ข้าคือหงส์พันปี – บทที่ 589 เบี่ยงเบนความสนใจในความขัดแย้งและขุนนางในราชสำนักอย่างเหมาะสม
“องค์ชายหกใช้กลอุบายใดมาพูดให้ท่านไปหา” เขายกถ้วยข้าวต้มไปตรงหน้าของเฉินเสียน และกล่าวว่า “ใช้สองคูเมืองของต้าฉู่งั้นหรือ?”
เฉินเสียนทานข้าวต้มอย่างเงียบ ๆ มองมาที่เขาและกล่าวว่า “ท่านทายถูกแล้ว ข้ายังต้องตอบคำถามท่านอีกหรือ”
ซูเจ๋อเลิกคิ้วขึ้นเขาทานข้าวต้มสองสามคำด้วยท่าทีที่สวยงามและน่ารื่นรมย์ และกล่าวว่า “ตอนนี้ในมือของเขาก็เหลือความลับของข้าเพียงอย่างเดียว หากครั้งนี้เขาไม่สามารถกำจัดข้าได้ วันข้างหน้าเขาก็จะไม่มีโอกาสแก้ตัวได้อีก”
เฉินเสียนกล่าว “เรื่องนี้ท่านไม่ต้องกังวลไป พักรักษาตัวที่เรือนให้หายดี ข้าจะไปจัดการเอง”
เขายิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขามองเฉินเสียนและกล่าวว่า “สถานการณ์ในตอนนี้ไม่เป็นผลดีกับข้านัก ข้าจำเป็นต้องหลีกเลี่ยง เพียงแต่ช่วงนี้ต้องเอาแต่หลบอยู่หลังอาเสียน ทำให้ท่านต้องเป็นคนไปจัดการกับบรรดาขุนนางเพื่อข้า”
ไม่รู้ว่าทำไม แต่เฉินเสียนพบว่ามันมีประโยชน์มาก ดูเหมือนว่าเธอจะได้รับความกล้าหาญอย่างมากจากคำพูดของซูเจ๋อ และรู้สึกเต็มไปด้วยพลัง
เฉินเสียนกระแอมในลำคอและกล่าวว่า “ควรจะเป็นเช่นนั้น หากข้าไม่สามารถปกป้องท่านได้ ข้าจะยังเป็นกษัตริย์ได้อย่างไร”
ซูเจ๋อฉีกหมั่นโถวนึ่งสีขาวราวหิมะในมือของเขาแล้ววางลงบนจานข้าง ๆ เฉินเสียน และกล่าวว่า “ส่วนองค์ชายหกนั้น เขามีจุดประสงค์เป้าหมายเดียวกันกับเหล่าขุนนาง จึงทำให้เขาเหิมเกริมได้เช่นนี้ หากจะจัดการเขา เพียงแค่เลือกสถานการณ์และความขัดแย้ง เขาก็จะกลับคือสู่ตัวตนที่แท้จริงทันที สิ่งที่บรรดาขุนนางทนไม่ได้ในตัวเขาคืออะไรหรือ?”
เฉินเสียนพูดขึ้นทันทีว่า “พยายามขัดขวางต้าฉู่”
ซูเจ๋อยกมุมริมฝีปากของเขาและพูดอย่างสบาย ๆ “ต้องเบี่ยงเบนความสนใจของความขัดแย้งและบรรดาขุนนางอย่างเหมาะสม จะได้ไม่ต้องมัวแต่คอยจับผิดเรื่องของข้าและท่านไม่ปล่อย”
เฉินเสียนมองเขาด้วยดวงตาที่ชัดเจนและหรี่ตาด้วยรอยยิ้ม
ซูเจ๋อดูมีความสุขและกล่าวว่า “ไหนบอกว่าสายแล้ว ยังไม่รีบกินอีก”
เฉินเสียนกล่าวว่า “จู่ ๆ ข้าก็ไม่รีบร้อน ข้าสามารถใช้สิทธิพิเศษในการเป็นกษัตริย์บ้าง เพื่อให้คนแก่เหล่านั้นรอ”
ซูเจ๋อยิ้มและกล่าวว่า “เป็นแบบนี้ก็ดี ท่านเป็นกษัตริย์ พวกเขาเป็นแค่ขุนนาง อย่าสนใจแต่ความงี่เง่าของพวกเขา ต้องใช้งานพวกเขาบ้าง”
ในเวลารับประทานอาหารเช้า พ่อบ้านได้เตรียมรถม้าไว้แล้ว และซูเจ๋อก็เตรียมการไว้แล้วว่าจะส่งเฉินเสียนกลับไปที่วังหลวง
ครู่ต่อมา พ่อบ้านก็กลับมาและกล่าวว่า “ฝ่าบาท ใต้เท้า ท่านแม่ทัพฉินมาแล้ว บอกว่ามารับฝ่าบาทกลับวังหลวงพ่ะย่ะค่ะ”
ฉินหรูเหลียงเข้ามาที่ห้องอาหารและเห็นเฉินเสียนและซูเจ๋อรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน เขาไม่มีอารมณ์แปรปรวนใด ๆ เป็นพิเศษ และเขาถามเพียงว่า “ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งชั่วโมงจะถึงเวลาเข้าเฝ้าช่วงเช้าแล้ว ฝ่าบาทจะเสด็จกลับไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
เฉินเสียนวางช้อนข้าวต้มลงและกล่าวว่า “กลับสิ”
ซูเจ๋อถาม “ท่านแม่ทัพฉินทานอาหารเช้าแล้วหรือยัง มานั่งทานด้วยกันไหม”
ฉินหรูเหลียงกล่าว “ไม่เป็นไร ข้าทานมาแล้ว”
พอดีกับที่ซูเจ๋อไม่สามารถปรากฏตัวพร้อมกับเฉินเสียนได้ในเวลานี้ ตอนนี้ฉินหรูเหลียงมาแล้ว จึงปล่อยให้เขาอารักขาเฉินเสียนกลับไปยังวังหลวง
ซูเจ๋อไปส่งเธอที่หน้าประตู และยืนดูเธอขึ้นรถม้าไป และกล่าวว่า “เดินทางปลอดภัย รบกวนท่านแม่ทัพฉินส่งเธอไปที่พระตำหนักไท่เหอ”
ตอนนี้เธอสวมเสื้อผ้าของผู้ชาย จะไปให้เหล่าขุนนางเห็นเธอในสภาพนี้ได้อย่างไร โชคดีที่การกลับพระตำหนักไท่เหอไม่ต้องผ่านเข้าไปในประตูวังทางด้านที่ต้องไปเข้าเฝ้าของเหล่าขุนนาง
เฉินเสียนนั่งอยู่ในรถม้า และซูเจ๋อยืนอยู่ข้างประตูอย่างเงียบ ๆ มองดูรถม้าวิ่งออกไปและลับตาหายตัวไปหลังจากเลี้ยวถนน เขาหันหลังเบา ๆ และเดินเข้าไปในบ้าน
ฉินหรูเหลียงเข้าไปในประตูวังและขับรถม้าตรงเข้าไปในวังชั้นใน ผ่านถนนต้นอู๋ถงหน้าโรงเรียนไท่
ในฤดูกาลนี้ ยังสามารถมองเห็นเศษดอกมะเดื่อร่วงโรยอยู่บนพื้นได้ อีกไม่กี่วันก็จะหมดช่วงออกดอกแล้ว
ถนนเส้นนี้เงียบสงบ และเมื่อพบองครักษ์ และเห็นว่าเป็นท่านแม่ทัพฉินหรูเหลียง พวกเขาทั้งหมดยืนตรงทำความเคารพอยู่ทั้งสองด้าน และรอให้รถม้าผ่านไปก่อนจึงจะเดินตรวจการณ์ต่อ
ในที่สุดรถม้าก็หยุดที่ฝั่งตรงข้ามของพระตำหนักไท่เหอ เฉินเสียนลงจากรถและกล่าวกับฉินหรูเหลียงว่า “ขอบใจนะ”
ฉินหรูเหลียงกล่าว “เมื่อคืนบอกแล้วไง ต่อไปไม่ต้องพูดคำนี้กับข้าแล้ว”
บรรดาขุนนางมีความอ่อนไหวมากเกี่ยวกับการที่เฉินเสียนออกจากวัง ในเวลาเข้าเฝ้าช่วงเช้าขุนนางบางคนพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฝ่าบาท เมื่อเช้าที่หม่อมฉันเข้าวังมาเข้าเฝ้าเหมือนเห็นท่านแม่ทัพฉินขี่รถม้าไปที่รพะตำหนักของฝ่าบาท ฝ่าบาทออกไปนอกวังหลวงอีกแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ถ้าในรถม้าไม่ได้มีบุคคลสำคัญ ท่านแม่ทัพจะขี่รถม้าเข้ามาในเขตประตูวังได้อย่างไร
เฉินเสียนตรัสด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าอยู่ในวังตลอด อ้ายชิงไม่ได้ตาฝาดไปหรอกหรือ”
หลังจากเสร็จสิ้นการเข้าเฝ้าแล้ว เฉินเสียนถามอวี้เยี่ยนเกี่ยวกับสถานการณ์ที่พระตำหนักฉีเล่อ อวี้เยี่ยนกล่าวว่าหมอหลวงที่สำนักหมอหลวงได้ไปที่พระตำหนักฉีเล่อ ดูเหมือนสุขภาพขององค์ชายหกจะไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
เฉินเสียนวางสิ่งที่ต้องทำในมือลง น้อยครั้งที่จะสนใจอยากจะไปเดินเล่นที่พระตำหนักฉีเล่อ
เมื่อธอกำลังจะออกไป ซูเซี่ยนคว้ามุมกระโปรงของเฉินเสียนและพูดอย่างเงียบ ๆ ด้วยใบหน้าเล็ก ๆ ว่า “พาข้าไปด้วย”
เมื่อคืนตอนที่เฉินเสียนไปที่พระตำหนักฉีเล่อ ซูเซี่ยนก็นอนหลับแล้ว และเมื่อเช้าเพิ่งจะรู้ว่าเสด็จแม่ของเขาไปหาท่านพ่อของเขา และไม่ได้อยู่ในพระตำหนักทั้งคืน แต่อวี้เยี่ยนบอกเขาอย่างคลุมเครือ เฉินเสียนออกมาจากพระตำหนักฉีเล่อด้วยอาการที่ผิดแปลกไป
ซูเซี่ยนคิดว่า จะต้องเป็นเพราะองค์ชายหกทำอะไรไม่ดีแน่ ๆ ตอนนี้เสด็จแม่ของเขาจะไปที่พระตำหนักฉีเล่ออีก เขาต้องคอยสังเกตดูหน่อย
อย่างไรก็ตาม เฉินเสียนคิดว่าซูเซี่ยนอยู่แต่ในพระตำหนักไท่เหอและไม่ได้เดินเตร่ไปรอบ ๆ อีกอย่างครั้งนี้เธอไปดูเรื่องสนุกน่าตื่นเต้น เธอเลยตัดสินใจพาซูเซี่ยนไปด้วย
ในขณะนั้น เฉินเสียนจูงมือของซูเซี่ยน สองแม่ลูกและนางกำนัลเดินไปทางพระตำหนักฉีเล่อ
หลังจากเข้ามาภายในพระตำหนักฉีเล่อ วันนี้ดูเหมือนภายในพระตำหนักจะครึกครื้น มีทั้งหมอหลวงจากสำนักหมอหลวงและนางกำนัลทั้งหลาย ต่างพากันเดินเข้าออกเรือนด้านหลังไม่หยุดหย่อน
ทันทีที่สองคนแม่ลูกได้เข้าไปในเรือนด้านหลัง ก็ได้ยินเสียงด่าทอดังออกมา เฉินเสียนไม่ได้รู้สึกรำคาญ แต่กลับยิ้มและกล่าวว่า “เห็นแบบนี้แล้วแสดงว่ายังมีีชีวิตอยู่เลย”
เธอรออยู่ที่ลานด้านหน้าครู่หนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน หมอหลวงก็เสร็จภารกิจ เขาปาดเหงื่อเย็น ๆ ออกจากหน้าผากแล้วเดินออกมาจากห้องนอน เขาพบเฉินเสียน และกราบทูลรายงานอาการทั่วไปของเย่ซวิ่น
หลังจากที่ได้ยิน เฉินเสียนก็รู้สึกอารมณ์ดี พร้อมกับหัวเราะที่มุมปากของเธอ จูงมือซูเซี่ยนเข้าไปในห้องนอน
ห้องนอนได้รับการทำความสะอาดอีกครั้งโดยนางกำนัล และได้เปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศในห้อง ลมพัดมาที่ม่านบังตาที่หน้าต่าง ในขณะนี้ เย่ซวิ่นนอนอยู่บนเตียง หน้าของเขาซีดเผือด และสีหน้าของเขาราวกับดิน
ทันทีที่เขาลืมตาขึ้นและเห็นเฉินเสียนและลูกชายของเธอ เขารู้สึกโกรธจนกัดฟันกรอด จิตใจผู้หญิงคนนี้ช่างโหดร้ายนัก และเด็กคนนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย!
เมื่อนึกถึงความเลวร้ายที่เขาได้รับเมื่อคืนนี้ หากไม่ใช่เพราะตอนนี้ร่างกายของเขาทรุดตัวลง เขาอาจจะกระโดดขึ้นไปฉีกหัวใจของเฉินเสียนก็เป็นได้
เย่ซวิ่นยิ้มเย้ยอย่างประหลาด “ช่างเป็นแขกที่ล้ำค่ามาก! ก่อนหน้านี้ข้าเชิญท่านมาเป็นสิบ ๆ ครั้งท่านไม่มา วันนี้ท่านกลับมาอย่างรวดเร็ว!”
เฉินเสียนเหล่มองยิ้มและกล่าวว่า “ใช่สิ ข้าได้ยินมาว่าที่นี่น่าเรื่องน่าสนุก ข้าเลยรีบมาดู ตอนนี้องค์ชายหกรู้สึกอย่างไรบ้าง เมื่อคืนได้รับความสนุกไหม? ท่านชอบกลิ่นดอกไม้นั่นไม่ใช่หรือ ไม่อย่างนั้นข้าจะนำเตาเผามาให้ท่านเผาสิ่งน่ารังเกียจที่เป็นสูตรลับของเย่เหลียงอะไรนั่น เพื่อให้ท่านได้เพลิดเพลินดีไหม?”
คอมเม้นต์