทนท่านเสียแล้ว”
พูดจบเขาก็ยกถ้วยยาเข้าหาริมฝีปากที่เรียบเฉยนั่น อมยาเข้าไปคำใหญ่
เฉินเสียนอึ้งจนตาค้าง เพราะคิดไม่ถึงว่านาทีถัดมา จู่ๆ ซูเจ๋อก็เอนตัวเข้ามาใกล้เธอ เธอที่ไม่ทันได้ตั้งตัว จู่ๆ ก็ถูกเขารวบแผ่นหลังไว้แน่น
จากนั้นก็ประทับริมฝีปากลงมา เขาเปิดปากเธอออก แล้วสอดปลายลิ้นเข้ามาในปากของเธอ ไปที่ https://th.booktrk.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน! และลิ้นที่อ่อนนุ่มของเขา ความรู้สึกที่ทำให้เธอทั้งหวานเคลิ้มและทั้งต่อต้านในเวลาเดียวกัน
เธอเองกลัวว่าจะกัดโดนเขาเจ็บ ไม่เปิดปากก็ไม่ได้ แต่จะปิดปากลงก็ไม่ได้เช่นกัน
ยาน้ำถูกส่งจากปากของซูเจ๋อเข้าไปสู่ปากของเธอ เธอเบิกตากว้าง ถูกบังคับให้ค่อยๆ กลืนลงไปโดยปริยาย
หางตาเห็นแม่นมซุยยืนอยู่ข้างๆ ค่อนข้างเลือนราง ใบหน้าก็ร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
มือทั้งสองข้างของเฉินเสียนค้ำไหล่ของซูเจ๋ออยู่ น่าเสียดายที่ไม่เพียงแต่จะผลักไม่ออก แต่ยังกลืนยาอึกใหญ่เข้าไปด้วย และยังตามมาด้วยลิ้นของเขาที่ลึกเข้ามาเรื่อยๆ
เธอที่กำลังใจจดใจจ่อกับการต่อต้านซูเจ๋อ ไปที่ https://th.booktrk.com เพื่ออ่านเนื้อหาใหม่ล่าสุดทุกคน!
ปลายลิ้นของซูเจ๋อนัวเนียกับเธออยู่พักใหญ่ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอยากป้อนยาหรืออยากจูบเธอกันแน่ ค่อนข้างเผด็จการและพลการ จนมิอาจต้านทานได้ เฉินเสียนเองก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงจะปฏิเสธและต่อต้าน
เขาค่อยๆ ถอยออกมาช้าๆ ประคองท้ายทอยของเธอเบาๆ ไม่ได้ปล่อย ผมที่นุ่มสลวยของเธอซอกซอนอยู่ตามนิ้วมือ เบาบางดุจขนนกบนฝ่ามือของเขา
ดวงตาของเฉินเสียนแวววาวเป็นประกาย เธอหายใจหอบเล็กน้อย รู้สึกเหมือนเลือดทั้งตัวกำลังพุ่งไปยังศีรษะและใบหน้าของเธอไม่หยุด ใบหน้าของเธอแดงก่ำ จ้องมองซูเจ๋อตาเขม็ง
แววตาของซูเจ๋อลุ่มลึก เขามองไปยังริมฝีปากของเฉินเสียน พูดขึ้นเสียงเบาว่า : “ถือว่ามีเลือดฝาดขึ้นมาหน่อย ยังเหลืออีกหลายคำ มีข้าขมเป็นเพื่อนท่าน รู้สึกว่ามันไม่ได้รสชาติแย่ขนาดนั้นใช่หรือเปล่า”
“ข้าไม่ดื่ม!” เฉินเสียนทั้งต่อต้านและประท้วง : “นี่มันเป็นวิธีการของโจร! เป็นการกระทำของคนอันธพาล!”
ซูเจ๋อไม่ได้สนใจเธอ แต่กลับอมยาเข้าไปคำใหญ่
เฉินเสียนเอนตัวไปข้างหลัง พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “ท่านอย่ามาทำซี้ซั้วนะ แม่นมซุยดูอยู่……”
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ซูเจ๋อก็เอนตัวเข้ามาใกล้ จากนั้นก็ประกบริมฝีปากของเธอทันที
และแล้วก็กลืนยาลงคอไปอีกคำ
เฉินเสียนหายใจค่อนข้างถี่ขึ้น เธอกัดฟันแน่น ไม่แล้วใจที่ตัวเองอ่อนระทวยเมื่ออยู่ใกล้ชิดกับเขาแบบนี้
คราวนี้เธอสูญเสียความมั่นใจในการต่อต้านเขาเป็นอย่างมาก มองดูซูเจ๋ออมยาคำใหญ่มาอีกแล้ว ยาที่ทั้งเหม็นทั้งขมจนแม้แต่คิ้วของเขาเองก็ขมวดด้วย แต่เขาก็ยังมุ่งตรงมาอยู่ดี
เฉินเสียนไม่มีที่จะหลบ เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่าว่า : “ตอนนี้ข้าคือผู้ป่วย ท่านไม่ควรฉวยโอกาสในขณะที่ผู้อื่นตกอยู่ในอันตราย……อื้อ……”
ซูเจ๋อไม่ปล่อยให้เธอได้มีโอกาสพูดต่อ
เมื่อเขาป้อนยาคำหนึ่งเสร็จแล้ว เขาก็มองไปยังใบหูที่คุ้นเคยของเฉินเสียน พร้อมกับพูดขึ้นว่า : “รู้ว่าตัวเองเป็นผู้ป่วย ก็ควรจะตั้งใจดื่มยาดีๆ ท่านไม่ยอมดื่มยา ข้าจึงจำเป็นต้องป้อนยาท่าน”
แนวป้องกันของเฉินเสียนถูกเขาตีจนพ่ายแพ้อย่างราบคาบ
เขามองดูยาน้ำที่อยู่ก้นถ้วย พยายามโอ๋เฉินเสียนว่า : “อาเสียนเด็กดี คำสุดท้ายแล้ว”
ฟังเขาเกลี้ยกล่อมเธอเหมือนโอ๋เด็กที่ไม่ยอมกินข้าว มีทั้งความอดทนและความอ่อนโยน เฉินเสียนหัวใจสั่นระรัวสับสนมึนงงไปหมด
อย่าว่าแต่มาขอให้เธอกินยาให้หายป่วยเลย ถึงแม้เป็นยาพิษเธอเองก็ยินดีและเต็มใจจะดื่มมันด้วยซ้ำไป
ถึงแม้ท้ายที่สุดเธอจะถูกพิษของซูเจ๋อ และไม่อาจจะถอนตัวได้ เธอก็ไม่รู้สึกโกรธแค้นและเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว
เฉินเสียนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างแหบแห้ง : “ข้าดื่มเอง”
แต่ในขณะที่เธอกำลังจะกลั้นใจดื่มยาเข้าไปนั้น ซูเจ๋อกลับเร็วกว่าเธออีกเก้า ยกถ้วยยาซดเข้าไปในปากเขาจนหมด
เฉินเสียนจ้องตาเขม็ง มองสีหน้าท่าทางที่สบายใจของเขา แล้วจ้องมองเธอด้วยสายตาพึงพอใจ ราวกับกำลังพูดว่า……ไหนว่าจะกินยาเอง? ก็มาสิ
เฉินเสียนถูกเขายัวะจนรู้สึกทั้งอยากหัวเราะและอยากร้องไห้ในเวลาเดียวกัน
เขาไปฝึกแกล้งคนอื่นแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
ยาแค่ถ้วยเดียวกลับต้องกินอย่างทุลักทุเลขนาดนี้ เหลือคำสุดท้ายแล้ว เฉินเสียนจะไม่ยอมให้ซูเจ๋อที่ทั้งไม่ได้ป่วยและไม่ได้โดนพิษกลืนเข้าไปอย่างแน่นอน เธอจึงโน้มตัวไปหาเขา ในระหว่างที่กำลังหายใจรดกันอยู่นั้น เธอก็โน้มใบหน้าเข้าหาเขาด้วยตัวเอง ค่อยๆ ประกบลงบนริมฝีปากของซูเจ๋อ
ยาคำนี้ใช้เวลาป้อนนานกว่าครั้งไหนๆ เนิ่นนานจนเฉินเสียนรู้สึกสับสนงงงวยและวิงเวียนไปหมด
ในขณะที่เธอกำลังแยกออกจากซูเจ๋อนั้น ก็เห็นริมฝีปากของเขาที่แดงระเรื่อน่าหลงใหล และหางตาท่วมท้นไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่อ่อนไหว
ซูเจ๋อไม่อาจจะทำใจผละออกจากเธอได้ จึงเข้ามาประทับริมฝีปากจูบเธออีกครั้ง เธอผลักไหล่ของซูเจ๋อออก แล้วแยกตัวออกมา หัวใจสั่นไหวร่างกายสั่นสะท้านไปทั้งตัว พูดขึ้นพึมพำว่า : “ยาหมดแล้ว เอ้อเหนียงก็ยังอยู่ อย่าทำแบบนี้”
ซูเจ๋อยิ้มขึ้นอย่างมีเงื่อนงำ : “เอ้อเหนียงออกไปตั้งนานแล้ว”
เฉินเสียนจึงรีบหันไปดู ก็บังเอิญสบตาเข้ากับซูเจ๋อพอดี
เธอเพิ่งรู้ว่าแม่นมซุยที่ยืนอยู่ข้างๆ ออกจากห้องนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ถึงแม้แม่นมซุยจะเป็นหญิงที่แต่งงานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นซูเจ๋อและเฉินเสียนนัวเนียกันแบบนี้ เพราะในมโนคิดของนาง ซูเจ๋อเป็นคนที่มีความยับยั้งชั่งใจและมีเหตุผลที่สุด ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลยแม้สักครั้ง
แม่นมซุยต้องดีใจแทนเขาและเธอทั้งคู่เป็นธรรมดาอยู่แล้ว เพียงแต่ว่ายืนดูอยู่ข้างๆ ก็กระไรอยู่ เฉินเสียนเองก็คงทำตัวไม่ถูก ฉะนั้นนางจึงถอยออกไปอย่างไรซึ่งสุ้มเสียงที่สุด
นางยืนเฝ้าหน้าประตูอย่างใจจดใจจ่อ ในใจของนางท่วมท้นไปด้วยความสุขถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญกับความหนาวเย็นข้างนอกนั่น
คอมเม้นต์