ข้าคือหงส์พันปี – ตอนที่ 716 ท่านอ๋องรุ่ยของพวกท่านล่วงเกินจักรพรรดินีของเรา
ครึ่งเดือนต่อมา เรือทั้งสองลำก็มาถึงชายฝั่งทะเลทิศบูรพาของต้าฉู่ได้อย่างราบรื่น
จักรพรรดินีได้พาองค์ชายกลับมายังราชสำนัก ซึ่งทำให้เหล่าขุนนางในราชสำนักที่กังวลทั้งหลายได้โล่งใจกันถ้วนหน้า
หลังจากกลับราชสำนักคงยุ่งกับการจัดการข้อราชการแน่นอน ทั้งยังต้องจัดการการบริหารราชการแผ่นดินที่สะสมมาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา หลังจากนั้นการแลกเปลี่ยนฉันมิตรกับเย่เหลียงก็ดำเนินต่อไป และเฉินเสียนยังสั่งการ มอบเรือเดินทะเลให้เย่เหลียงอีกสองลำ
จักรพรรดิเย่เหลียงมีความสุขมาก และเชื่อมั่นว่าเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดที่ให้เย่ซวิ่นไปยืนหยัดมั่นคงอยู่ที่วังหลังต้าฉู่
มีเพียงเย่ซวิ่นเท่านั้นที่รู้ว่า เฉินเสียนไม่ได้ทำทั้งหมดนี้เพื่อเขา ต้าฉู่และเย่เหลียงยิ่งใกล้ชิด ความสัมพันธ์ยิ่งดีขึ้น ถึงสามารถทำให้เป่ยเซี่ยรู้สึกวิกฤติมากขึ้นเท่านั้น
นางกำลังบังคับให้เป่ยเซี่ยยอมจำนน เพื่อให้บรรลุถึงความสมดุล ตอนแรกเย่เหลียงและต้าฉู่ใช้วิธีการเกี่ยวดองกันเพื่อแลกกับมิตรภาพและความสงบสุข แต่ตอนนี้เป่ยเซี่ยยังสามารถใช้วิธีเดียวกันได้
เช้าตรู่วันนี้ มีขุนนางถวายบังคมทูล ว่าเป่ยเซี่ยได้ส่งทูตยังมายังต้าฉู่ เพื่อหารือเกี่ยวกับการค้าชายแดนและการแลกเปลี่ยนอย่างสันติระหว่างทั้งสองประเทศ
เฉินเสียนนั่งบนเก้าอี้มังกร และได้นำเก้าอี้กว้างขนาดที่เล็กตัวหนึ่งวางไว้ข้างๆ เพื่อให้ซูเซี่ยนได้นั่ง ในขณะนี้นางพลิกฎีกาที่อยู่ในมือ และเลิกคิ้วอย่างจริงจัง “เรื่องนี้ช่วงที่ข้าอยู่ที่เป่ยเซี่ยเคยตกลงไปแล้ว การมาถึงที่นี่ของราชทูตเป่ยเซี่ยไม่ใช่ไม่สามารถเจรจา ก็ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาให้ผลประโยชน์มากน้อยเพียงใด”
ในด้านของเป่ยเซี่ยนั้น ซูเจ๋อและจักรพรรดิเป่ยเซี่ยก็กลับไปที่เมืองหลวงแล้ว
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยประเมินความสามารถการนินทาของราษฎรเป่ยเซี่ยต่ำเกินไป เมื่อเขากลับไปถึงเมืองหลวง เรื่องซุบซิบที่โด่งดังที่สุดในเมืองหลวงก็คือข่าวลือที่ว่าอ๋องรุ่ยซึ่งไม่ได้ชอบผู้หญิง แท้จริงแล้วเมาและได้ล่วงเกินจักรพรรดินีต้าฉู่ในที่สาธารณะ
ในวังหลวงมีข่าวลือก่อนหน้านี้ว่าอ๋องรุ่ยชอบผู้ชาย แต่ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้มีข่าวลือที่ว่าเขาได้ล่วงเกินจักรพรรดินีแห่งต้าฉู่ และยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างต้าฉู่กับเป่ยเซี่ยได้เสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว และเป็นข่าวลือไปทั่วอาณาจักร เรียกได้ว่าลือกันอย่างมีชีวิตชีวาและสีสัน
ช่วงเวลาหนึ่ง เป็นอ๋องรุ่ยที่มีชื่อเสียงในทางไม่ดี ยิ่งไม่มีภาพลักษณ์โดยสิ้นเชิง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตามจักรพรรดินีของต้าฉู่ก็เป็นผู้หญิง ก็ดี ไม่รู้คือว่าหลังจากที่อ๋องรุ่ยทำให้เมาแล้วก็กลายเป็นเหลาะแหละ นี่ไม่โทษนางหลังที่กลับมาต้าฉู่ความอับอายกลายเป็นความโกรธแค้นไปก่อปัญหาให้กับเป่ยเซี่ย จะโทษก็ต้องโทษที่อ๋องรุ่ยทำเกินไป
ข่าวนี้ไม่เพียงแต่แพร่กระจายไปทั่วเป่ยเซี่ย และยังแพร่กระจายกลับมายังต้าฉู่อาณาจักรของตนอย่างรวดเร็วกลับ
ราษฎรของอาณาจักรตนขุ่นเคือง แต่เมื่อราษฎรต้าฉู่พบราษฎรเป่ยเซี่ยเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่พูดเรื่องนี้ แต่เมื่อพวกเขาพูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องทะเลาะกัน จักรพรรดินีของพวกเราถูกท่านอ๋องของพวกเจ้ามาทำเหลาะแหละใส่ จนถึงตอนนี้ยังไม่ออกมาอธิบาย มันสมเหตุสมผลไหม? เช่นนี้ ความมั่นใจของชาวเป่ยเซี่ยก็น้อยลง
เฉินเสียนก็คาดไม่ถึง ว่าราษฎรทั้งสองอาณาจักรจะมีเวลามาทำเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเช่นนี้
นางลำบากใจมาก มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีอะไรเลย ที่สำคัญกว่านั้นคือทำให้ซูเจ๋อมีชื่อเสียงที่ไม่ดีด้วย
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยก็ลำบากใจเช่นกัน เขาไม่ชอบใช้วิธีการที่รุนแรงในการควบคุมความคิดเห็นของประชาชน ในฐานะเป็นจักรพรรดิ สิ่งที่เขาทำคือปล่อยให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น
เขาไม่มีค่าควรที่จะทำในขณะนี้ ไม่สามารถปิดปากคนในราชวังที่ได้เห็นและได้ยินเหล่านั้นทันเวลา จึงเป็นเหตุให้ข่าวแพร่ออกไป แต่ถ้าเขาใช้วิธีการปิดกั้นข่าวลือ เขาก็จะมีสำนึกผิดชอบชั่วดีปกป้องลูกชายของเขา เช่นนั้นถึงได้ลำบากใจสองทาง เดิมทีเรื่องนี้อีกสองสามวันก็จะผ่านไปแต่คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะแพร่กระจายไปกว้าง โดยที่ไม่มีท่าทีที่จะหยุดลงเลย
ตอนนี้เหล่าราษฎรเป่ยเซี่ยเชื่อมาตลอดว่าอ๋องรุ่ยเป็นต้นเหตุที่ทำลายสันติภาพระหว่างสองประเทศ และไม่ได้รับผลกระทบใดๆ
ในไม่ช้า ทูตของเป่ยเซี่ยก็มาถึงเมืองหลวงต้าฉู่ พร้อมภารกิจเพื่อหารือเกี่ยวกับปัญหาชายแดนระหว่างสองอาณาจักร
ในขณะนั้นเฉินเสียนกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้มังกร และฟังทูตของเป่ยเซี่ยพูดเหตุผลเหล่านั้นอย่างน้ำไหลไฟดับ เฝ้ารอภาพในอนาคตของทั้งสองอาณาจักร และคิดว่าต้าฉู่และเป่ยเซี่ยมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ก็จะเป็นประโยชน์ต่ออาณาจักรและราษฎร
ไม่จำเป็นต้องให้เฉินเสียนพูด เฮ่อโยวจึงถามว่า “ท่านอ๋องรุ่ยของพวกท่านมาเหลาะแหละจักรพรรดินีของพวกเรา เรื่องนี้ได้แพร่กระจายจนเป็นที่นิยม ท่านรู้หรือไม่?”
ราชทูต “………..”
เฮ่อโยวพูดอีกครั้ง “แต่เดิมจักรพรรดินีตั้งใจจะสร้างความสัมพันธ์เก่าให้ดีขึ้นใหม่กับพวกท่านเป่ยเซี่ย แต่ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว ไม่คิดว่าท่านอ๋องรุ่ยของพวกท่านควรรับผิดชอบต่อชื่อเสียงของจักรพรรดินีของเราหรือ?”
ทูตเหงื่อไหลไม่หยุด และกล่าวว่า “แล้วจะทำอย่างไรถึงจะสามารถ……….”
ขุนนางในราชสักนักกล่าวอย่างแข็งกร้าวว่า “ให้ท่านอ๋องรุ่ยของพวกท่านมาที่ต้าฉู่เพื่อขอโทษจักรพรรดินีของเรา!”
ต่อมาเหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและฝ่ายบู๊เริ่มพูดคุยกันไม่รู้จบ คิดหาวิธีต่างๆ ที่จะทำให้การทูตยากขึ้น ส่วนเฉินเสียนกล่าวอย่างใจเย็นว่า “เหล่าอ้ายชิงทั้งหลายโปรดเงียบก่อนอย่าใจร้อน ที่มานี้มีเพียงทูตจากเป่ยเซี่ยเท่านั้น ทำให้พวกเขาลำบากใจจะมีประโยชน์อะไร สู้นำคำของเราส่งกลับที่เป่ยเซี่ยจะดีกว่า”
ทูตรีบทูลว่า “ฝ่าบาท โปรดตรัสให้กระจ่างด้วยพ่ะย่ะค่ะ”
เฉินเสียนเอนตัวไปข้างหน้าโดยเอาศอกแนบเข่า และเท้าคางเพื่อมองทูต แล้วพูดอย่างสบายๆ ว่า “ต้องการให้ทั้งสองอาณาจักรมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน จะยากอะไร ตอนแรกเย่เหลียงกับข้าเกี่ยวดองกัน และลงนามในสัญญาไว้หนึ่งฉบับเพื่อให้ทั้งสองอาณาจักรมีสัมพันธไมตรีที่ดีต่อกันตลอดไป และแน่นอนว่ากับเป่ยเซี่ยก็จะเป็นเช่นนั้น ในสองวันนี้ข้ายังคิดว่าจะไปขอหมั่นกับเป่ยเซี่ยของพวกท่าน”
เป็นเวลานาทูตถึงได้สติกลับมา ถามว่า “ฝ่าบาท ……..จริงจังหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
เฉินเสียนกล่าวว่า “ท่านดูข้าสิ เหมือนกำลังล้อเล่นกับท่านอยู่หรือ? ท่านอ๋องรุ่ยของพวกท่าน เข้าตาข้าอย่างมาก”
วันที่สองทูตก็รีบออกเดินทางนำคำไปกราบทูล
เหล่าขุนนางก็ไม่มีอะไรจะขัดขวางกับสิ่งนี้ ก่อนหน้านี้ก็ได้มีองค์ชายหกแห่งเย่เหลียงอยู่แล้ว และตอนนี้อ๋องรุ่ยแห่งเป่ยเซี่ยมาอีกคน ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะยอมรับ
นอกจากนี้วังหลังของจักรพรรดินียังว่างอยู่นานมากแล้ว และหายากมากที่นางคิดอยากจะเพิ่มใครคนหนึ่งเข้ามาในวังหลัง
หลังจากจักรพรรดิเป่ยเซี่ยได้รับคำตอบกลับ ก็โกรธมาก ดูเหมือนว่านางจะแย้งไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
การเจรจาสันติภาพชายแดนจึงต้องระงับไว้ชั่วคราว แต่ราษฎรในเป่ยเซี่ยกระตือรือร้นที่ให้ส่งอ๋องรุ่ยไปต้าฉู่อย่างรวดเร็ว เพื่อแก้ไขวิกฤติของระหว่างทั้งสองอาณาจักร
ทันทีหลังจากนั้น เย่เหลียงได้รับการสนับสนุนเรือทะเลจากต้าฉู่ แต่ไม่ยินยอมที่จะจอดในน่านน้ำของตัวเอง และเริ่มแล่นไปทางเหนือ ข้ามน่านน้ำทะเลของต้าฉู่ และมุ่งตรงไปยังน่านน้ำทะเลของเป่ยเซี่ยเพื่อสำรวจ
เย่เหลียงไม่ต้องการประกาศการทำสงครามกับเป่ยเซี่ย เพียงแค่เดินเดินเรือไปรอบๆ น่านน้ำเป่ยเซี่ย และสำรวจภูมิอาณาเขตของเป่ยเซี่ย ซึ่งทำให้ตามแนวชายฝั่งของเป่ยเซี่ยได้กระสับกระส่าย
เจ้าหน้าที่ปกป้องพื้นที่ชายฝั่งทูลกับจักรพรรดิเป่ยเซี่ยว่า “เย่เหลียงกำลังวางแผนทำมิดีมิร้าย และแน่นอนว่าต้องรอจนกว่าจะเข้าใจอาณาจักรของเราก่อน ถึงจะเริ่มจากทะเลโจมตีเข้ามา หากยังไม่หยุดยั้ง หลังจากรอให้เขาเข้าใจสถานการณ์ของเราอย่างชัดเจน อาจจะเกิดเรื่องเลวร้ายมากในอนาคต!”
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยได้ยินว่า เรือของเย่เหลียงไม่เพียงแต่เป็นของขวัญจากต้าฉู่เท่านั้น และไปๆ มาๆ ถึงทะเลทิศบูรพาของต้าฉู่เพื่อเติมเต็มเสบียง ก็คือการได้รับความช่วยเหลือจากต้าฉู่
ถ้าเป่ยเซี่ยทะเลาะกับเย่เหลียง ต้าฉู่จะต้องยืนดูอยู่เฉยๆ อย่างแน่นอน
ต่อมาก็มีขุนนางกล้าพูดว่า “ฝ่าบาท เกี่ยวดองการสร้างสันติภาพระหว่างสองอาณาจักรก็ไม่ใช่ทางออกเสมอ ถ้าเป่ยเซี่ยและต้าฉู่สร้างสันติภาพ เย่เหลียงก็จะมาบรรจุศพอย่างแน่นอน”
จักรพรรดิเป่ยเซี่ยกล่าวอย่างโกรธเคือง: “ให้ฉันพาลูกชายไปแต่งงานเถอะ ฉันยังเสียหน้านี้ไม่ได้!”
ขุนนางเงียบ และรวบรวมความกล้าเพื่อพูดว่า “……… อย่างไรก็ตาม ท่านอ๋องรุ่ยก็จะต้องเสียหน้า”
คอมเม้นต์