ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 581 ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น
ไม้ไผ่ยาวน้ำหนักเบามาก ทว่าเมื่อซูเซี่ยนถือขึ้นมากลับแลดูกินแรงเล็กน้อย
ซูเซี่ยนกล่าวเสียงอ่อนนุ่ม “ใต้น้ำมีไข่”
“มีไข่? ไข่อะไร?”
“ไข่จระเข้”
เย่ซวิ่นนิ่งเงียบ ก่อนจะกล่าวว่า “ไข่จระเข้คืออะไร?”
ซูเซี่ยนมองเขาปราดหนึ่ง กล่าวเสียงราบเรียบ “ที่เย่เหลียงของพวกท่านไม่มีจระเข้หรือ?”
เย่ซวิ่นถูกถามกลับจนชะงัก
ซูเซี่ยนกล่าวอีกว่า “สัตว์ที่มีผิวหนังหนาแข็งและขรุขระ หางยาวๆ ก็คือจระเข้ไงละ มันกินเนื้อเป็นชีวิตจิตใจ”
เย่ซวิ่นรู้สึกประหลาดใจยิ่ง เด็กที่อายุอานามแค่สองสามขวบ ทว่าสามารถพูดจาฉะฉาน พรรณนาจนเห็นภาพชัดเจน
ซูเซี่ยนนำไม้ไผ่แงะลงไปอีกครั้ง ก่อนจะชี้ไปยังเขื่อนหินลื่นๆที่อยู่ข้างแม่น้ำ พลางถามเย่ซวิ่นว่า “ด้านหลังตะไคร่มีรูใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ งัดไม้ไผ่เข้าไปไม่ได้สักที คือด้านในมีไข่จระเข้อยู่พ่ะย่ะค่ะ”
บอกตามตรง เย่ซวิ่นก็อยากรู้ว่ารูปร่างไข่จระเข้เป็นอย่างไร จึงชะเง้อหน้ามองริมน้ำที่มีตะไคร่เกาะกุมเต็มไปหมด ตรงนั้นมีน้ำกัดเซาะมานานปีจึงมีรูจริงๆ เพียงแต่ด้านในมืดมิด มองไม่เห็นสิ่งใด
ซูเซี่ยนถือไม้ไผ่คุ้ยเขี่ยก็ไม่เป็นผล เย่ซวิ่นคิดว่ายังทำกระไรเด็กคนนี้ไม่ได้ชั่วคราว ประการแรกควรทำให้เขาไว้วางใจเสียก่อนจะดีกว่า เย่ซวิ่นจึงกล่าวว่า “ให้ข้าช่วยไหม?”
ซูเซี่ยนใคร่ครวญ ก่อนจะลุกขึ้นหลีกทางให้เขา กล่าวว่า “ข้าอยากให้พระองค์ช่วยใจแทบขาด เดี๋ยวงมไข่จระเข้ได้ ข้าจะแบ่งให้ท่านหนึ่งฟอง มันฟักออกมาเป็นตัวจระเข้น้อยได้นะ”
เย่ซวิ่นรับไม้ไผ่มาจากซูเซี่ยน พลางยิ้มอย่างสง่างาม กล่าวว่า “ตกลงตามนี้”
ซูเซี่ยนขยับหลีกไปด้านบน เย่ซวิ่นจึงย่อตัวลงที่ริมน้ำ ก่อนจะใช้ไม้ไผ่คุ้ยเขี่ยรูด้านหลังตะไคร่ ซึ่งต้องค่อยเป็นค่อยไป มิฉะนั้นจะทำให้ไข่จระเข้แตกได้
เย่ซวิ่นแหย่รูไปพลาง กล่าวไปพลาง “เจ้าบอกว่ามีไข่จระเข้ แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงา เจ้าพูดโป้ปดกับข้าหรือไม่?”
ซูเซี่ยนกล่าวอย่างเป็นการเป็นงาน “ปีที่แล้วมีกลุ่มหนึ่ง แต่ต่อมาถูกจับไปสังหารหมดสิ้น”
“ไยต้องจับมาสังหารด้วย?”
“เพราะพวกมันปีนขึ้นมากัดกินผู้คน”
เย่ซวิ่นแหย่ได้สักพัก พลางกล่าวว่า “ด้านในว่างเปล่า”
ซูเซี่ยนสาวเท้ายืนชิดด้านหลังเขา ร่างเล็กๆที่มองปราดเดียวก็สังเกตเสร็จสรรพเผยรอยยิ้มเจือจาง กล่าวว่า “แต่เมื่อครู่ตอนข้ายื่นอยู่บนสะพาน ข้าเห็นด้านในส่องแสงสีขาวเป็นประกาย”
“หรือว่าเจ้าตาฝาดไป” แม้นปากจะพูดเช่นนี้ ทว่าเย่ซวิ่นก็เชื่อพลันโน้มตัวไปเบื้องหน้าเพื่อลองเพ่งพิศให้ละเอียดยิ่งขึ้น
ใครจะไปรู้ ซูเซี่ยนก้มหน้าเรียวมองเขา จากนั้นก็ใช้แรงอันน้อยนิดผลักองค์ชายหกเย่ซวิ่นลงทะเลสาบกะทันหัน
ริมน้ำทั้งชื้นทั้งลื่น เย่ซวิ่นก็ไม่ทันตั้งตัว ร่างกายจึงทิ้งตัวลงไปอย่างควบคุมไม่ได้
เดิมทีเขาคิดว่าเด็กอายุสองสามขวบจะเป็นวัยใสซื่อบริสุทธิ์ คาดไม่ถึงว่าจะมองผิดอย่างมหันต์ เสี้ยววินาทีที่ตกลงน้ำ เขารับรู้ได้ด้วยจิตใต้สำนึกว่า เขาโดนเด็กคนนี้หลอกเสียแล้ว
เย่ซวิ่นแหวกว่ายอยู่ในทะเลสาบ ซูเซี่ยนเก็บไม้ไผ่จากริมน้ำขึ้นมา มองเขาดิ้นรนอย่างทุลักทุเลอยู่ในน้ำด้วยใบหน้าเฉยเมย
เย่ซวิ่นบันดาลโทสะ สบถว่า “ไอ้เด็กระยำ เจ้ากล้าหลอกลวงข้า”
ซูเซี่ยนหลุบดวงตาสุกใสที่เห็นสีดำขลับกับสีขาวนวลอย่างฉายชัด กล่าวกับเขาว่า “เมื่อครู่ข้าบอกว่าจระเข้ถูกจับมาฆ่าเมื่อปีก่อนแล้ว ปีนี้ยังมีไข่อยู่หรือ ท่านโง่เง่าเอง” เขาสะบัดแขนเสื้อตัวเล็ก แล้วหันหลังถือไม้ไผ่จากไป กล่าวกับองครักษ์ที่เฝ้าประจำอยู่ที่ริมน้ำว่า “ไม่ต้องลากตัวเขาออกมา ไม่ง่ายเลยกว่าจะหลอกเขาลงไปได้ ปล่อยให้เขาอยู่ในน้ำแหละ”
ต่อให้เย่ซวิ่นลั่นวาจาด่าอย่างระอุเพียงใด ซูเซี่ยนก็ไม่สะทกสะท้าน เขานำแม่นมซุยกับเสี่ยวเฮอเดินผ่านสะพานแล้วมุ่งหน้ากลับไปยังพระตำหนักไท่เหอ
เฉินเสียนกำลังสะสางงานราชการอยู่ในห้องตำราหลวง ต่อมานางกำนัลมากล่าวรายงานในห้องตำราหลวงด้วยความเร่งรีบ “ฝ่าบาท พระตำหนักไท่เหอเกิดเรื่องแล้วเพคะ”
สิ่งเดียวที่เฉินเสียนเป็นห่วงก็คืออาเซี่ยนที่อยู่ในพระตำหนักไท่เหอ อ้าปากถามว่า “องค์ชายใหญ่ทำไมหรือ?”
นางกำนัลกล่าวด้วยความลำบากใจ “ไม่ใช่องค์ชายใหญ่เพคะ พวกกระหม่อมไม่กล้าตัดสินโดยพลการ เชิญฝ่าบาทเสด็จไปทอดพระเนตรเองเถอะเพคะ”
เมื่อเฉินเสียนไปดูที่พระตำหนักไท่เหอพลันเห็นเย่ซวิ่นเนื้อตัวเปียกปอนดั่งลูกหมาตกน้ำ ทันใดนั้นความชื่นมื่นก็ผุดขึ้นในใจ รู้สึกว่าความห่อเหี่ยวใจกับความกลุ้มทั้งหมดทั้งมวลก็จางหายเป็นปลิดทิ้ง พลางถามด้วยใบหน้ายิ้มหวาน “ฝีมือผู้ใด?”
นางกำนัล “……ฝีมือองค์ชายใหญ่เพคะ”
เฉินเสียนเลิกคิ้ว “องค์ชายใหญ่ทำให้เขาลงน้ำได้อย่างไร?”
นางกำนัล “เหมือนผลักจากด้านหลังเพคะ”
เย่ซวิ่นแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลาหนึ่งชั่วยาม เขากล่าวด้วยความตะลีตะลาน “คานข้างบนไม่ตรง คานข้างล่างย่อมบิดเบี้ยวตาม ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นเสียจริง พวกท่านไม่มีผู้ใดดีเลยสักคน” ริมมีตะไคร่เกาะติดจนขอบลื่นมาก หากไม่มีใครช่วยเขา เขาก็ไม่อาจขึ้นมาได้
เฉินเสียน “แช่ต่ออีกหนึ่งชั่วยาม หยุดปากคอเราะรายเมื่อใดค่อยลากเขาขึ้นมา”
หลังจากเรื่องนี้ถูกลือกระฉ่อน ปกติเย่ซวิ่นจะดูเป็นผู้ที่ไร้เดียงสาไม่มีพิษสงอันใด ทว่าเมื่อซูเซี่ยนเทียบกับเขาแล้วก็ยิ่งไร้เดียงสาไม่มีพิษสงกว่า เมื่อถูกเด็กอายุสองสามขวบกลั่นแกล้ง เย่ซวิ่นรู้สึกขายหน้าอย่างยิ่งยวด
เหล่าขุนนางได้ยินเรื่องนี้ ต่างพากันทอดถอนใจ เด็กเล็กกะจิ๋วริ๋วก็สามารถใช้วิธีการอันโหดเหี้ยมเช่นนี้ ช่างเหมือนกับบิดาเสียจริง
เย่ซวิ่นแช่อยู่ในทะเลสาบเกือบสองชั่วยาม พอขึ้นมาถึงฝั่งด้วยสภาพเนื้อตัวมอมแมม ยามที่เขาอยู่ในเย่เหลียงไม่เคยต้องทนขมขื่นเยี่ยงนี้มาก่อน
แผลบริเวณแขนที่ถูกบาดก่อนหน้านี้ ตอนนี้แช่น้ำจนซีดเหี่ยว เขาได้แต่ไปที่สำนักหมอหลวงอีกครั้งอย่างจนปัญญา
พบเจอใต้เท้าซวีที่เอาหัวชนเสาตรงสำนักหมอหลวง เย่ซวิ่นไม่รู้สึกประหลาดใจเลยสักนิด
เย่ซวิ่นกับเขานั่งอยู่ในห้องตรวจเดียวกัน กล่าวว่า “บังเอิญแท้ ใต้เท้าก็มาเปลี่ยนยา”
ใต้เท้าซวีกล่าวว่า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ บังเอิญเสียจริง”
เย่ซวิ่นหรี่ตา เผยรอยยิ้มออกมา พลางกล่าวว่า “จวนใต้เท้าไม่มีหมอหรือ ถึงกลับต้องมาเปลี่ยนยาที่สำนักหมอหลวง”
ใต้เท้าซวีพูดเปิดอกว่า “หมอหลวงในนี่เรียกใช้งานง่ายกว่าหมอด้านนอก ทั้งยังไม่ต้องเสียเงินจ่ายค่ายาอีกด้วย” เขาปรายตามองเย่ซวิ่น กล่าวต่อไปว่า “องค์ชายหกล่ะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่พกยาวิเศษมาจากเย่เหลียงโดยเฉพาะหรอกหรือ เหตุใดจึงมาที่สำนักหมอหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
เย่ซวิ่นกล่าว “ตกลงไปในทะเลสาบ บาดแผลจึงรุนแรงขึ้น เลยมาล้างแผลเสียหน่อย”
ใต้เท้าซวีกระจ่างแจ้งแล้วก็ไม่ถามสิ่งใดอีก ทั้งสองนั่งเงียบอยู่ในหมอตรวจสักพัก ผู้ที่เปลี่ยนยาก็แล้วเสร็จ ผู้ที่ล้างแผลก็เรียบร้อยเช่นกัน หากแต่ไม่มีใครยกก้นออกไปเลย
ต่อมาใต้เท้าซวีเป็นฝ่ายเอ่ยปากพูดก่อน “ครั้งก่อนได้ยินองค์ชายหกตรัสว่า มีวิธีที่ง่ายกว่าในการทำให้ฝ่าบาทเลิกสนพระทัยต่อราชครูใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
เย่ซวิ่นจับแขนเสื้อ ยกมุมปากขึ้นมากล่าวว่า “มีอยู่ กลัวก็แต่ใต้เท้าไม่กล้าทำ”
“วิธีอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“ในเมื่อฝ่าบาทไม่อาจตัดความสัมพันธ์ได้ เช่นนั้นก็ให้ซูเจ๋อถอนตัวเองเถอะ”
“ช่วงนี้เขากำลังเก็บตัวไม่ต้อนรับแขก เกรงว่าคงรับปากเจตนาของฝ่าบาทเสียแล้ว” ใต้เท้าซวีถอนหายใจ “เสียแรงที่เขาเป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่อง แต่กลับมาเลอะเลือนเวลานี้”
“งั้นก็ให้เขาหายตัวจากสายตาฝ่าบาทเสีย” เย่ซวิ่นกล่าวอย่างลอยหน้าลอยตา
ทว่ากลับทำให้ใต้เท้าซวีตื่นตกใจ วิธีที่เย่ซวิ่นบอกว่าง่ายแสนง่าย ที่แท้ก็เป็นวิธีที่เด็ดขาดตรงไปตรงมาเช่นนี้นี่เอง
คอมเม้นต์