Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 254 โหดเหี้ยมอํามหิต

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 254 โหดเหี้ยมอํามหิต อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 254 โหดเหี้ยมอํามหิต

ทันทีที่หลิวหงแปรสภาพจากมนุษย์มีเลือดเนื้อ เป็นรูปปั้นในชั่วพริบตา ฝูงชนพลันเบิกตากว้างด้วยความตระหนกสุดขีด!

แม้แต่องค์ชายรัชทายาทผู้มีจิตสังหารรุนแรง ยังไม่กล้ากระทําการทุ่มบ่าม จิตใจของเขาเต็มไป ด้วยความกระวนกระวาย

หมอกพิษหนาทึบทั้งสองฝั่งของครรลองมังกรปีศาจน่าสะพรึงกลัว…แต่เยี่ยฉวนโหดเหี้ยมอํามหิตยิ่งกว่า!

ร่างกายของเขาถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ซ้ําร้ายยังถูกหลิวหงจ้วงแทงโดยแรง แต่เขายังสามารถรวบรวมพละกําลังใช้ศีรษะโขกนางจนกระเด็นไปไกล ผู้ใดบ้างจะมีทักษะเช่นนี้?!

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่ามีเพียงความแข็งแกร่งอย่างเดียวไม่พอ…จะต้องมีไหวพริบในการดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดอีกด้วย!

เวลานี้ฝูงชนจับจ้องไปยังเยี่ยฉวนด้วยสายตาที่แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัว

โท่วป่าเซียงก็นิ่งอึ้งด้วยความไม่คาดคิดเช่น เดียวกับคนอื่นๆ เขาเข้าใจแล้วว่าเด็กหนุ่มผู้สร้างปาฏิหาริย์ครั้งแล้วครั้งเล่าผู้นี้อาจนําพาสํานักหมอกเมฆาสู่ยุครุ่งเรืองในวันข้างหน้า คิดแล้วก็ยิ่งเสียดาย…หากเยี่ยฉวนเป็นศิษย์ของสํานักเครื่องนิลคงเป็นเรื่องวิเศษนัก!

ในเมื่อโท่วป่าเชียงเนียวรักใคร่ชอบพอกับไอ้เด็กเยี่ยฉวน เช่นนั้นเขาควรไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างจริงจังและปล่อยให้พวกเขาตบแต่ง…

ความคิดแปลกประหลาดแวบเข้ามาในห้วง ความคิดของเจ้าสํานักชรา แต่แล้วเขาก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไปอย่างรวดเร็ว

ความปรารถนาสูงสุดของเขาคือการได้ขึ้นเป็นประมุขสูงสุดของยุทธภพและทําการผนึกอํานาจของสามสํานักใหญ่บนเทือกเขาหมอกเมฆารวมเป็นหนึ่ง เพื่อขึ้นเป็นใหญ่อย่างสมบูรณ์อาจต้องกวาดล้างสํานักหมอกเมฆาและสํานักเบญจลักษณ์ให้สิ้นซาก ต่อให้เยี่ยฉวนมีวรยุทธ์สูงส่งเพียงใด ทว่าเขายังมีสถานะเป็นถึงศิษย์พี่ใหญ่แห่งสํานักหมอกเมฆา ความขัดแย้งทั้งมวลที่ผ่านมารุนแรงเกินกว่าจะเจรจาสงบศึกได้

“ฝ่าบาท ไอ้เยี่ยฉวนบาดเจ็บหนัก เราต้องฉวยโอกาสนี้ฆ่ามันซะ!”

มู่หรงซุ้ยเฟิงกระเสือกกระสนคลานไปด้านหน้า แม้เห็นจุดจบอันเลวร้ายของหลิวหงเต็มสองตา ทว่ายังไม่คิดกลับใจ หนําซ้ํายังยุยงให้องค์ชายสังหารอีกฝ่ายอย่างต่อเนื่อง

แม้เขายังเหลือร่างกายอีกครึ่งท่อนแต่เมื่อกลับไปยังตระกูลขุนนางมู่หรงในเมืองหลวงเขาก็สูญเสียคุณสมบัติที่จะแย่งชิงตําแหน่งปรมาจารย์ผู้นําตระกูล ทั้งยังถูกมิตรสหายร่วมตระกูลกดขี่และเย้ยหยันจนชีวิตดิ่งลงสู่จุดต่ําสุดที่น่าอัปยศยิ่งกว่าความตาย เวลานี้เขาทําใจยอมรับเรื่องราวทั้งหมดด้วยความสิ้นหวังและไม่คิดแย่งชิงอํานาจอีก ต่อไปเป้าหมายเดียวที่จะทําให้เขาดํารงชีวิตต่อไปได้คือการเห็นเยี่ยฉวนดับดิ้นกับตา!

องค์ชายรัชทายาทใจร้อนจนขาดสติไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนหน้านี้เขาประกาศอย่างชัดเจนว่าตนจะประลองกับอีกฝ่ายเพื่อตัดสินแพ้ชนะภายในหนึ่งกระบวนท่า ทว่าตอนนี้แม้แต่สตรีพรหมจรรย์หงจือเซียยังออกตัวขัดขวางการกระทําของเขา เช่นนี้จะให้เขาโจมตีโดยไม่สนสิ่งรอบข้างได้อย่างไร?!

มู่หรงซุ่ยเฟิง…ชายผู้นี้เสียสติไปแล้ว!

องค์ชายหลีก่วงฮานรู้สึกหงุดหงิดเมื่อสถาน การณ์ไม่เป็นดั่งใจ เขาต้องการให้มู่หรงซุ้ยเฟิงบอกจุดอ่อนของเยี่ยฉวนเพื่อให้เขาโจมตีอย่างราบรื่น แต่มู่หรงซุ้ยเฟิงกลับเพิกเฉยและดื้อรั้นราวถูกภูตปีศาจเข้าสิง ทั้งยังพยายามใช้ภูมิหลังอันสูงส่งของตนบีบบังคับให้เขาเคลื่อนไหว การกระทําเช่นนี้ไม่ต่างอะไรไปจากหลิวหงผู้เคราะห์ร้ายนาง นั้น ลําพังสภาพพิการประหนึ่งขอทานก็น่าสมเพชมากแล้ว แต่อีกฝ่ายยังร้องตะโกนซ้ําๆ ราวคนบ้า และคลานมากอดขาขวาของเขาไม่ยอมปล่อย หนําซ้ํายังคร่ําครวญน้ําตานองหน้าและเช็ดน้ํามูกกับกางเกงแพรอย่างน่ารังเกียจ

“ฝ่าบาท ฆ่ามัน…ฆ่าไอ้สารเลวเยี่ยฉวนนั่นเสีย! ฝ่าบาท…”

มู่หรงซุ้ยเฟิงกล่าวพลางหอบหายใจอย่างเหนื่อยล้า ก่อนหน้านี้เขาพยายามกระเสือกกระสนคลานตามหลิวหงมาเป็นระยะทางไกลโขจนหมดเรี่ยวแรง ขณะกอดขาขององค์ชายรัชทายาทศีรษะของเขาก้มต่ําตลอดเวลา ทําให้ไม่เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายที่มองด้วยหางตาอย่างชิงชังรังเกียจ

“ข้ารู้…ข้ารู้ ไอ้สารเลวนั่นสมควรตาย เช่นนั้นพี่ จุยเฟิงโปรดโจมตีอย่างระมัดระวัง อย่าจู่โจมเร็ว ไป…”

แววตาองค์ชายเปล่งประกายแสงสีซีด ทันใด นั้นเขาตัดสินใจลอบใช้พลังภายในส่งร่างครึ่งท่อนของมู่หรงซุ้ยเฟิงให้กระเด็นไปทางเยี่ยฉวนผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสราวลูกชิ้นที่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศ ในเมื่อสหายผู้พี่ใจร้อนจนอยากสังหารอีกฝ่ายเสียเดี๋ยวนี้เช่นนั้นก็ลงมือด้วยตัวเองเถิด!

องค์ชายเผยสีหน้าโหดเหี้ยม เมื่อมองแผ่นหลังของมู่หรงซุ้ยเฟิง…ริมฝีปากปากพลันแสยะยิ้มอย่างเย้ยหยัน

เขาสลัดมู่หรงซุ้ยเฟิงทิ้งไปสําเร็จเพราะการมีคนพิการที่ขาดสติยั้งคิดอยู่ข้างกายช่างไร้ประโยชน์ อันที่จริงหากเขาไม่ช่วยอีกฝ่ายล้างแค้น…ไม่ช้าก็เร็วจะต้องให้คําตอบกับตระกูลขุนนางมู่หรง ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร ตอนแรกเขาจึงตัดสินใจช่วยเหลืออย่างเต็มกําลัง แต่สหายผู้พี่คนนี้กลับเอาความแค้นตนเป็นใหญ่โดยหลงลืมไปว่าก่อนหน้านี้เขายอมเสี่ยงชีวิตเพื่อล้างแค้นให้ตนไปแล้วหนึ่งครั้ง ดังนั้นหนทางที่ดีที่สุดยามนี้คือการทําให้มู่หรงซุ้ยเฟิงหุบปากไปตลอดกาลและยืมมือเยี่ยฉวนสังหารอีกฝ่าย!

“อ๊าก…”

มู่หรงซุ้ยเฟิงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว

ครู่นี้เขายังขอร้องให้องค์ชายรัชทายาทโจมตีเยี่ยฉวนด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า แต่เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ที่ตนต้องการสังหารโดยตรงสถานการณ์กลับแตกต่างออกไป โสตประสาทพลันขาวโพลนและว่างเปล่า!

แม้แต่ครั้งที่เขายังมีอวัยวะทุกส่วนครบถ้วนยังไม่อาจต่อกรกับเยี่ยฉวน…แล้วตอนที่เขาปราศจากขาทั้งสองข้าง และกลายเป็นคนพิการโดยสมบูรณ์เช่นนี้ จะเอาชนะอีกฝ่ายได้อย่างไร?!

“องค์ชายยืมมือผู้อื่นสังหารข้า! พระองค์ต้องการกําจัดข้าทิ้ง!”

มู่หรงซุ้ยเฟิงตระหนักถึงความจริงข้อนี้อย่างรวดเร็ว เขาเติบโตมาในตระกูลขุนนางที่สูงศักดิ์และมีชื่อเสียง วิธีการทําลายสะพานทิ้งหลังข้ามแม่น้ําสําเร็จและสังหารปิดปากพยานเช่นนี้เป็นสิ่งที่เขาคุ้นเคยดี เพียงแต่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าตนต้องประสบชะตากรรมโหดร้ายนี้เข้าสักวัน สองวันที่ผ่านมาพวกเขายังเป็นสหายพี่น้องที่สนิทสนมประหนึ่งเพื่อนร่วมสาบาน ทว่าชั่วข้ามคืน เขากลับแปรสถานะเป็นเครื่องสังเวยไร้ค่า!

ชายหนุ่มพิการตกอยู่ในภวังค์แห่งความสิ้นหวังระคนโกรธแค้น เขาใครย้อนกลับไปยังตระกูลขุนนางมู่หรงเพื่อร้องเรียนความอยุติธรรมนี้ต่อปรมาจารย์ผู้นําตระกูลและป่าวประกาศว่าองค์ชายรัชทายาทหลีก่วงฮานโหดเหี้ยมเพียงใด น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสเช่นนั้นอีกแล้ว…

เยี่ยชวนไม่พุ่งเข้าจู่โจมในทันที เขาเพียงจับจ้องมู่หรงซุ้ยเฟิงที่พยายามคลานเข้ามาใกล้ด้วยสายตาเย็นชา ทันใดนั้นร่างแข็งแกร่งของปีศาจเพลิงที่ยืนอยู่หลังผู้เป็นนายจึงพุ่งไปด้านหน้าโดยเร็ว พร้อมเปลวไฟแผดเผาที่ส่งออกไปจากฝ่ามือเพลิงร้อนแรงกลืนกินร่างของมู่หรงซุ้ยเฟิงซึ่งไร้ความสามารถตั้งรับทันที!

เสียงแผดร้องโหยหวนน่าสยดสยองอย่างเจ็บปวดของชายพิการดังกึกก้องไปทั่วบริเวณครรลองมังกรปีศาจ

เปลวไฟบนฝ่ามือปีศาจเพลิงค่อยๆจางลง ท่อนบนของมู่หรงซุ้ยเฟิงที่มีลักษณะคล้ายลูกชิ้นมอดไหม้จนไม่เหลือซาก ตุบ! ซึ่งทําจากวัสดุทนความร้อนร่วงลงกระทบพื้น เยี่ยฉวนหยิบมันขึ้นพินิจ….พบว่ามันไม่ได้ทําจากก้อนผลึกหรือหินหยกเฉกเช่นเครื่องประดับทั่วไปแต่ประดิษฐ์ขึ้นด้วยวัสดุที่ไม่คุ้นเคย ครู่เดียวเขาจึงวางลงที่เดิม

“เยี่ยฉวน ชีวิตเจ้าจบสิ้นแล้ว! เจ้าบังอาจสังหารมู่หรงซุ้ยเฟิง! ปรมาจารย์ผู้นําตระกูลขุนนางมู่หรงไม่มีทางปล่อยผ่านเรื่องนี้เป็นแน่!” องค์ชายรัชทายาทจับจ้องเยี่ยฉวนด้วยสายตาเย็นเยือก ขณะแสร้งทําเป็นโกรธแค้นจนจิตสังหารทะยานขี้นอีกครั้ง

“ฝ่าบาท เกรงว่าผู้ที่จบสิ้นคงเป็นพระองค์เสียมากกว่า ทรงดําริว่าฝูงชนที่สังเกตการณ์ในที่นี้ เป็นคนเขลากระนั้นหรือ? หากกระหม่อมมีโอกาสพบท่านปรมาจารย์ผู้นําตระกูลขุนนางมู่หรงจริง กระหม่อมคิดว่าเขาคงอยากรู้นักว่ามู่หรงจุ้ยเพิ่งตายเพราะใคร?!” เยี่ยฉวนเหยียดยิ้มเย้ยหยันพร้อมเปิดโปงแผนการอํามหิตของอีกฝ่าย

“ห์! เจ้าคิดหรือว่าปรมาจารย์ผู้นําตระกูลจะหลงเชื่อคารมของเจ้า?! คอยดูเถิด…ข้าอยากรู้นักว่า หลังจากนี้เจ้าจะเหลือชิ้นส่วนอยู่ในอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้กี่ชิ้น?!”

องค์ชายรัชทายาทแสยะยิ้มก่อนหมุนตัวกลับ พลางลอบส่งสัญญาณกับนายทหารผู้ติดตามคนหนึ่งเป็นเชิงสั่งการให้กําจัดเยี่ยฉวนเสีย ทหารนายนั้นเข้าใจทันทีและลอบตอบรับคําสั่ง
สตรีพรหมจรรย์หงจื่อเชียเป็นอุปสรรคสําคัญที่ทําให้องค์ชายไม่สามารถจัดการกับเยี่ยฉวนต่อหน้าธารกํานัล ถึงกระนั้นจิตสังหารของเขาก็ยังคงเฟื่องฟู…จึงต้องการใช้ทุกหนทางเพื่อกําจัดอีกฝ่ายให้จงได้

“ไอ้บัดซบ! หอคอยจวหลงนั่นเป็นของข้า!”

“ลงมือเลย! ผู้ใดมาก่อนย่อมได้ไปครอบครองก่อน!”

ฝูงชนละความสนใจจากเหตุการณ์เมื่อครู่ก่อน พากันพุ่งตัวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว!

ครั้นองค์ชายรัชทายาทเดินจากไปผู้คนจึงสนองตอบต่อสมบัติล้ําค่าเช่นหอคอยจวหลงที่ เยี่ยฉวนโยนทิ้งไปในหมอกพิษ ผู้ฝึกตนบางราย ใช้กระบี่บินเขวี่ยงเข้าไป…บางรายใช้เบ็ดโลหะ หมายเกี่ยวมันออกมาจากหมอกทึบ ทุกคนล้วนต้องการเป็นผู้ครอบครองสมบัติชิ้นนี้ แม้แต่สตรีพรหมจรรย์หงจื่อเชียและองค์ชายจากเมืองหลวง ยังมาปรากฏตัวที่นี่โดยพร้อมเพรียง นั่นหมายความว่าหอคอยจวหลงต้องเป็นสิ่งมากมูลค่าอย่างแน่นอน! หากพวกเขาได้ครอบครองมรดกแห่งอาณาจักรสวรรค์ที่ทรงพลังชิ้นนั้น ความยากลําบากในการเดินทางสํารวจที่ผ่านมาก็นับว่าคุ้มค่ามหาศาล!

บรรดายอดฝีมือจากทั่วสารทิศเรียกใช้เคล็ดวิชาประจํากายเพื่อแย่งชิงหอคอยจวหลงอย่างบ้าคลั่ง แต่เมื่อวิ่งไปถึงด้านข้างครรลองมังกร ปีศาจพวกเขากลับต้องตกตะลึงเพราะจู่ๆสมบัติชิ้นนั้นกลับหายไปในหมอกพิษอย่างไร้ร่องรอย!

องค์ชายรัชทายาทเผยสีหน้ามืดมนทันที

เยี่ยฉวนผู้อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งนากู้ซื้อถอยห่างไปไม่ไกลนักจากฝูงชนที่กระหายในสมบัติ แม้อาการบาดเจ็บของเขายังไม่ทุเลาลงทว่ารอยยิ้มอย่าง ผู้ชนะกลับปรากฏบนใบหน้า ทันทีที่เขาดีดนิ้ว…หลงเอ่อร์น้อยซึ่งซ่อนกายอยู่ท่ามกลาง หมอกพิษหนาทึบจึงปรากฏตัวพร้อมกับหอคอยจูหลงในอ้อมแขน!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด