The Boss Behind The Game – ตอนที่ 41 : โรงศพหินในอาณาจักรนารากะ
เมื่อการสลักในนารากะเสร็จสิ้น เป่ยลี่ก็สกัดวิญญาณดั้งเดิมออกจากสิ่งประดิษฐ์ เธอตั้งค่าตัวช่วยดันเจี้ยนให้เป็นวิญญาณดั้งเดิมก่อนที่เธอจะออกมาจากอันเดอร์เวิลด์พร้อมกับลู่หวู่
หลังจากที่ได้อ่านคอมเม้น เขาก็ได้รู้ว่าผู้เล่นต่างก็พยายามที่จะเก็บรูปภาพของดันเจี้ยน หลังจากที่ไตร่ตรองอย่างดีแล้ว ลู่หวู่ก็ได้ประกาศลงบนหน้าหลัก
“การปรับปรุงตัวเกมเสร็จสมบูรณ์ ดันเจี้ยนได้เปิดให้ใช้งาน: อาณาจักรนารากะ NPC ใหม่: ผู้ช่วยดันเจี้ยน”
[อาณาจักรนารากะ (ดันเจี้ยน)]:
อาณาจักรนารากะมีระดับความยากทั้งหมดสิบแปดระดับเพื่อให้ผู้เล่นได้ฝึกฝนและพัฒนาระดับเลเวล ทุกๆระดับมีมอนสเตอร์ระดับสูงสุดและสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งตามแต่ระดับชั้น ข้อมูลเพิ่มเติม สอบถามได้ที่ผู้ช่วยดันเจี้ยน
เงื่อนไขการเข้าร่วมดันเจี้ยน: ต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 10 คนในทีม
หลังจากที่พวกเขาได้ยินข่าว ผู้เล่นที่ไม่มีความอดทนก็เข้าสู่เกมในทันทีและวาร์ปของดันเจี้ยนก็เต็มไปด้วยผู้เล่นมากมาย
“ว้าว นี่มันเป็นดันเจี้ยนหลักเลย พวกเราจะเข้าไปได้ด้วยทีมที่มีคนมากกว่า 10 คนเท่านั้น นี่จำเป็นต้องตั้งเงื่อนไขเอาไว้สูงขนาดนี้เลยเหรอ?”
“เศร้า ฉันมันแค่ตัวคนเดียวที่กำลังหาทีมเพื่อรับฉันเข้าดันเจี้ยน!”
“ทีมนักฆ่าของเรากำลังรับคน เข้าร่วมกับเราเหล่านักฆ่าทั้งหลาย ได้เวลาในการล่าวัตถุดิบเพื่อการเลื่อนคลาสแล้ว!”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามันมีเวลาจำกัดในการทำภารกิจ เราสามารถอยู่ในดันเจี้ยนได้แค่หนึ่งชั่วโมงเท่านั้น มันไม่แฟร์กับผู้เล่นที่อ่อนแอเอาซะเลย!”
หลังจากที่ผู้ช่วยดันเจี้ยนได้อธิบายเกี่ยวกับอาณาจักรนารากะให้ผู้เล่นได้ฟังเสร็จแล้ว ผู้เล่นต่างก็ตื่นเต้นที่จะได้เห็นนารากะด้วยตาตัวเอง
ในตอนนี้ เป่ยลี่ก็ได้สร้างคลาสนักเวทย์ขึ้นมาให้ตัวเองเพื่อที่จะเข้าไปร่วมกับหมู่ผู้เล่น
เป่ยลี่เองก็ไม่เคยได้เข้าไปในอาณาจักรนารากะเช่นกัน เธอจึงอยากรู้มากว่ามันเป็นยังไง
ไม่มีเหตุผลอะไรที่ลู่หวู่จะต้องห้ามเธอ เพราะยังไงมันก็เป็นโลกเสมือนจริงและไม่มีทางที่จะได้รับอันตรายต่อร่างกายใดๆทั้งสิ้น
เพื่อที่จะสร้างความแข็งแกร่งให้กับการเข้านารากะในครั้งแรก หลายๆทีมกำลังวุ่นวายกับการขยายจำนวนสมาชิกในทีม พยายามที่จะรับคนเข้าทีมให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นั่นคือวิธีที่เป่ยลี่ใช้ในการเข้าร่วมกับทีมของพวกเขา
บังเอิญว่าทีมที่เธอได้เข้าร่วมนั้นเป็นทีมของสมาชิกในกิลด์การ์เดี้ยนแองเจิลของเย่เสี่ยวเอ้อ
ใครก็ตามที่จะเข้าร่วมทีมจะต้องเข้าร่วมกิลด์ก่อน หลังจากที่เธอส่งการสมัครไปแล้ว ใบสมัครของเป่ยลี่ก็ได้ถูกตอบรับเข้าอย่างรวดเร็วและเธอก็ได้เป็นหนึ่งในสมาชิกกิลด์ไปโดยทันที จากนั้นเธอก็สมัครเข้าสู่ทีมของเย่เสี่ยวเอ้อ
ด้วยการเป็นหัวหน้าทีม เย่เสี่ยวเอ้อได้นับจำนวนสมาชิกในทีม เมื่อเธอมั่นใจแล้วว่าจำนวนสมาชิกนั้นครบ 30 คน เธอก็ประกาศผ่านช่องแชทของกิลด์ “ลุยกันเถอะ!”
เธอยื่นมือออกมาเพื่อเข้าสู่วาร์ปของดันเจี้ยน เมนูได้ปรากฏขึ้นมา
[ดันเจี้ยน]:
- อาณาจักรนารากะ
มันมีแค่ตัวเลือกเดียว เย่เสี่ยวเอ้อได้เลือกตัวเลือกนั้นไปและทั้งทีมก็เข้าสู่ความสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงในทันที
ตามที่เป่ยลี่ได้ตั้งค่าเอาไว้สำหรับการเคลื่อนย้ายกลุ่มผู้เล่น ระบบจะทำการเคลื่อนย้ายผู้เล่นไปที่สิ่งประดิษฐ์ก่อน ในช่วงระยะเวลานี้ความรู้สึกของผู้เล่นจะถูกปิดกั้น จากนั้นพวกเขาจะถูกเคลื่อนย้ายจากสิ่งประดิษฐ์เข้าสู่ดันเจี้ยน
นี่เป็นความสะดวกสบายของผู้เล่น แต่มันก็ช้ามากและเป็นปัญหาถ้าพวกเขาจะข้ามไปข้ามมา
ในเรื่องของสถานที่ที่ผู้เล่นจะถูกส่งไปนั้น ระบบจะส่งไปแบบสุ่ม พวกเขาจะไปปรากฎในที่ต่างๆขึ้นอยู่กับดวงของผู้เล่นล้วนๆ
เมื่อความรู้สึกของผู้เล่นได้กลับคืนมา ทั้งทีมจะรับรู้ได้ถึงสิ่งรอบตัวที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
กิ่งไม้แห้งๆที่ร่วงลงสู่พื้นดินเต็มไปด้วยรอยแตกร้าวด้วยลาวาสีแดงที่ยังคงส่องแสงอยู่ในนั้น แม้ว่าความรู้สึกของพวกเขาจะถูกจำกัดลง แต่พวกเขาก็ยังรับรู้ถึงคลื่นความร้อนที่พัดเข้ามาปะทะกับร่างกาย
“นารากะ 18 ระดับ, ระดับที่ 1”
ไม่นาน คำประกาศที่แสดงถึงตำแหน่งผู้เล่นก็ได้จางหายไป
“อาณาจักรนารากะมันดูสมจริงมาก โคตรเจ๋ง!”
ผู้เล่นต่างตะลึงจากสิ่งแวดล้อมของดันเจี้ยนและสถานที่ภายในอาณาจักรนารากะ มีผู้เล่นที่ยื่นมือไปที่รอยแตกเพื่อที่จะสัมผัสกับลาวาก่อนที่พวกเขาจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างสุดขีดที่แขนของเขา ในขณะเดียวกัน ตัวเลขก็ได้ปรากฏขึ้นบนหัวของพวกเขา แสดงถึงพลังชีวิตที่สูญเสียไป
“เอาหล่ะ อย่าไปแตะต้องอะไรและเริ่มออกเดินทางไปด้วยกันเถอะ จากที่ผู้ช่วยดันเจี้ยนได้บอกว่า มันมีวัตถุดิบมีค่าและสมบัติอีกมากมายในสถานที่นี้ ช่วยกันมองอย่างละเอียดและอย่าพลาดแม้แต่นิดเดียว”
เย่เสี่ยวเอ้อตรวจดูพื้นที่รอบๆตัวก่อนที่เธอจะพูดขึ้นผ่านช่องแชทของกิลด์
พวกเขาเริ่มการสำรวย
ผ่านไปสิบนาที น้ำตกลาวได้ปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของพวกเขา
เย่เสี่ยวเอ้อตั้งใจจะใช้ทางอ้อมเพื่อข้ามน้ำตกนี้ไปในตอนแรก แต่มีผู้เล่นที่สังเกตเห็นถ้ำที่อยู่ด้านซ้ายมือของน้ำตกและได้แจ้งคนในทีมผ่านช่องแชทกิลด์
เพื่อพิจารณาถึงการที่เข้ามาเพื่อล่าสมบัติ เย่เสี่ยวเอ้อก็สงสัยเกี่ยวกับถ้ำนั้น เธอกวักมือเรียกสมาชิกทีมให้ตามไปเธอไป พวกเขาเดินหน้าเข้าหาน้ำตกลาวา
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้น้ำตก อุณหภูมิก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากเบอร์เซิร์กเกอร์ที่แข็งแกร่ง พลังชีวิตของนักเวทย์ทุกคนก็ลดลงหนึ่งจุดในทุกๆห้าวินาที
โชคดีที่พวกเขาได้ไปถึงทางเข้าของถ้ำพอดี ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงกลัวเกินกว่าที่จะก้าวเท้าไปต่อ
เย่เสี่ยวเอ้อเดินไปที่ด้านข้างของถ้ำและได้เงยหน้าขึ้นมาสำรวจพื้นที่ เธอสังเกตุเห็นว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่เธอจะมองเห็นด้านในของถ้ำ เธอกวักมือเรียกสมาชิกทีมและนำพวกเขาเข้าสู่ถ้ำ
ถ้ำนั้นอยู่ใกล้กับน้ำตกลาวา แต่ทั้งทีมก็ต้องประหลาดใจที่ภายในถ้ำนั้นไม่มีความร้อนใดๆเลยเมื่อพวกเขาได้ก้าวท้าวเข้าไป
เมื่อพวกเขาได้ก้าวลึกเข้าไปในถ้ำ พวกเขาถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นสุดขั้วที่หนาวไปถึงกระดูก
ทัศนวิสัยของพวกเขาถูกบดบังมากขึ้นเรื่อยๆ เย่เสี่ยวเอ้อก็ส่งสัญญาณให้สมาชิกในทีมใช้คบเพลิงที่พวกเขาซื้อมาจากร้านค้า ทันใดนั้นรอบๆตัวของพวกเขาก็สว่างขึ้นมา
ด้วยแสงไฟที่ยังอยู่ ทำให้โถงนั้นดูน่ากลัวจนขนลุก ด้วยฉากที่เห็นนั้นทำให้ผู้เล่นที่ขี้กลัวต่างก็จับกลุ่มเบียดกัน
เมื่อพวกเขาเข้าไปต่อ พวกเขาก็เข้าไปถึงก้นของถ้ำและได้รับการต้อนรับจากความคดเคี้ยวของถ้ำ ทั้งทีมหยุดการเคลื่อนไหว
ลมกระโชกรุนแรงซัดเข้ามา มันน่ากลัวมากจนพวกเขารู้สึกเหมือนกับมีมอนสเตอร์แอบซ่อนอยู่ที่มุมของถ้ำ
เย่เสี่ยวเอ้อสูดหายใจเข้าลึกและเดินไปที่ด้านหน้าของทีม เธอเองก็กลัวเหมือนๆกัน แต่ในฐานะผู้นำทีม เกียรติของเธอนั้นสำคัญกว่าชีวิต
เมื่อพวกเขาผ่านมุมถ้ำนั้นมา ห้องที่ว่างเปล่าขนาดกว้างขวางก็ปรากฏขึ้นในระยะมองเห็นของพวกเขา เมื่อพวกเขาไปถึง ดวงไฟก็ปรากฏขึ้นที่กำแพงหินรอบๆทำให้ทั้งห้องนั้นสว่างขึ้นมา
เมื่อสมาชิกทีมได้สำรวจสถานที่แล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ต้องผงะ
พวกเขาอยู่ที่โถงสำหรับฝังศพ มีโรงศพอยู่มากมาย ถูกจัดเรียงอยู่อย่างเรียบร้อยด้านหน้าของพวกเขา ฉากที่ได้เห็นนั้นทำให้เย่เสี่ยวเอ้อกับทีมของเธอต้องช็อก
เย่เสี่ยวเอ้อปลอบใจตัวเองว่าทุกๆอย่างที่เห็นด้านหน้านั้นมันไม่ใช่ของจริง
เธอหายใจเข้าลึกอีกครั้งและทำทีมของเธอตรงไปที่โรงศพเหล่านั้น
เมื่อเย่เสี่ยวเอ้อไปถึงที่กลางห้องและกำลังจะทำการสำรวจโรงศพ เธอก็ต้องตกใจกับเสียงที่ดังขึ้น ทันใดนั้นสีหน้าของเธอก็ซีดเซียว เธอพยายามหยุดตัวเองไม่ได้กรี๊ดออกมา
เธอหันไปมองเพื่อหาต้นตอของเสียงนั้น แล้วก็ได้รู้ว่าเสียงนั้นมันดังมาจากน้องชายของเธอ เย่เฉิน เขากำลังทุบทำลายโรงศพหินนั้นด้วยดาบขนาดใหญ่
“นายกำลังทำอะไร?” เย่เสี่ยวเอ้อไม่สามารถหยุดยั้งความโกรธของเธอและได้ตำหนิเขา
“มันจะต้องมีมรดกอยู่ในโรงศพแน่ๆถ้าไม่ใช่สมบัติ” เย่เฉินตอบกลับมาอย่างจริงจังก่อนที่จะกวัดแกว่งดาบของเขาอีกครั้ง
หลังจากที่งงอยู่สักพัก เย่เสี่ยวเอ้อก็เปลี่ยนใจ เย่เฉินอาจจะคิดถูก ถึงยังไงสมบัติมันก็หาได้จากสถานที่ที่ซ่อนอยู่อยู่แล้ว
เมื่อเห็นเย่เสี่ยวเอ้อหยุดต่อต้านการกระทำของเย่เฉิน ผู้เล่นบางคนก็เห็นด้วยและได้เริ่มทำลายโรงศพด้วยดาบ คทา หรือแม้แต่มีด ตามที่พวกเขาถืออยู่ หวังที่จะได้รับคลาสลับของตัวละคร
เสียงอึกทึกที่ดังขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ผู้เล่นหายใจแทบไม่ทัน พวกเขาจ้องมองไปที่โรงศพหินที่แข็งเหมือนเหล็ก
“น่าโมโหนัก! พวกเขาควรจะติดตั้งสวิตช์เอาไว้ด้วยสิ! นี่พวกเขายังอยากให้เราเล่นเกมนี้ต่อหรือเปล่า? เป็นการเล่นเกมที่ห่วยแตกมาก!”เย่เฉินโวยวาย
ผู้เล่นต่างๆทำหน้าแสยะปากเมื่อพวกเขาได้ยินคำกร่นด่าของเย่เฉิน นี่นายติดตั้งสวิตช์ไว้ที่โรงศพของบรรพบุรุษนายด้วยเหรอ?
“ถ้าฉันตาย ฉันจะติดตั้งสวิตช์ไว้ที่โรงศพเลย ทุกคนจะได้เปิดปิดได้ง่ายๆเพียงแค่คลิกเดียว” เย่เฉินยังคงบ่นพึมพัมต่อไป
คำพูดของเขาทำให้ผู้เล่นต่างพูดไม่ออก
—————————————————————————————
คอมเม้นต์