Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 318 เจ้ายังอ่อนประสบการณ์นัก!

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 318 เจ้ายังอ่อนประสบการณ์นัก! อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 318 เจ้ายังอ่อนประสบการณ์นัก!

เยี่ยฉวนหลบหนีลงไปตามโพรงใต้ดินที่ฝูงตัวนิ่มขุดไว้ทําให้สลัดหลุดจากจุดตั้งค่ายของกองทหารแห่งจักรวรรดิต้าฉันได้อย่างรวดเร็ว เขาพบว่าหลงเอ๋อร์คอยเขาอยู่ด้านนอกวงล้อมและขอบเขตป้องกันเตสังหารนานแล้ว หนึ่งมนุษย์หนึ่งมังกรจึงทะยานขึ้นฟ้าจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อกลับมาถึงยอดเขาที่พํานักเยี่ยฉวนจึงเร่งรักษาอาการบาดเจ็บของตนทันที

ทันทีที่ถอดชุดคลุมสงครามชั้นนอกออกจึงเห็นว่ามีจุดขนาดเล็กมากเป็นรอยแดงเถือก มีเลือดไหลซึมออกมาจากจุดเหล่านั้น หากมองจากระยะไกลอาจเห็นเป็นเพียงผื่นแดงทว่าเมื่อพินิจในระยะใกล้จะพบว่าพวกมันคือจุดแดงขนาดเท่าปลายเส้นผมที่เรียงตัวต่อกันเป็นแถบจนผิวหนังบริเวณแผ่นหลังเกิดอาการชาวาบ

แม้เขามีร่างกายที่แข็งแกร่งด้วยสภาวะกิ่งมังกรยังไม่อาจต้านทานได้ หากเขายังมีสถานะเป็นมนุษย์ที่มีร่างกายสามัญจะไม่กลายเป็นก้อนเนยแข็งที่มีรูพรุนหรืออย่างไร?!

เยี่ยฉวนนึกแล้วยังรู้สึกสั่นสะท้านไม่หาย เขาหยิบขวดโอสถออกมาและส่งให้หลงเอ๋อร์พร้อมขอให้ช่วยทาบางๆลงบนบาดแผล

นับตั้งแต่เขาสามารถขัดเกลาเคล็ดกายามังกรสําเร็จทําให้ร่างกายเกิดสภาวะกิ่งมังกรไร้เทียมทาน ทั้งการควบแน่นของยันต์กลืนกินสวรรค์ใบที่เจ็ดยังทําให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นเป็น หนึ่งแสนสองหมื่นหกพันจนจนเป็นที่หวาดหวั่นต่อศัตรูบัดนี้เขาสามารถยืนหยัดต่อสู้กับองค์ชาย รัชทายาทหลีก่วงฮานโดยไร้ข้อเสียเปรียบใดๆต่อให้อีกฝ่ายเรียกใช้หมัดจักรพรรดิ หมัดสังหารของเขาก็มีอานุภาพทําลายล้างเท่าเทียม แต่เมื่อพบกับนักพรตเต๋ยอดฝีมือที่เชี่ยวชาญด้านการสร้างอาวุธสังหารขนาดใหญ่นั่นเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา แม้มีร่างกายแกร่งกล้าเพียงใดก็ไม่อาจต้านทานการโจมตีนั้นได้สิ่งนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าขั้นการฝึกตนเขายังมีช่องโหว่ขนาดใหญ่ต้องเร่งแก้ไข

“คุณชายผู้ประเสริฐ ขณะนี้กองกําลังแห่งจักรวรรดิต้าฉันกําลังตามไล่ล่าท่านขอรับ!” ปีศาจเพลิงพุ่งตัวออกมาจากป่าทึบขณะรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้กับเยี่ยฉวน

ครั้นมองลงไปจากเบื้องบนจึงเห็นว่าบริเวณเชิงเขาด้านล่างเต็มไปด้วยแสงสว่างส์แดงเจิดจ้าจากคบเพลิงจํานวนมากกองทหารหลายนายกําลังบุกรุกเข้าสู่เขตเทือกเขานอกจากพรตเต๋สังหารแล้วเขาก็ไม่รู้ว่าในกองทัพที่มีไพร่พลมหาศาลนี้จะมียอดฝีมือชั้นเลิศอีกกี่รายแฝงกายอยู่

“พวกมันมาได้เวลาที่สมควรแล้ว กระจายคําสั่งของข้าออกไป! ถอนกําลังพลเสียแล้วปล่อยให้มันไล่ล่าปล่อยให้พวกมันเดินลึกเข้าไปอย่าได้เข้าขัดขวาง!”

เยี่ยฉวนระเบิดเสียงหัวเราะเย้ยหยัน การที่กองทหารเข้าประชิดชายแดนและโจมตีเป็นวงกว้างอย่างไร้ทิศทางไม่ทําให้เขาหวาดกลัวเท่ากลยุทธ์โจมตีในแนวตรงเพื่อรุดไปด้านหน้าเพราะหาก เป็นอย่างหลังความเหลื่อมล้ําขนาดใหญ่ระหว่างกองกําลังของทั้งสองฝ่ายจะยิ่งแสดงให้เห็นถึงข้อเสียเปรียบอย่างชัดเจนองค์ชายหลีก่วงซ่านยกทัพมาถึงเชิงเขาและทําการโจมตีในวงกว้าง เช่นเดียวกับที่เยี่ยฉวนคาดการณ์ เขาเรียกใช้พลังอย่างเต็มที่เพื่อกวาดล้างสํานักหมอกเมฆา ซึ่ง การกระทําเช่นนั้นเป็นประโยชน์ต่อเยี่ยฉวนอย่างไม่ต้องสงสัยทางขึ้นสู่ยอดเขานั้นเต็มไปด้วยหนทางคดเคี้ยวทั้งยังซับซ้อนเกินจดจ่า ดังนั้นจึงไม่ง่ายหากอีกฝ่ายจะโจมตีสํานักหมอกเมฆาอย่างไร้ทิศทางเช่นนี้

ชายหนุ่มยันกายลุกขึ้นยืนขณะตัดสินใจว่าจะใช้แผนการแยบยลบางอย่าง เขาเรียกปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเข้าใกล้ก่อนสั่งความ “หลัวเต่อ ข้าจําเป็นต้องไปสะสางบางสิ่งเรื่องที่เกิดขึ้นข้าขอมอบให้เจ้าจัดการแทนก็แล้วกัน…”

“ฮิๆๆ คุณชายผู้ประเสริฐโปรดวางใจ ข้าจะจัดสรรความบันเทิงให้กับแขกของพวกเราเป็นอย่างดี ศึกครั้งนี้มีแต่เหยื่ออันโอชะดาษดื่นนักหากข้ายังอยู่ในถ้ําพุทธดรรชนีจะมีโอกาสเช่นนี้ได้อย่างไร? ฮิๆๆ!”

ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อระเบิดเสียงหัวเราะประหลาดก่อนเร้นกายหายลับไป เพียงชั่วพริบตาบนพื้นดินทั่วที่ราบบนภูเขากลับมีต้นอ่อนของเถาวัลย์ผลิดอกออกใบและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเถาวัลย์พิษที่โบกสะบัดรอคอยเหยื่อประหนึ่งอสรพิษ

การร่ายระบําอย่างกระหายเลือดของปีศาจเถาวัลย์!

ปีศาจเฒ่าหลัวเต่อรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจ มันเรียกใช้พรสวรรค์อันทรงพลังมหาศาลที่มีโดยกําเนิดในการโจมตีศัตรูโดยตรง

ในฐานะปีศาจอายุหนึ่งแสนปีซึ่งได้รับฉายาว่าเถาวัลย์พันกร สถานที่ซึ่งมันชื่นชอบที่สุดคือป่ารกชัฏไร้จุดสิ้นสุดและทอดยาวไปไกลจนสุดสายตา หากต่อสู้กับศัตรูในสถานที่เช่นนั้นทักษะของมันจะยิ่งเพิ่มพูนขึ้นถึงสองเท่า!

องค์ชายหลีก่วงซ่านมีกองกําลังทหารใต้บังคับบัญชาอยู่ในมือไม่ต่ํากว่าสองแสนนาย แม้เป็นจํานวนที่มากพอจะข่มขวัญอีกฝ่าย แต่เมื่อเทียบกับเถาวัลย์พิษซึ่งเลื้อยปกคลุมรอบที่ราบบนเทือกเขาตัวเลขนั้นเห็นทีคงไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง เถาวัลย์จํานวนมากของหลัวเพื่อสามารถดูดกลืนพลังชีวิตของพวกเขาจนล้มตายได้อย่างไม่ยากเย็นความสามารถเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อมันยัง อยู่ในระดับการฝึกตนขึ้นปรมาจารย์แห่งเต๋าทว่าเมื่อใดที่มันบรรลุเข้าสู่ขั้นกึ่งปราชญ์หรือสูงกว่าเถาวัลย์พิษที่โผล่ขึ้นจากพื้นดินก็จะกลายเป็นปีศาจเถาวัลย์ที่มีชีวิต ถึงเวลานั้นพื้นที่ดังกล่าวก็จะแปรเปลี่ยนเป็นทุ่งสังหาร!

“เหยียนจื่อ นากู้ซื้อ… เจ้าสองคนช่วยรั้งอยู่ด้านหลังคอยให้ความช่วยเหลือหลัวเต่อด้วยเถิดจําไว้ว่าเมื่อใดก็ตามที่พวกเจ้าเริ่มอยู่ในสถานะที่เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ําจงถอนกําาลังทันที อย่าพยายามต่อสู่โดยไร้ประโยชน์!”

เมื่อสั่งการจบเยี่ยฉวนจึงขึ้นขี่หลังมังกรน้อยหลงเอ่อร์และจากไปทันที

เขารู้แล้วว่าตัวตนที่แท้จริงของแม่ทัพผู้บัญชาการกองกําลังแห่งจักรวรรดิต้าฉันในครั้งนี้คือผู้ใด ทั้งยังได้สัมผัสถึงพลังแก่กล้าของผู้ช่วยที่คอยอยู่เคียงข้างองค์ชายหลีก่วงซ่านเวลานี้เขาจําเป็นต้องรักษาบาดแผลและทําการฟื้นฟูพลังปราณให้กลับคืนโดยเร็ว และรอให้อีกฝ่ายเผยจุดบกพร่องร้ายแรงเพื่อที่เขาจะวางแผนจัดการขั้นต่อไปได้ง่ายยิ่งขึ้น

เยี่ยฉวนไม่ได้หลบหนีไปไกลนักและไม่ได้ตรงกลับไปยังสํานักหมอกเมฆาทันที ทว่าเขากลับเลือกพํานักอยู่ระหว่างทางและทรุดตัวลงนั่งเข้าสู่สมาธิฝึกตน

สถานที่แห่งนี้คือยอดเขาซึ่งมีความสูงที่สุดในย่านเมืองเก่าผิงหยวน เมื่อยืนอยู่บนจุดสูงสุดจะเห็นทัศนียภาพโดยรอบเบื้องล่างได้อย่างชัดเจน ทั้งยังสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของกองทัพแห่งจักรวรรดิต้าฉันได้ทุกกระบวนการ หลงเอ่อร์แปลงกายกลับเป็นเด็กชายตัวน้อยดังเด็ มก่อนปีนขึ้นไปบนคบไม้สูงเพื่อช่วยพี่ใหญ่ของเขาสํารวจสถานการณ์หากมีเหตุผิดปกติจะได้แจ้งเตือนเขาได้ทันการณ์

“ท่านแม่ทัพออกค่าสังให้บุกเข้าไปยังเทือกเขาและกวาดล้างสํานักหมอกเมฆาซะ!”

“ทหารนายใดสามารถตัดหัวศิษย์สํานักหมอกเมฆาจะได้รับรางวัลหนึ่งร้อยตําลึงเงิน! หากจับไอ้ปีศาจเยี่ยฉวนได้จะได้รับรางวัลใหญ่ถึงหนึ่งร้อยชั่ง!”

บริเวณเชิงเขา ผู้บัญชาการระดับต่างๆ ตะโกนเสียงดังกึกก้องพร้อมนํากองกําลังของตนขึ้นไปยังยอดเขาพร้อมคบเพลิงและอาวุธครบมือ เมื่อมองการเคลื่อนทัพจากเบื้องบนแล้วลักษณะดังกล่าวไม่ต่างอะไรไปจากมังกรที่ร่ายระบําอยู่กลางสมรภูมิรบส่วนองค์ชายหลีก่วงฮานผู้ตั้งฉายาให้ ตนเองว่าแม่ทัพโลหิตกล้าล่วงหน้าขึ้นไปบนยอดเขาพร้อมทหารอารักขาและยอดฝีมือจํานวนมากจนเกือบครึ่งทางแล้วพรตเต๋สังหารซึ่งถือแส้หางม้าเจวี่ยนชื่อหงเคียงข้างองค์ชายของเขาไม่ห่าง จมูกกระตุกบ่อยครั้งเพื่อค้นหาสิ่งผิดประหลาดและนํากองทัพให้เคลื่อนไปด้านหน้า

“พรตเต๋สังหาร… ไอ้เด็กเหลือขอนั้นหลบหนีไปไกลแค่ไหน?!” องค์ชายหลีก่วงซ่านเอ่ยถาม พร้อมเผยสีหน้าคลหม่นเพราะไม่สามารถอดทนต่อไปได้อีก

คร่นี้เยี่ยฉวนถูกกองทัพของเขาล้อมไว้จนสิ้นหนทางหนี ซ้ําร้ายยังมีพรมแดนเตสังหารกันขวางไว้อีกหนึ่งชั้น ถึงกระนั้นโอกาสอันนี้กลับหลุดลอยไปอีกจนได้ ยิ่งหวนคิดถึงเหตุการณ์นั้นเขายิ่งรู้สึกคับแค้นยิ่ง ในเมื่อเยี่ยฉวนได้รับบาดเจ็บจากแส้หางม้าของนักพรตเต๋และหลบหนีไปได้ ไม่ไกลนัก เช่นนั้นเขาจึงต้องตามล่าเขาและสังหารให้ตายตกไปภายในค่ําคืนนี้ให้จงได้ เพราะถ้าพันโอกาสนี้ไปคงไม่มีหนทางอื่นให้จัดการกับอีกฝ่ายในภายหลัง

“กระหม่อมไม่สามารถระบุตําแหน่งที่แท้จริงได้ว่าไกลเพียงใด ทว่าฝ่าบาท…ในยามราตรีบนเทือกเขาแห่งนี้ล้วนมีสัตว์อสุรกายดุร้ายวิ่งพล่านไปหมด เราควรรอกระทั่งรุ่งสางเสียก่อนจึงค่อยออกตามหาดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”

นักพรตเต๋ขมวดคิ้วมั่น ทันทีที่จับสัมผัสถึงกลิ่นอายของเยี่ยฉวนที่หลงเหลือไว้เพียงเลือนรางทําให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายคงหลบหนีไปได้ไม่ไกลนัก ทว่าสิ่งที่น่าเป็นกังวลกว่านั้นคือกลิ่นอายของปราณปีศาจที่หนาแน่นในยามค่ําคืนเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงตระหนักว่าการไล่ล่าตัวเยี่ยฉวนท่ามกลางสัตว์อสุรกายที่ซ่อนเร้นอยู่ในความมืดมนอนธการนั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยแม้แต่น้อย

นักพรตเต๋าจําเป็นต้องประเมินเยี่ยฉวนด้วยสายตาใหม่ เมื่อยกขึ้นเปรียบเทียบกับองค์ชายรัชทายาทหลีก่วงซ่านแล้วเขาจึงเข้าใจความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเยี่ยฉวน แม้ขั้นการฝึกตนของอีกฝ่ายไม่สูงส่งเทียบเท่าทว่าพลังปราณในร่างกลับมหาศาลเสียจนสามารถต้านทานแรงโจมตีจากแส้หางม้าของเขาได้อีกทั้งกระบวนท่าสังหารที่สําแดงยังดูคล้ายกระแสน้ําที่ไหลเวียนอย่าง ไม่รู้จบคนประเภทนี้นับว่าทําการรับมือได้ยากยิ่ง การค้นหาตัวเขามาลงทัณฑ์ในเวลานี้…หากประมาทเพียงครั้งเดียวอาจเกิดอันตรายร้ายแรงถึงแก่ชีวิตต่อให้เยี่ยฉวนบรรลุเพียงขั้นปรมาจารย์แห่งเต๋ระดับที่สองเขาก็ไม่กล้าติดตามต่อ

“รอจนกระทั่งรุ่งสางกระนั้นรึ?! ป่านนั้นไอ้สารเลวนั่นคงวิ่งเตลิดไปถึงไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้แล้วเราจะไล่ล่ามันได้อย่างไร?!”

หลีก่วงซ่านขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยอารมณ์โทสะที่ปะทุออกอีกครั้ง ในฐานะที่เขาเป็นถึงองค์ชายรัชทายาทแห่งต้าฉันจึงไม่ได้โง่เขลา เขาตระหนักดีว่าระหว่างทางขึ้นสู่ยอดเขาล้วนเต็มไปด้วยภยันตราย ทว่าความเกลียดชังที่มีต่อเยี่ยฉวนนั้นมีชัยเหนือทุกสิ่งตราบใดที่เขาสามารถไล่ล่าตัวเยี่ยฉวนมาสังหารให้สาสมต่อให้ต้องเสี่ยงใช้สิ่งใดมาแลกก็ยอมทั้งสิ้น! แม้แต่การกวาดล้างสํานักหมอกเมฆายังนับว่าเป็นเรื่องที่สลักสําคัญน้อยกว่า

“ถูกแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท! พวกเราควรใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่มันได้รับบาดเจ็บเพื่อไล่ล่าตัวมันมาสังหาร!”

ที่ปรึกษาถึงอี้เซียนกล่าววาจาสนับสนุนด้วยน้ําเสียงทุ่มต่า เขาไม่รีรอที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความประจบสอพลอหวังความดีความชอบ

บนเทือกเขาเต็มไปด้วยภยันตราย…องค์ชายรับรู้ถึงปัญหาในจุดนี้เป็นอย่างดี ทว่าตอนนี้เขามีทั้งอํานาจและไพร่พลเรือนแสนรวมถึงยอดฝีมือจํานวนมากที่คอยให้การสนับสนุนคุ้มครอง เมื่อเป็นเช่นนี้สัตว์อสุรกายตาบอดตนใดเล่าจะกล้าย่างกรายเข้าใกล?!

“หากเป็นความประสงค์ของพระองค์ก็ย่อมได้ เลี้ยวซ้ายตรงทางแยกแล้วเคลื่อนทัพไปยังหน้าผาที่อยู่ด้านหน้าเถิดขอรับ!”

พรตเต๋สังหารเอ่ยบอกทางพร้อมลอบถอนหายใจ

หากผู้ที่นําทัพด้วยตนเองในครานี้เป็นองค์จักรพรรดิแห่งต้าฉันพระองค์คงไม่กระทําการนุ่มบ่ามเช่นนี้ แต่จะดําเนินการด้วยความรอบคอบและสร้างป้อมปราการขึ้นที่ละหลัง หากเข้าไป ยังเขตสํานักหมอกเมฆาเมื่อไหร่จึงทําการโจมตีอย่างเต็มกําลังเมื่อนั้นยิ่งแก่ย่อมเผ็ดร้อนกว่าขิงอ่อน…เมื่อเทียบกับพระบิดาแล้วองค์ชายหลีก่วงซ่านยังอ่อนประสบการณ์นัก! ครู่นี้เขาคิดกล่าวเตือนอีกฝ่ายว่าควรจัดการกับปัญหานี้อย่างไรต่อ ทว่ากลับตัดสินใจกลืนคําพูดเหล่านั้นลงคอเสียก่อนเพราะตระหนักดีว่าป่วยการที่จะอธิบายสิ่งอันเป็นเหตุเป็นผลให้กับบุคคลที่เต็มไปด้วยอารมณ์โกรธเกรี้ยว ถึงอย่างไรอีกฝ่ายย่อมไม่ใส่ใจฟังคําทัดทานและเลือกที่จะต่อสู้มากกว่ารั้งรอจนถึงรุ่งสาง

พรตเต๋สังหารจ้องเขม็งไปทางที่ปรึกษาถึงอี้เซียนด้วยสายตาชิงชังรังเกียจ ชายผู้นี้เป็นคนประเภทที่ชอบเล่นไปตามแผนและอาศัยจังหวะเพื่อช่วงชิงความเป็นใหญ่ภายในสนามรบซึ่งเขาเกลียดเป็นที่สุด แม้แต่ในสถานที่ซึ่งเต็มไปด้วยอันตรายเกินหยั่งถึงกลับประจบประแจงโดยไม่ใส่ใจว่าจะต้องเกิดการสูญเสียอย่างไรบ้างรอให้ตายตกไปเสียก่อนจึงจะรู้ความสูงของสวรรค์และ ความลึกของหวงนรกเองกระมัง?!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด