ข้าคือหงส์พันปี – บทที่558 เป็นหญิงใจง่ายที่แท้จริง

อ่านนิยายจีนเรื่อง ข้าคือหงส์พันปี ตอนที่ 558 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

เหมยอู่ร้องไห้ตัวโยน ราวกับอย่างจะเอื้อยเอ่ยออกมาก็ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยได้ แต่ทว่ากลับทำให้ชายหนุ่มสนใจมากยิ่งขึ้น เริ่มแรกนางปฏิเสธไม่ยินยอมดื่มเหล้า ต่อมาเหล้านั้นก็ได้กรอกลงที่คอของนางแล้ว

สำหรับนายทหารที่กระฉับกระเฉงทรงพลัง เหล้ากับหญิงสาวเป็นสิ่งที่ลดลงให้น้อยลงไม่ได้อย่างแน่นอน

เวลาด้านนอกก็ค่ำแล้ว ตอนที่ฉินหรูเหลียงลุกขึ้นกล่าวลา คิดไม่ถึงว่าเหมยอู่วิ่งโซซัดโซเซมาจากด้านใน กระโปรงบางเบาพลิ้วไว้นั่นอยู่ใต้แสงไฟขมุกขมัว ราวกับผีเสื้อตัวหนึ่งที่โบยบิน

เหมยอู่วิ่งชนทางด้านหลังของฉินหรูเหลียง สวมกอดเขาจากทางด้านหลังตามอำเภอใจ จับที่ปลายเสื้อของเขาแล้วร่ำไห้อ้อนวอนว่า“ท่านแม่ทัพ พาเหมยอู่ออกไปจากที่นี่เถิดเจ้าค่ะ เหมยอู่ขอร้องนะเจ้าคะ …….ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้ว่าผิดไปแล้วจริงๆ…….”

ฉินหรูเหลียงเงียบ

ตอนที่เหมยอู่คิดว่าเขากำลังเปลี่ยนใจ แต่ทว่าเขากลับบีบที่ข้อมือของเหมยอู่ ทิ้งนางไปให้กับนายทหารด้านหลังที่ตามนางออกมา

ฉินหรูเหลียงกล่าวเสียงเย็นชาว่า “ดูนางระบำของเจ้าให้ดี”

นายทหารผู้นั้นตกใจ รีบพยักหน้ารับแล้วกล่าวว่า“เป็นข้าที่สะเพร่า ทำให้นางเสียมารยาทกับท่านแม่ทัพ ท่านแม่ทัพโปรดอภัยด้วย!”

สิ่งใดฉินหรูเหลียงก็ไม่ได้พูดมากความอีก เดินจากไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

นายทหารที่ออกมาตามคนนี้เดิมทีเขาไม่ใช่เจ้าของงาน เขาถูกใจนางระบำคนนี้ ทันทีหลังจากนั้นก็เมาโซเซเดินตามออกมา ตอนนี้เพราะนางระบำนี้ ทำให้เขาถูกท่านแม่ทัพด่า อดไม่ได้ที่จะมีความโกรธเคืองเล็กน้อย

เหมยอู่ไม่สามารถมองฉินหรูเหลียงออกไปจากที่นี่ต่อหน้าต่อตาได้ ยังคงดิ้นรอดรัดเขาไว้ตามอำเภอใจ ทำใจความโมโหของนายทหารนั่นปะทุขึ้น

เขาออกแรงลากเหมยอู่กลับไป แต่ทว่าไม่ได้กลับไปในงานเลี้ยงสังสรรค์ แต่กลับลากผ่านมุมกำแพง มาที่มุมกำแพงที่อยู่ด้านข้างห้องโถง ตรงนั้นมีเงาของต้นไม้ปิดบังอยู่ ราวกับจะมองเห็นเลือนราง

“ท่านคิดจะทำสิ่งใด……”

“นางระบำชั้นต่ำผู้หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะคิดลมๆแล้งๆเข้าหาเกาะท่านแม่ทัพ เจ้าหน้าตาสะสวยเล็กน้อย แต่ยังไม่ถึงขึ้นที่สวยงามตระการตาหรอกนะ”

นายทหารผู้นั้นพูด แล้วถลกกระโปรงของเหมยอู่ขึ้นด้วย ถอดกางเกงตัวเองแล้ว

เหมยอู่น้ำตารวยรินไม่ขาดสาย พละกำลังแรงของนางจะต่อสู้นายทหารอย่างนี้ได้ที่ไหนกันละ นายทหารนั่นปฏิบัติกับนางเยี่ยงไก่ตัวเล็กๆตัวหนึ่งอย่างผ่อนคลาย

“ขอร้องล่ะ ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย…….”

นายทหารกล่าวด้วยความมึนเมาว่า “นางระบำ ก็เลี้ยงดูไว้เล่น เมื่อครู่ได้ยินมาว่าเจ้าก็ถูกคนอื่นส่งต่อเปลี่ยนมือมา ไม่รู้ว่าปรนนิบัติเจ้านายมาเท่าไหร่แล้ว ตอนนี้ยังเสแสร้งสูงส่ง?”

เหมยอู่กำลังคิดจะดิ้นร้นร้องเสียงดัง นายทหารนั่นกล่าวอย่างมีความสนุกคึกครื้นว่า “เจ้าอยากร้องก็ร้องเถิด อีกสักครู่เรียกชายหนุ่มที่อยู่ห้องโถงมา ค่ำคืนนี้ก็จะได้มีอะไรกับเจ้าด้วย”

พูดแล้วเขาก็กักตัวเหมยอู่ไว้ตรงผนัง ดึงกระโปรงของนางแล้วแยกขาเรียวออก ยืดออกตัวเองออกมาแล้วแนบชิดเข้าไป ทอดถอนหายใจออกมาอย่างผ่อนคลายอารมณ์

เหมยอู่เจ็บปวดทุกข์ทรมานยากที่จะรับไหว สุดท้ายเลยกัดฟันไม่ส่งเสียงร้องออกมา

นายทหารนั่นถือโอกาสอารมณ์ครึ้มในการดื่มเหล้ามา ความอ่อนโยนไม่มีแม้แต่น้อย จับที่เอวของเธอแล้วกระทุ้งระรัว เหมยอู่ทำได้เพียงกัดริมฝีปากแดงฉ่ำร้องไห้สะอึกสะอื้นรองรับน้ำหนักไว้ ต่อมาเธอค่อยๆผ่อนคลาย การร้องไห้สะอึกสะอื้นนั่นมีความประสบสอพลอตาเยิ้มอยู่อย่างบางเบา และก็เปลี่ยนทีละน้อยกลายเป็นเสียงครางกะเสร่า

นายทหารนั่นยิ่งคึกคะนอง เคลื่อนไหวอย่างบ้าคลั่ง ผมดกดำเหมยอู่กระจาย ชายตามองด้วยความเสน่ห์หาราวกับผ้าไหมละมุน

นายทหารกล่าวหยอกล้อว่า “เป็นหญิงใจง่ายที่แท้จริง ยังเสแสร้งเป็นหญิงบริสุทธิ์ไร้มลทิน เพิ่งจะไม่กี่ครั้งก็ทำให้เจ้าน้ำแตกทะลักออกมาแล้ว สนุกมากหรือไม่?”

เวลานี้ขาทั้งสองข้างของเหมยอู่รัดอยู่บนเอวสอบของนายทหาร ช่วยให้เขาเข้ามาลึกที่สุด

ร่างกายเหมยอู่อ่อนปวกเปียกอยู่ที่ผนัง ทะลุผ่านผนังห้องออกมา ราวกับได้ยินเสียงคึกครื้นในห้องโถง

ได้ยินเสียงนายทหารกล่าวอย่างเลือนรางว่า “สาวงามผู้นั้นตามท่านแม่ทัพออกไป ท่านเฉินไม่ใช่ไปจับนางแล้วหรือ เหตุใดนานเยี่ยงนี้ยังไม่กลับมา?”

“ข้าว่า ไม่รู้ว่าตามจับถึงสถานที่ใดไปสนุกกันแล้วแหละ!เมื่อครู่ข้าเห็นสายตายของเขาจับจ้องที่นางระบำผู้นั้นด้วย”

บนห้องโถงใหญ่หัวเราะกันเสียงดังสนั่น

เหมยอู่ราวกับได้ยินเจ้าของงานกล่าวกับเหล่าสหายที่มาร่วมงานอย่างสบายใจว่า “หากผู้ใดชอบ ถูกใจนาง เอากลับไปเล่นไม่กี่วันก็ย่อมได้”

ใจของเหมยอู่มีความโศกเศร้า น้ำตาไหลออกมาทางหางตา แต่ตั้งแต่ต้นจนจบไร้เสียงร่ำไห้ออกมา กล่องเสียงร่ำไห้ถูกความสุขที่อยู่ในร่างกายของเธอปกปิดไว้และมีเสียงครางกระเสร่าออกมาแทนที่

สุดท้ายนางก็เป็นเพียงของเล่นที่ทำให้คนชื่นชอบมีความสุขแล้วเปลี่ยนมือกันไป ทั้งหมดนี้กลับไปเป็นอย่างเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว

ท้ายที่สุดแล้วฉินหรูเหลียงไม่ยินยอมช่วยนางออกจากปล่องไฟนี้เลย

หลังจากเสร็จกิจแล้ว นางลากสังขารอ่อนปวกเปียกกลับมาที่ห้องโถงใหญ่ และยังฝืนยิ้มอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าวันพรุ่งจะไปที่เรือนผู้ใดอีก

ก่อนวันส่งท้ายปีเก่า เหลียนชิงโจวถูกเรียกกลับมาที่เมืองหลวง พอดีกับสามารถฉลองตรุษจีนที่เมืองหลวงด้วย

เฉินเสียนถามยืมตั๋วเงินกับเขาอย่างสง่าผ่าเผย เหลียนชิงโจวเช็ดขอบหน้าผากที่เหงื่อไหล กล่าวว่า “ฝ่าบาท กระหม่อมถูกรีดคั้นจนบีบไขมันหนึ่งหยดออกมาได้แล้ว ตอนนี้ร้านค้าของเหลียนจี้แต่ละร้านไม่มีสินค้าอีกทั้งไม่มีตั๋วเงิน ตอนนี้กระหม่อมกำลังคิดวิธีการหมุนเวียนตั๋วเงินพ่ะย่ะค่ะ”

เดิมเฉินเสียนก็ไม่อยากหวังกับเหลียนชิงโจว ถึงอย่างไรช่วงที่สู้รบยุทธปัจจัยล้วนหยิบแบกภาระรับผิดชอบออกมาจากกระเป๋าของเขา ที่จริงมันก็น่าจะสิ้นเปลืองพอประมาณแล้ว

ด้วยเหตุนี้เฉินเสียนทำได้เพียงริเริ่มมัธยัสถ์ เริ่มต้นจากพระราชวังกับราชสำนัก

เธอนำเครื่องเคลือบภาชนะถ้วยโถโอชามแต่ละชนิดที่เก็บรักษาอย่างดีในพระราชวังออกมาประมูลราคา จนกระทั่งนำเครื่องประดับไข่มุกของตัวเอง รวมทั้งเตรียมมงกุฎราชินีที่ใช้สถาปนาเป็นกษัตริย์วันนั้นสร้างสรรค์ไม่เหมือนใครออกมาขายด้วย

ต้าฉู่มักมีพ่อค้าที่ร่ำรวยในยามที่ยากลำบากเสมอ มีตั๋วเงินควักออกมาซื้อ และยังมีเย่เหลียงกับเป่ยเซี่ย ช่วงนี้มีพ่อค้าเข้ามาในเมืองต้าฉู่เทียบกับเมื่อก่อนแล้วมากอยู่เหมือนกัน

พ่อค้าหน้าเลือดเหล่านี้ ถือโอกาสตอนที่ต้าฉู่กำลังยากจนข้นแค้น อยากจะซื้อของดีในราคาต่ำ อนาคตราคาสูงค่อยขายออก

เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เกลี้ยกล่อมว่า “ฝ่าบาท เครื่องเคลือบแจกันสามารถขายได้ มงกุฎราชินีนั่น……อย่าขายเลยพ่ะย่ะค่ะ ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสัญลักษณ์ของฐานะฝ่าบาทนะพ่ะย่ะค่ะ ”

เฉินเสียนคิด มงกุฎราชินีนี่หนักอย่างนั้น ทั้งหมดล้วนใช้ทองสร้างสรรค์ขึ้นมา มูลค่าจำนวนตั๋วเงินไม่น้อย กลับกันหนึ่งปีเธอก็สวมใส่อยู่ไม่กี่ครั้ง วางไว้เกาะฝุ่นละอองเทียบสู้มิได้กับขายออกไปแล้วนำตั๋วเงินจำนวนมากมาซื้อเสบียงอาหาร

อีกทั้งเธอไม่ได้หลงใหลเครื่องประดับไข่มุกนี่

ครั้นแล้วเฉินเสียนเลยกล่าวว่า “เป็นสัญลักษณ์ของฐานะข้า ไม่ใช่ยังมีราชบัลลังก์มังกรนั่นหรือ มงกุฎจิ๊บจ๊อยอันหนึ่ง สัญลักษณ์มีน้ำหนักคุณค่าอย่างไร?”

พอกล่าวออกมา ตัวเฉินเสียนเองก็ชะงักงันก่อน สายตาที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัวมองไปทางบัลลังก์มังกรนั่นที่ตัวเองนั่ง มือลูบไล้หัวมังกรบนบัลลังก์ พิจารณาไตร่ตรองกล่าวออกมาอย่างเจื้อยแจ้วว่า “ บัลลังก์มังกรนี่การแกะสลักอย่างละเอียดเป็นหนึ่งไม่เป็นสองเลย น้ำหนักก็หนักเสียจริง”

เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ตกใจกล่าวว่า “ฝ่าบาทคิดจะทำสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ?”

ใบหน้าไร้ความหวาดกลัว กล่าวขึ้นว่า “ข้าชื่นชมฝีมือการทำบัลลังก์มังกรนี่ มีสิ่งใดหรือ?”

“นี่เป็นอำนาจขององค์จักรพรรดิ ฝ่าบาทยากจนข้นแค้นจนเหลือผ้าหนึ่งชิ้น ก็ต้องยืนหยัดไม่สามารถคิดได้!”

เฉินเสียนกล่าวปลอบขวัญว่า “ทุกคนไม่ต้องเครียดหรอก ข้าไม่ใช่คนเยี่ยงนั้น”

ความเป็นจริงตอนที่เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่เกลี้ยกล่อมเฉินเสียนให้เก็บมงกุฎราชินีนั่นไว้ เธอได้ให้เหลียนชิงโจวนำมันออกไปประมูลแล้ว

เครื่องเคลือบถ้วยโถโอชามเหล่านั้น ล้วนเป็นสิ่งของที่พระราชวังประดิษฐ์ขึ้น กรรมวิธีฝีมือหมู่อาณาประชาราษฎร์คนทั่วไปไม่สามารถเปรียบเทียบได้ เพราะฉะนั้นทุกชิ้นที่นำมาประมูลล้วนสวยงามล้ำค่า ใสแจ๋ววาวเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง ราคาก็ยุติธรรมไม่แพง

สถานที่ประมูล พักหนึ่งรวมตัวกันด้วยพ่อค้าเป็นจำนวนมาก มีส่วนหนึ่งค่อนข้างมากมาจากเป่ยเซี่ยกับเย่เหลียง

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด