Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 331 ไล่ฆ่าในป่ากว้าง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 331 ไล่ฆ่าในป่ากว้าง อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 331 ไล่ฆ่าในป่ากว้าง

“ฟื้ว! ปิ้ว! ปิ้ว!” เสียงหวีดหวิวแหวกอากาศดังขึ้น

เหล่าทหารทั่วไปไม่อาจตอบสนองได้ทันท่วงที พรตเต๋สังหารล่าถอยอย่างรวดเร็วพร้อมองค์รัชทายาทหลก่วงซ่านมาหลบอยู่ข้างหลัง

เสียงกรีดร้องโหยหวนน่าหดหูดังก้องกังวานไปทั่วฟ้าพร้อมนายทหารที่ล้มลงแถวแล้วแถวเล่า

ฉับพลันลูกศรลูกหนึ่งพุ่งตรงมายังองค์รัชทายาทหลีก่วงซ่าน โชคดีที่พลังของมันหมดสิ้นไปหลังเจาะทะลุหน้าอกของทหารสามนายติดต่อกันและสลายหายไปเหลือเพียงประกายไฟสีแดง

หัวใจของหลีก่วงซ่านเต้นรัวอย่างบ้าคลั่งจนแทบหมดสติ เหงื่อเย็นเฉียบผุดพรายขึ้นบนหน้าผาก

หากพรตเตสังหารไม่ดึงเขาหลบและทหารอารักขาทั้งสามไม่ได้บังเอิญยืนอยู่ตรงหน้าเขาพอดิบพอดีตอนนี้ชายหนุ่มคงเป็นฝ่ายลงไปกองกับพื้นอย่างแน่นอน!

“ถอยทัพ! ถอยกลับค่ายหลักเร็วเข้า!”

นักพรตเฒ่าออกคําสั่งด้วยน้ําเสียงเฉียบขาดก่อนดึงองค์ชายรัชทายาทที่ยังคงตะลึงงันให้ออกวิ่งเขาล้มเลิกความคิดที่จะรวมกําลังกับกองทหารที่ป้อมปราการหินและหนีลงจากเขาทันใด

หน้าไม้เศียรมังกรทั้งหนึ่งร้อยอันช่วยเพิ่มพูนความสามารถในการต่อสู้ของสํานักหมอกเมฆาเป็นอย่างมากอีกทั้งเยี่ยฉวนยังเป็นผู้นําทัพหลังด้วยตนเอง เป็นไปได้สูงว่าฐานที่มั่นบนยอดเขาจะถูกทําลายลงในค่ำคืนนี้ ฉะนั้นการหนีขึ้นไปบนป้อมปราการคงไม่ใช่ความคิดที่ดีนักเพราะพวกเขาอาจถูกทัพสํานักหมอกเมฆาปิดล้อมจนไร้หนทางหนีก็เป็นได้ มิหนําซ้ำยังมีเถาวัลย์นับไม่ถ้วนรอคอยอยู่เบื้องหน้า ต่อให้พวกเขาอยากเดินหน้าต่อไปเพียงใดก็ไม่สามารถทําได้

ทหารที่เหลืออยู่รีบเร่งถอยทัพทันที กองทัพต้าฉันที่เดินทัพมาอย่างน่าเกรงขามกลับละทิ้งชุดเกราะและอาวุธหนีไปด้วยความตื่นตระหนกในพริบตาแม้แต่พรตเต๋สังหารยังได้รับบาดเจ็บแล้วจะมีผู้ใดสามารถต่อกรได้อีกเล่า?

องค์รัชทายาทหลีก่วงซ่านขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความหดหูเสียยิ่งกว่าเหล่าทหาร

เขาเพิ่งได้ฤกษ์ย่างเท้าออกจากค่ายหลังเก็บตัวอยู่เป็นเวลานานแต่กลับพบเยี่ยฉวนและการซุ่มโจมตีเข้าโดยไม่คาดคิดหากเป็นเมื่อก่อนเขาคงพร้อมยินยอมเสี่ยงชีวิตแต่ตอนนี้เขาคิดถึงเพียงแค่การหนีเอาชีวิตรอด

“จับมัน อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”

เยี่ยฉวนสั่งการอย่างเลือดเย็นพร้อมนําผู้คนออกไล่ล่าด้วยตนเอง ทหารที่อารักขาป้อมปราการอยู่เริ่มตอบโตในด้วยการส่งหน่วยทหารออกมาช่วยเสริมกําลังทว่ากําลังเสริมกว่าสามร้อยนายกลับจมลงไปในคลื่นเถาวัลย์มหาศาลชั่วพริบตาทหารที่เหลือรอดต่างหวาดกลัวจนตัวสันและรีบปิดประตูป้อมไม่กล้าออกมาสู้อีกต่อไปขณะที่ศิษย์สํานักหมอกเมฆาและกองทัพสัตว์อสูรพากันไล่ล่าขบวนขององค์ชายรัชทายาทอย่างสุดกําลัง

แสงสลัวยามราตรีเข้าปกคลุมผืนดินพร้อมสายลมเย็นเยียบพัดโชยถึงกระดูก

การไล่ล่าอย่างดุเดือดกําลังดําเนินไป ณ สองข้างทางยอดเขาสูงตระหง่านและหน้าผาชันนายทหารค่อยๆ ล้มลงแน่นิ่งกับพื้นทีละคน

ทหารบางนายที่อยู่ท้ายขบวนพยายามสกัดกั้นการโจมตีจากกองทัพเบื้องหลังอาจเพราะพวกเขาต้องการปกป้ององค์รัชทายาทอย่างสิ้นหวังหรือเพราะรู้ดีว่าไม่อาจหลีกหนีความตายได้พ้นเคราะห์ร้ายที่ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานการกระหน่ํายิงหน้าไม้เศียรมังกรนับร้อยได้ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นทหารธรรมดาหรือยอดฝีมือจากวังชั้นในก็ตามยิ่งไปกว่านั้นศิษย์สํานักหมอกเมฆาและกองทัพอสูรกายที่ไล่ตามหลังมาอย่างกระชั้นชิดยังเหยียบย่าศพของพวกเขาจนแทบระบุตัวตนไม่ได้กําลังพลขององค์รัชทายาทแห่งต้าฉันค่อยๆลดลงอย่างต่อเนื่อง

มีคนขอความช่วยเหลือจากฐานที่มั่นใกล้เคียงอย่างเร่งด่วน ทว่าป้อมปราการที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ห่างออกไปอย่างน้อยยี่สิบลี้ กว่ากําลังเสริมจะมาถึงศพของพวกเขาคงแข็งกระด้างไปแล้วมีหน้าซ้ำทัพเสริมเหล่านั้นอาจเอาชีวิตมาทิ้งกับหน้าไม้เศียรมังกรอันน่าสะพรึงกลัวโดยเปล่าประโยชน์!

เยี่ยฉวนรักษาระยะห่างคงที่จากขบวนของหลีก่วงซ่านตลอดการไล่ล่าเพื่อรอคอยจังหวะสุดท้ายอย่างเงียบเชียบ

การเผชิญหน้ากับกลุ่มของหลีก่วงฮานในค่ำคืนนี้ช่างเป็นโอกาสทองที่หาได้ยากยิ่งเป้าหมายของเยี่ยฉวนไม่ใช่เพียงหลีก่วงซ่านหากแต่เป็นพรตเต๋สังหารด้วยการปลิดชีพนักพรตชั่วร้ายผู้นี้เท่ากับการตัดแขนตัดขาองค์รัชทายาทและทําลายเขี้ยวเล็บของกองทัพต้าฉันไปกว่าครึ่ง

เยี่ยฉวนยังหลงเหลือความกลัวพรมแดนเตสังหารของอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย ฉะนั้นเขาไม่มีทางปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือไป เขาต้องฉวยโอกาสจากอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายสังหารนักพรตผู้นี้ให้จงได้!

“ฝ่าบาท หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเราคงหนีไม่พ้นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

พรตเต๋สังหารชะงักฝีเท้าฉับพลันก่อนหันไปมองกองทัพสํานักหมอกเมฆาอันโหดเหี้ยมชายชราเผยสีหน้าตึงเครียดเมื่อเห็นเยี่ยฉวนยืนอยู่ท่ามกลางกองทัพอย่างสง่าผ่าเผย

กําลังพลมหาศาลนับพันเหลือรอดไม่ถึงร้อยหลังหนีมาได้เพียงครึ่งทางหากเป็นเช่นนี้ต่อไปพวกเขาคงถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ศิษย์สานักหมอกเมฆาถือโอกาสไล่ล่าพวกเขาอย่างไม่ลดละด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า

“อย่าหนี คุ้มกันการถอยทัพให้ดี ให้องค์รัชทายาทหนีไปก่อน!”

ถังอี้เซียนที่ปรึกษาวัยกลางคนตะโกนลั่นพลางเหลือบมององค์รัชทายาทหลีก่วงฮานด้วยแววตาริษยาราวกับคนจรจัดเพราะอยากหนีเอาตัวรอดไปคนเดียวใจแทบขาดสิ้นเสียงตะโกนพรตเต๋สังหารกลับเตะเขาจนตัวลอยร่วงลงมากระแทกพื้นพร้อมกระอักเลือดเต็มปาก

วายร้ายผู้นี้ช่างเต็มเปี่ยมไปด้วยพิษสงอย่างแท้จริง!

พรตเต๋สังหารไม่ถูกตาต้องใจถึงอี้เซียนมานานแล้ว ในเวลาเช่นนี้ยังพยายามประจบประแจงเอาใจองค์รัชทายาทอีก รนหาที่ตายชัดๆ!

“อีกาทมิฬ ไป๋จ พวกเจ้าทั้งสองนําทุกคนรั้งท้ายเพื่อคุ้มกันการถอยทัพ!”

พรตเต๋สังหารออกคําสั่งอย่างเย็นชา เขาอ้าปากสํารอกกระบี่บินชี้ชะตาออกมาขึ้นเหยียบหนีไปพร้อมกับองค์ชายรัชทายาทหลีก่วงซ่านในชั่วพริบตาศิษย์สํานักหมอกเมฆากลุ่มใหญ่เบื้องหลังยังคงใช้หน้าไม่โจมตีทหารต้าฉันจนล้มตายระเนระนาดพวกเขาไม่อาจคุ้มกันการถอยทัพได้และแตกกระเจิงในเวลาไม่นานยอดฝีมือประจําราชสํานักอย่างอีกาทมิฬและไปจุต้องการอาศัยความโกลาหลนี้ฝ่าวงล้อมออกไปทว่าปีศาจเพลิงและปีศาจเขาโค้งกลับจับพวกเขามัดเอาไว้ตามด้วยเถาวัลย์มหาศาลและทัพสัตว์อสูรที่เข้าปิดล้อมอย่างแน่นหนา

ความเร็วของพรตเต๋สังหารช่างน่าอัศจรรย์ เขาหันกลับไปมองภาพข้างหลังด้วยความหดหูใจครั้งนี้สํานักหมอกเมฆาแข็งแกร่งเกินไป ทหารที่ถูกทิ้งไว้คงไม่อาจถ่วงเวลาได้นานนัก

แสงสีฟ้าพลันสว่างวาบขณะที่พรตเต๋สังหารกัดฟันเร่งความเร็วขึ้นอีกการสูญเสียครั้งนี้ยิ่งใหญ่เกินรับมือกําลังพลของพวกเขาบาดเจ็บล้มตายเป็นจํานวนมากนับว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่หลวงที่สุดนับตั้งแต่สงครามนี้เริ่มขึ้น พวกเขาตกหลุมพรางการซุ่มโจมตีของสํานักหมอกเมฆาโดยไม่ทันระวังตัวแต่ตราบใดที่องค์ชายรัชทายาทยังปลอดภัยก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสถานการณ์โดยรวมทั้งหมดสงครามครั้งนี้ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ!
แสงสีแดงพาดผ่านท้องฟ้าอีกครั้งด้วยความเร็วสูงขึ้น…

พรตเต๋สังหารหันกลับมามองข้างหน้าก่อนที่แขนขาจะชาวาบทันใด

ชายหนุ่มร่างสูงกําลังยืนจังก้อยู่เบื้องหน้าเยี่ยฉวนเหยียบกระบบินสะบั้นมังกรตามมาขวางทางพวกเขาเอาไว้พร้อมแส้เส้นยาวในมือ!

“ฝ่าบาท แสงจันทร์ในค่ำคืนนี้ช่างงดงามยิ่ง ในเมื่อพระองค์อุตส่าห์เสด็จมาถึงที่นี่แล้วทรงแวะพักในสํานักหมอกเมฆาของข้าหน่อยเป็นไร?”

เยี่ยฉวนส่งยิ้มให้หลีก่วงซ่านพลางสะบัดแสในมือแผ่วเบาจนเกิดเสียงแหลมเสียดแทงแก้วหูทั้งกระบบินสะบั้นมังกรและห่วงโซ่มังกรเป็นอาวุธสังหารชั้นยอดที่อาวุโสเพิ่งฉีผู้ลึกลับมอบให้เขาชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้างถึงใบหูขณะกวัดแกว่งมันเล่นราวกับไม่มีเจตนาจะทําร้ายแม่มดสักตัวทว่าจิต สังหารของเขากลับพุ่งสูงยันต์กลืนกินสวรรค์ภายในร่างโคจรเร็วขึ้นเมื่อเขาเตรียมออกกระบวนท่าไม้ตาย

“ไอ้คนแซ่เยี่ย เจ้าต้องการสิ่งใด?”

องค์รัชทายาทหลีก่วงซ่านแลดูซีดเผือดและสั่นสะท้านเล็กน้อย

ขั้นการฝึกตนของหลีก่วงซ่านสูงส่งกว่าเยี่ยฉวนมากนัก ทว่าแม้แต่พรตเต๋สังหารยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่สมน้ําสมเนื้อของอีกฝ่ายแล้วนับประสาอะไรกับเขา ซ้ำร้ายเมื่อมองย้อนกลับไปจะเห็นพลหน้าไม้ของสํานักหมอกเมฆาใกล้เข้ามาทุกขณะบัดนี้หัวใจขององค์ชายรัชทายาทสั่นรัวเร็วอย่างไม่อาจควบคุม!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด