Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 38 ปีศาจเพลิง

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 38 อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 38 ปีศาจเพลิง

เยี่ยฉวนและจ้าวต้าจื่อเดินลอดอุโมงค์วนรอบแผงขายของทีละร้าน…

เขาพบของที่น่าสนใจหลายสิ่ง เช่น ยางรัดผม กระจกขนาดพกพาหรือแม้แต่ดาบบินสองสามเล่ม จึงหยิบสิ่งของเหล่านั้นขึ้นตรวจสอบอย่างพิจารณา

บรรดาสิ่งของเหล่านั้นล้วนมีมูลค่าสูง ทั้งยังมีความโดดเด่นเฉพาะตัว บางชิ้นใช้วัสดุที่หาตามท้องตลาดได้ยากยิ่ง บางชิ้นประกอบขึ้นอย่างประณีตดุจงานฝีมือ จนเขานึกพิศวงว่าผู้ที่นำมาวางขายไปขุดค้นพบของเหล่านี้จากสุสานใด?

เยี่ยฉวนหยิบของแต่ละชิ้นขึ้นพินิจอย่างละเอียด แต่เนื่องจากพวกมันไม่มีความจำเป็นสำหรับเขา เมื่อพูดคุยเรื่องสินค้ากับผู้ขายจนได้รับคำอธิบายที่กระจ่างจึงวางลงที่เดิมก่อนผละออกจากร้านไป

ส่วนเจ้าอ้วนที่เห็นการกระทำเช่นนั้นของศิษย์พี่ใหญ่ก็รู้สึกขัดใจอยู่ไม่น้อย และเผลอจู้จี้ใส่อีกฝ่ายบ่อยครั้ง…

เขามองว่าสิ่งที่เยี่ยฉวนสนใจล้วนไร้ประโยชน์ หากเป็นเขาคงชื่นชอบบรรดาสิ่งของล้ำค่าเช่นดาบบินที่มีลักษณะแพรวพราวเป็นพิเศษ หรือชุดเกราะอย่างหนาที่มีรูปทรงเรียบง่าย ซึ่งของพรรค์นั้นศิษย์พี่ใหญ่ไม่ใส่ใจเหลือบตามองเลยแม้แต่น้อย! เขาเสนอตัวจะซื้อดาบคู่บ้านคู่เมืองให้อีกฝ่ายหลายครั้ง ทว่าเยี่ยฉวนเพียงหัวเราะแล้วจากไป

‘เขาไม่รู้จักของดีหรืออย่างไรกัน?!’

ก่อนหน้านี้หลายคนต่างชื่นชมศิษย์พี่ใหญ่ที่มีความกล้าหาญตรงไปตรงมา ทว่าตอนนี้กลับทำตัวไร้สาระและโฉดเขลา!

จ้าวต้าจื่อโคลงศีรษะอย่างเหนื่อยหน่ายกับการชมดอกไม้บนหลังม้าของเยี่ยฉวน แต่นั่นก็นับเป็นเรื่องดีอยู่บ้างเพราะมันทำให้เขาประหยัดเงินได้มากโข

*ชมดอกไม้บนหลังม้า (สำนวน) = การเดินดูของอย่างผ่านๆ แต่ไม่ได้ซื้ออะไร

เยี่ยฉวนชะงักฝีเท้าขณะหันมองไปอีกทาง…

เบื้องหน้าของเขาคือถ้ำมืดที่มีลมร้อนพัดตลบอบอวลราวมีกองฟืนลุกไหม้อยู่ภายใน แตกต่างจากถ้ำอื่นๆ ที่มีอากาศถ่ายเทและเย็นสบาย บริเวณปากถ้ำมีผู้คนจำนวนมากกำลังโวยวายเสียงดังเพื่อแย่งชิงสิ่งของบางอย่าง ชวนให้เกิดความสงสัยว่ามีสมบัติล้ำค่าใดซ่อนอยู่?

เขาโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ก่อนเดินฝ่าฝูงชนบริเวณหน้าถ้ำเข้าไปภายใน พลังจากยันต์วิเศษทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเบียดเสียดด้วยซ้ำ เมื่อร่างกายเขาเดินเข้าใกล้ผู้ใด…คนเหล่านั้นต่างรู้สึกงงงวยเพราะถูกแรงที่มองไม่เห็นผลักให้หลีกทาง ขณะที่สถานการณ์รอบข้างอยู่ในความวุ่นวาย เยี่ยฉวนกลับเดินรุดไปด้านหน้าอย่างเงียบเชียบ

เคล็ดวิชาฝ่ามืออัคคี!

อีกหนึ่งเคล็ดวิชาที่เยี่ยฉวนในภพอดีตเคยเรียนรู้ ชื่อของมันดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความน่าเกรงขาม มักใช้เคล็ดวิชานี้ในการต่อสู้ระยะประชิดเพื่อดึงอีกฝ่ายให้เสียสมดุลจนสามารถเอาชนะได้โดยง่าย มีตำนานเล่าขานต่อกันมาว่าผู้ที่คิดค้นเคล็ดวิชานี้เป็นชายชราผู้ทำอาชีพเผาหม้อดินตลอดทั้งปี ชื่อของมันจึงไม่ไพเราะสละสลวยเช่นเคล็ดวิชาอื่น ทว่าเกี่ยวกับที่มาของมัน…แม้แต่เยี่ยฉวนก็ไม่อาจหยั่งรู้

เขาหยุดการใช้เคล็ดวิชาฝ่ามืออัคคี และลดความแปรปรวนของพลังการโคจรยันต์กลืนกินสวรรค์ทันทีที่เดินไปจนสุดทาง ยามนี้เขากลับมาเป็นผู้ฝึกตนที่มีทักษะธรรมดาเช่นเดียวกับผู้อื่น…

ถ้ำแห่งนี้แตกต่างจากถ้ำอื่นเพราะมีเพียงการซื้อขายก้อนผลึกล้ำค่าซึ่งมีเพียงเจ็ดชิ้น เหตุที่ผู้คนให้ความสนใจอย่างมาก เป็นเพราะผลึกชั้นดีเหล่านั้นมีพลังงานแปรปรวนอยู่โดยรอบอย่างน่าอัศจรรย์!

ในดินแดนอรัญญิกมีสมบัติสองสิ่งที่ช่วยส่งเสริมทักษะการฝึกตน คือก้อนผลึกและยาเม็ดหลากประเภท…

ยาเม็ดสามารถกลั่นโดยใช้พืชสมุนไพรที่หาได้ทั่วไป ทว่าก้อนผลึกเนิ่นนานไปยิ่งพบเจอได้ยาก ที่มีอยู่ก็ถูกสำนักขนาดใหญ่กว้านซื้อไปจนหมด ก้อนผลึกที่หลงเหลือหมุนเวียนขายในท้องตลาดจึงมีน้อยมากทั้งยังเป็นผลึกชั้นเลว ดังนั้นเมื่อก้อนผลึกชั้นดีถูกนำมาวางขายในตลาดมืด…บรรดาผู้ฝึกตนหลายคนจึงต้องการครอบครองมันถึงขั้นไม่เกี่ยงราคา!

“ข้ายินดีจ่ายสามพันตำลึง! ก้อนผลึกเหล่านี้จะต้องเป็นของข้า…ไม่มีผู้ใดแย่งชิงไปได้!”

“น่าขัน! เงินเพียงสามพันตำลึงไม่คู่ควรที่จะครอบครองพวกมันด้วยซ้ำ! ข้าตั้งราคาทั้งหมดไว้ที่แปดพันตำลึง!”

ผู้คนเปล่งเสียงคำรามในลำคออย่างไม่พอใจพร้อมโถมตัวไปด้านหน้า ทว่าไม่มีผู้ใดกล้าก้าวข้ามเชือกสีขาวที่กั้นบริเวณหน้าแผงนั้น

เยี่ยฉวนละสายตาจากก้อนผลึกทั้งเจ็ดที่ผู้คนกำลังต่อรองราคา เขาหันมองไปยังชายผู้นั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำไม่ไกลจากแผงนั้นด้วยสีหน้าประหลาดใจ…

ชายชราสวมชุดสีเทา ใบหน้าก้มต่ำและไม่ขยับเขยื้อนราวกำลังถอดดวงจิตหรือไม่ก็เพียงเหน็ดเหนื่อย จึงไม่สนใจการโวยวายแย่งชิงของผู้คน เครายาวจรดหน้าอกของเขาสะดุดตายิ่ง…เพราะมันไม่ใช่สีขาวหรือสีดำอย่างปกติทั่วไป ทว่าเป็นสีแดงเพลิง! บริเวณที่เขานั่งปรากฏไอความร้อนขึ้นโดยรอบจนทำให้ผู้คนรู้สึกกระสับกระส่ายจนไม่อยากเข้าใกล้

เยี่ยฉวนพินิจคลื่นความร้อนดังกล่าวอย่างถี่ถ้วนก่อนพบว่ามันไม่ได้แผ่ออกจากพื้นดิน แต่แผ่ออกมาจากร่างกายนั้น ร่างกายของเขาประหนึ่งคบเพลิงที่ลุกโชนอยู่ตลอดเวลา ทั้งคลื่นความร้อนยังทวีความรุนแรงขึ้นทุกขณะเป็นระลอกใหญ่ ทันใดนั้นผิวหนังของเขาพลันเปลี่ยนเป็นสีส้มแดงสว่างวาบราวลาวาใต้พื้นพิภพที่ใกล้ปะทุอย่างรุนแรง!

ทรงพลัง!

นะ…นี่มัน… ร่างสุริยันแผดเผา!

เยี่ยฉวนเผยสีหน้าตระหนกเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาพอเข้าใจสถานการณ์แล้วว่า เหตุใดผู้ฝึกตนทั้งหลายที่ดุร้ายราวเสือและหมาป่าจึงไม่กล้าก้าวข้ามเชือกสีขาวเส้นนั้น

ร่างสุริยันแผดเผาแยกย่อยจากกายหยางอันศักดิ์สิทธิ์แต่พบเห็นได้ยากกว่า หากฝึกสำเร็จจะมีพลังทำลายล้างสูงยิ่ง! การฝึกตนให้บรรลุกายสุริยันแผดเผาจะต้องขัดเกลาร่างกายโดยการซึมซับเพลิงสวรรค์หลากหลายประเภท ทั้งยังใช้เปลวไฟเผากายของตนเพื่อขับไล่ปราณหยินและปราณเย็นออกจากร่างจนบริสุทธิ์หมดจด หลังจากนั้นทักษะการฝึกตนของเขาจะก้าวหน้ารวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ ทว่าวิธีเหล่านั้นก็มีความอันตรายยิ่ง…หากประมาทเพียงนิดร่างของผู้ฝึกตนอาจถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่าน และอาจร้ายแรงถึงขั้นดวงจิตแหลกสลาย!

อดีตมหาปราชญ์ผู้ซ่อนเร้นสวรรค์เช่นเยี่ยฉวนย่อมรู้จักพลังดังกล่าวเป็นอย่างดี ในภพอดีตเขามีผู้ใต้บังคับบัญชาฉายาว่า ราชาอัคนี ซึ่งบรรลุขั้นการฝึกตนระดับสูงสุดทั้งยังฝึกฝนร่างสุริยันแผดเผาสำเร็จ…คนผู้นั้นสามารถทำให้ดินแดนกว่าหนึ่งพันลี้กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้ง!

ทันใดนั้นชายชราเคราสีเพลิงจึงลืมตาขึ้นก่อนจ้องเขม็งไปยังเยี่ยฉวน!

ดวงตาสีแดงเจิดจ้าคู่นั้นจ้องเยี่ยฉวนอย่างดุร้ายและน่าหวาดผวายิ่ง! จนเขารู้สึกราวตนกำลังอยู่ท่ามกลางกองเพลิง…ทั้งผิวหนังยังแสบร้อนและเจ็บแปลบประหนึ่งถูกไฟแผดเผา เสียงตะโกนโวยวายรอบข้างพลันเงียบลงพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่ละคนต่างหักห้ามไม่ให้เสียงลมหายใจหลุดรอดออกมา…

“ศิษย์พี่ ข้ามีนามว่าจ้าวต้าจื่อ…ส่วนเขาผู้นี้เป็นพี่ชายของข้า ศิษย์พี่ผู้ปราดเปรื่องโปรดมีน้ำใจและปล่อยให้ผู้น้อยทั้งสองผ่านไปโดยดี…”

เจ้าอ้วนเผยรอยยิ้มกว้างก่อนเร่งคำนับชายชราเคราสีเพลิงทันที ก่อนหันไปดึงแขนเยี่ยฉวนออกห่างพลางกระซิบข้างหู “ศิษย์พี่ใหญ่ ผู้อาวุโสท่านนี้คือยอดฝีมือเร้นลับที่ข้าเคยบอกท่านเกี่ยวกับปีศาจเพลิงยังไงล่ะ! เขาคือผู้ที่ช่วยข้าสืบหาโฉมหน้าที่แท้จริงของโท่วป่าเซียงเนียว!”

เป็นเขาหรือ?!

ดวงตาเยี่ยฉวนเปล่งประกายสว่างจ้า ชายชราผู้นี้กล้าบุกสำนักเครื่องนิลโดยไม่เกรงกลัวเจ้าสำนักโท่วป่าเซียง เพราะมีลักษณะเป็นยอดฝีมือผู้ถือครองเคล็ดร่างสุริยันแผดเผาเช่นนี้นี่เอง!

เขาค่อยๆ ถอยห่างเมื่อรับรู้ชื่อเสียงของอีกฝ่ายจากปากเจ้าอ้วน ครั้นกำลังจะแทรกตัวผ่านกลุ่มฝูงชน…สายตาของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้าอีกครั้งเมื่อเหลือบไปเห็นสิ่งของบางอย่างที่วางอยู่บนแผงขายของ ตอนนั้นเองร่างของเยี่ยฉวนราวถูกตอกตรึงไว้กับพื้น…แม้จ้าวต้าจื่อออกแรงลากดึงเพียงใดเขากลับไม่ยอมเคลื่อนไหว!

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด