Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 29 ราชันจักจั่นทองคำ

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 29 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 29 ราชันจักจั่นทองคำ

เมื่อกลับมาถึงยอดเขาเมฆาอินทนิล เยี่ยฉวนนั่งลงและเข้าสู่สมาธิ

จินหัวตายตกไปแล้ว ส่วนภัยคุกคามที่เกิดจากโท่วป่าเซียงก็สร้างความหดหู่ใจไม่แพ้กัน ทว่าเรื่องทั้งหมดยังไม่จบสิ้น

บิดาของจินหัวย่อมไม่ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป เช่นเดียวกับอาวุโสลำดับสามผู้อยู่เบื้องหลัง สำนักหมอกเมฆาคงไม่อาจสงบลงได้ตราบใดที่คนทั้งสองไม่ถูกกำจัดไปเสีย การประลองอันยิ่งใหญ่ระหว่างสามสำนักกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ หนนี้สำนักเครื่องนิลได้รับความอับอาย โท่วป่าเซียงจึงเกิดความชิงชังหมายจะแก้แค้นในการประลองที่จะมาถึง ขั้นพลังอู่เจ๋อระดับห้านั้นยังไม่แข็งแกร่งพอจะต่อกรเป็นแน่

พายุที่รุนแรงยิ่งกว่ากำลังใกล้เข้ามา!

ในสถานการณ์เช่นนี้ หากเป็นผู้อื่นคงร้อนใจจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ทว่าเยี่ยฉวนกลับมีท่าทีสงบนิ่ง

แม้ระดับขั้นการฝึกตนจะเป็นเรื่องสำคัญ แต่เคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์จากสุสานเทพเจ้าทำให้เยี่ยฉวนมั่นใจในพลังของตนเป็นอย่างมาก เขาครอบครองยันต์กลืนกินสวรรค์เพียงเศษเสี้ยว อานุภาพของมันยังทรงพลังถึงเพียงนี้ หากยันต์ก่อตัวจนสมบูรณ์เต็มใบ อานุภาพจะมากมายมหาศาลเพียงใดกัน?

เยี่ยฉวนจมอยู่ในโลกแห่งการฝึกตนด้วยความหวังอันแรงกล้า

ปราณแห่งจิตวิญญาณโลกอันบริสุทธิ์ที่ไหลมารวมกันผ่านค่ายกลวิญญาณโอสถ ไหลเวียนและแทรกซึมในร่างของเยี่ยฉวนจากกระหม่อมของเขาไปทั่วทั้งร่าง

ผลึกเส้นโลหิตมังกรที่เขาชิงคืนมาจากจินหัวกลับหลอมละลายอย่างรวดเร็วเกินคาด และแพร่กระจายปราณวิญญาณออกไปอย่างไร้ขอบเขต

ปราณแห่งจิตวิญญาณโลกที่เพียงพอทำให้ผลลัพธ์การฝึกตนของเยี่ยฉวนทวีคูณขึ้นด้วยความพยายามเพียงครึ่ง และด้วยเหตุนี้ แกนกลางของพลังปราณจึงค่อยๆ รวมตัว กลับกลายเป็นยันต์อักขระแตกต่างกันไป บ้างกลายเป็นพยัคฆ์ร้ายน่าเกรงขาม บ้างกลายเป็นแมงป่องมีพิษชูหางอย่างลำพอง บ้างเป็นมังกรชูคอคำรามก้อง กลืนกินสวรรค์สั่นสะเทือนแผ่นดิน

ฉับพลัน เยี่ยฉวนรู้สึกตัวเบาหวิวราวกับกำลังลอยล่องอยู่บนท้องนภา สูงขึ้นเรื่อยๆ ราวกับขี่อยู่บนเมฆหมอก จิตวิญญาณของเขาลอยขึ้นไปเบื้องบน โอบล้อมทั้งยอดเขาเมฆาอินทนิล สำนักหมอกเมฆา และเทือกเขาหมอกเมฆาที่ทอดยาวต่อเนื่องนับพันลี้ ทันที่ที่สัมผัส ณ จุดสูงสุด เขาได้ยินเสียงมังกรคำรามสะเทือนเลื่อนลั่น ฉุดรั้งให้วิญญาณของเขากลับมายังร่าง ที่จุดตันเฉียนปรากฏยันต์ตรามังกรเลือนลางมองดูละม้ายคล้ายกับภาพมังกรคำรามที่แท้จริง

ยันต์กลืนกินสวรรค์!

จิตของเขาเปลี่ยนมังกรให้กลืนกินสวรรค์สั่นสะเทือนแผ่นดิน!

เยี่ยฉวนรวบรวมสมาธิก่อนจะสะบัดแขนออก ตู้ม! ภูเขาที่นอกหน้าต่างเกิดระเบิดเสียงดังก่อนจะปรากฏรอยลึกกว่าสามนิ้วบนหินผาไว้ชัดเจน

หนึ่งหมื่นแปดพันจิน!

ความแข็งแกร่งของเยี่ยฉวนนั้นก้าวกระโดด เมื่อการฝึกตนของเขาบรรลุจุดสูงสุด เขาจะสามารถรวมยันต์กลืนกินสวรรค์ได้ถึงหนึ่งแสนแปดพันใบ แต่ละใบมีพลังถึงหนึ่งหมื่นแปดพันจิน เพียงแค่ใบเดียว พลังของเขาก็เป็นที่น่าสะพรึงยิ่งนัก

เยี่ยฉวนพินิจดูข้างในพบว่าอวัยวะภายในของเขาวาววับ เขาได้ก้าวผ่านขั้นอูเจ๋อระดับหก และเริ่มเพิ่มความแข็งแกร่งและขัดเกลาอวัยวะภายในโดยไม่รู้ตัว การบรรลุจุดสูงสุดของการฝึกตนถือเป็นความใฝ่ฝันของจอมยุทธ์ทั้งหลาย ทว่าเยี่ยฉวนกลับสนใจการก่อกำเนิดยันต์กลืนกินสวรรค์เสียมากกว่า

ยันต์กลืนกินสวรรค์ใบแรกเป็นรูปมังกรเพราะดูดซับพลังจากผลึกเส้นโลหิตมังกร ยันต์กลืนกินสวรรค์ใบต่อไปจะมีรูปทรงและพลังอำนาจที่ต่างออกไปหรือไม่?

เยี่ยฉวนรู้สึกเร่าร้อนอยู่ภายใน กระหายจะสำรวจความพิศวงนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งกว่า เพื่อยืนยันว่าเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์นั้นเหนือกว่าเคล็ดวิชาฝึกตนในสำนักอื่นใดในโลก ทว่าการก่อรวมยันต์กลืนกินสวรรค์เพียงใบเดียวได้ใช้พลังที่เขาสะสมมาจนหมดสิ้น อีกทั้งผลึกเส้นโลหิตมังกรในร่างก็หายไป เขาจึงจำเป็นต้องตามหาสมบัติโลกชิ้นใหม่เพื่อก่อรวมยันต์กลืนกินสวรรค์ใบที่สอง

ตอนนั้นเองสัมผัสประหลาดแล่นผ่านร่างกายของเขา

เยี่ยฉวนเพียงแค่คิดคำนึง บงกชสีครามก็ลอยออกมา ตามมาด้วยแสงอบอุ่นที่สาดส่องมายังร่างของเขา แสงสีทองเป็นประกายระยับท่ามกลางแสงนวลตา ก่อนจะปรากฎจักจั่นทองคำตัวน้อยออกมาจากโคมบงกชสีครามและหยุดลงบนฝ่ามือของเยี่ยฉวน แม้ขนาดของมันจะเท่ากับก่อนหน้าแต่ปีกของมันกลับงอกเพิ่มขึ้นอีกคู่ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบได้ จักจั่นทองคำสองปีกกลับกลายเป็นจักจั่นทองคำสี่ปีก ปีกทั้งสี่ราวกับใบมีดบางๆ ที่แหลมคม เกิดกระแสลมแรงและเร็วในทุกจังหวะที่ขยับปีกกระพือ และทิ้งรอยขีดข่วนชัดเจนไว้บนผิวที่ทั้งแข็งทั้งหนาของเยี่ยฉวน

“โอ้…”

เยี่ยฉวนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก แม้ในยามนี้จะมีพละกำลังมหาศาล แต่น่าแปลกที่เขาไม่สามารถต้านทานความรู้สึกนี้ได้ อีกทั้งปีกเล็กๆ ของจักจั่นทองคำยังสร้างบาดแผลบนผิวของเขาได้โดยง่าย สิ้นห้วงความคิด จักจั่นทองคำก็กางปีกและออกบินขึ้นไปในอากาศเพื่อไล่ตามแมลงกลายพันธุ์ตัวหนึ่ง ปีกสองคู่ขยับอย่างรวดเร็ว ผ่าครึ่งแมลงตัวนั้นออกเป็นสองส่วน ก่อนที่ปราณและเลือดของมันจะถูกจักจั่นดูดซับจนหมดสิ้น

หลังจากดูดกลืนหมดสิ้นแล้ว จักจั่นทองคำกลับคึกคักขึ้นมา ก่อนจะไล่ล่าแมลงกลายพันธุ์ตัวอื่นไปรอบๆ ลานกว้างแห่งยอดเขาเมฆาอินทนิล

แมลงกลายพันธุ์เหล่านี้เป็นที่เกลียดชังอย่างยิ่ง ไม่มีทางใดที่จะขับไล่หรือกำจัดพวกมันไปได้หมด แม้จะฉีดพ่นยาและซ่อมแซมค่ายกลวิญญาณโอสถแล้ว พวกเขาก็ยังไม่สามารถหยุดเหล่าแมลงที่มักจับกลุ่มเป็นฝูงตามสมุนไพรบนภูเขาได้ แต่หลังจากจักจั่นทองคำสี่ปีกปรากฏตัว เหล่าแมลงกลายพันธุ์กลับตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัดและบินวุ่นไปรอบๆ ทุกที่ที่จักจั่นบินไป แมลงค่อยๆ หายไปจนหมดสิ้น หลังจากดูดซับเลือดของแมลงไปจำนวนมาก จักจั่นทองคำก็มีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กระพุ้งสองข้างปรากฎขึ้นบนหลังของมัน เป็นลางว่ามันกำลังจะเปลี่ยนเป็นจักจั่นทองคำหกปีก

“จักจั่นทองคำสี่ปีกสามารถต่อกรกับซิวฉือได้ แล้วถ้าหากมันแปลงเป็นจักจั่นทองคำหกปีกเล่า การประลองอันยิ่งใหญ่ที่กำลังจะมาถึงนี้ก็คง…”

ดวงตาของเยี่ยฉวนทอประกายกล้า และความประหลาดใจในตอนแรกได้แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น เขานั่งลงและใช้พลังจิตสั่งการให้จักจั่นทองคำสี่ปีกนี้กำจัดแมลงกลายพันธุ์ทั้งหมดในลานกว้างแห่งยอดเขาเมฆาอินทนิลให้สิ้นซาก มันออกล่าไปทั่วทั้งยอดเขา แมลงกลายพันธุ์ที่เขาเลี้ยงเอาไว้อย่างไม่ได้ใส่ใจกลับกลายเป็นราชันจักจั่นทองคำในตำนาน!

ในยามนี้ เยี่ยฉวนมีใบมีดคมกริบแปดใบในมือ และอีกใบอยู่ที่ปากของเขา เขากำลังสั่งการราชันจักจั่นทองคำไปพร้อมกับการฝึกปรือเคล็ดวิชาคืบอรุณ

ครั้งหนึ่งเคล็ดวิชานี้เคยเป็นเคล็ดวิชาโดยกำเนิดของราชาโอสถหัตถ์วิญญาณ ผู้มีอีกนามว่า เก้ากระบี่ บัดนี้เมื่อเทียบกับราชาโอสถหัตถ์วิญญาณ เยี่ยฉวนมีใบดาบมากกว่าเขาหนึ่งใบเมื่อราชันจักจั่นทองคำนับเป็นดาบใบที่เก้า ในยามราตรี เขาสามารถปลิดชีพผู้ที่อยู่ห่างจากเขาไปนับพันกิโลเมตรโดยไม่มีใครล่วงรู้!

เคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ไม่เพียงแต่รวมยันต์กลืนกินสวรรค์ที่สามารถกลืนกินสวรรค์ได้ดั่งใจนึก แต่ยังสามารถกล่อมเกลาปีศาจเพื่อควบคุมแผ่นดินเบื้องล่างได้อีกด้วย!

นี่คือเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ที่แท้จริง!

เยี่ยฉวนได้ค้นพบความยิ่งใหญ่และมนต์เสน่ห์ของเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์ ตลอดช่วงชีวิตที่ผ่านมา เขาเป็นผู้เดียวที่สามารถซ่อนเร้นสวรรค์ไว้ได้ด้วยสองมือ และผู้คนมากมายต่างปรารถนาเคล็ดวิชานี้ ทว่าในยามนี้เยี่ยฉวนตระหนักแล้วว่าเคล็ดวิชาซ่อนเร้นสวรรค์ที่เขาเคยยึดถือมาตลอดชีวิตไม่อาจเทียบได้เลยกับเคล็ดวิชาขัดเกลาปีศาจกลืนกินสวรรค์นี้

สุดท้ายแล้วสุสานเทพเจ้าแห่งนี้คือที่ใด ขุมทรัพย์และความลับอะไรซุกซ่อนอยู่ในหลุมศพอื่นๆ?

เป็นครั้งแรกที่เยี่ยฉวนคะนึงหาสุสานเทพเจ้าอันน่าพิศวงหลังจากได้ฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้ง

แม้ว่าครั้งหนึ่งจะเคยถูกกักขังอยู่ภายในนับล้านปี แต่เขากลับมองเห็นสุสานเทพเจ้าเพียงผิวเผินเท่านั้น ยังมีปริศนาอีกนับไม่ถ้วนรอคอยให้ค้นพบ

ใบมีดบางเฉียบทั้งเก้าหมุนด้วยความเร็วเต็มที่ พลางเปล่งแสงสีจางอย่างต่อเนื่อง เยี่ยฉวนเปิดปากให้ใบมีดหนึ่งเข้าไปในปากของเขา

เยี่ยฉวนกระทำการสองสิ่งไปพร้อมกัน ขณะฝึกปรือเคล็ดวิชาคืบอรุณที่ผู้คนไม่แม้แต่จะเหลียวแลนั้น กระแสพลังในร่างของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนสัมผัสได้ว่ากำลังเริ่มบรรลุขั้นอูเจ๋อระดับเจ็ด ทันใดนั้น แว่วเสียงฝีเท้าลึกลับจากด้านนอกลานกว้างแห่งยอดเขาเมฆาอินทนิล ใครบางคนเผลอย่ำลงบนกิ่งไม้แห้งอย่างไม่ทันระวัง

ใครกัน? จินจื่อคุนอดรนทนไม่ได้ถึงเพียงนั้นเลยหรือ?

เยี่ยฉวนลืมตาขึ้นฉับพลันก่อนหัวเราะเยือกเย็น

…………………………………………….

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด