Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 285 ถ้ําพุทธดรรชนี

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 285 ถ้ําพุทธดรรชนี อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 285 ถ้ําพุทธดรรชนี

เฒ่ามู่และมู่ซานชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อขณะนํานักรบเผ่ามู่หลายสิบชีวิตไล่ตามเยี่ยฉวน พวกเขาต่างโล่งใจเมื่อเห็นชายหนุ่มยืนอยู่ที่ตีนเขาพร้อมหลงเอ๋อร์โดยไร้ร่องรอยบาดเจ็บ

“โชคดีที่ยังไม่สายเกินไป พวกท่านมาถึงรวดเร็วยิ่ง!”

ปูซานหอบหายใจหนักหน่วง พวกเขาถูกสัตว์อสุรกายเข้าโจมตีตลอดทาง แม้จะไม่มีการสูญเสียเลือดเนื้อแต่ก็อ่อนแรงเต็มทน อีกทั้งความเร็วของนักรบเผ่ามู่ยังไม่อาจเทียบชั้นกับหลงเอ๋อร์ และเยี่ยฉวนแม้ขั้นการฝึกตนจะค่อนข้างสูงก็ตาม

“ใช่ ยังไม่สายเกินไป”

เยี่ยฉวนยกยิ้มพลางลอบส่งสัญญาณให้หลงเอ๋อร์น้อยที่เข้าใจความหมายทันที เด็กน้อยได้แต่อมยิ้มโดยไม่เอ่ยคําใด เขาเข้าใจว่าเยี่ยฉวนไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องที่ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินถูกกราบไปแล้ว

“เอ๊ะ ดูนั่นสิ เกิดอะไรขึ้นกับเทือกเขาหยิน?”

ปูซานที่เริ่มหายใจสม่ําเสมอพลันสังเกตเห็นความผิดปกติของเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะ

เทือกเขาที่เคยเขียวขจี อุดมสมบูรณ์ และมีชีวิตชีวาในกาลก่อนกลับกลายเป็นสีเหลืองซีด ต้นไม่ใบหญ้าล้วนแต่เฉาตาย เถาวัลย์วิญญาณพากันหนีกระจัดกระจายไปทั่วที่ราบและแฝงกายอยู่ในกอหญ้าหนาทึบ

นักรบเผ่ามู่ตะลึงงันเมื่อเห็นเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะเปลี่ยนไปจนแทบจําไม่ได้

“นี่มัน… เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่? แล้วปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินเล่า?” มูซานนึกภาพไม่ออกว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นในที่แห่งนี้

“พวกข้าใช้ยาพิษบบให้เจ้าวิญญาณร้ายเผยตัวออกมา เคราะห์ร้ายที่ยังสังหารมันไม่ได้ แต่ไม่ต้องห่วง มันถูกขับไล่ออกไปจากเทือกเขาแห่งนี้แล้ว”

เยี่ยฉวนพูดครึ่งจริงครึ่งเท็จขณะมองไปยังเฒ่า “วางใจเถิดท่านผู้เฒ่า วิญญาณร้ายนั่นบาดเจ็บสาหัสและเหลือพลังชีวิตเพียงครึ่งเท่านั้น มันไม่มีทางย่างกรายเข้ามาในเทือกเขาหมอกเมฆาอีกตราบใดที่สํานักหมอกเมฆายังไม่ล่มสลาย ต่อจากนี้พวกท่านทุกคนปลอดภัยแล้ว ว่าแต่พวกท่านคิดจะทําอย่างไรต่อไป? อยากอยู่บนภูเขานี้ต่อไปหรือจะเข้าร่วมกับพวกข้า? ในยามนี้ สํานักหมอกเมฆากําลังเฟ้นหายอดฝีมือ ด้วยขั้นการฝึกตนและความแข็งแกร่งระดับนี้ ข้ามั่นใจว่าท่านสามารถสร้างชื่อในสํานักได้อย่างแน่นอน”

เยี่ยฉวนหันมาสนใจชาวเผ่ามู่หลังปราบปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินได้สําเร็จ
เขาไม่สนใจนักรบเผ่ามู่เท่าใดนัก แต่ฝีมือของปูซานนับว่าควรค่าแก่การบ่มเพาะ อีกทั้งความสามารถของเฒ่ามู่ก็ไม่ควรถูกมองข้าม แม้ชายชราจะเรียนรู้ศาสตร์ของมหาปราชญ์สองฤดูมา เพียงเล็กน้อยแต่ก็สามารถใช้เป็นไพ่ตายอีกใบได้

จักรวรรดิต้าฉันและสํานักอสูรเมฆาอาจจู่โจมพวกเขาได้ทุกเมื่อ เยี่ยฉวนจึงต้องเตรียมแผนป้องกันล่วงหน้าโดยการเกณฑ์เหล่าหัวกะทิเข้าเป็นพวกให้มากที่สุด

“ข้าขอบคุณคุณชายเยี่ยมาก แต่พวกเราอาศัยอยู่ในเทือกเขาแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคนและคุ้นชินกับวิถีชีวิตเช่นนี้เสียแล้ว เราไม่ต้องการออกไปสู่โลกภายนอกอีกต่อไป แต่หากคุณชายมีเรื่องอันใดให้ช่วยเหลือในภายภาคหน้าก็บอกพวกเราได้ ชาวเผ่ามู่ย่อมไม่ปฏิเสธตราบใดที่ไม่เกินความสามารถ!” เฒ่ามู่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนปฏิเสธอย่างนุ่มนวล ชายชราเป็นผู้มีคุณธรรมและเกียรติยศเมื่ออยู่ต่อหน้าเผ่าของเขา หากแต่มีท่าทีย่าเกรงและเคารพนับถือเมื่ออยู่ต่อหน้าเยี่ยฉวน

เมื่อมองย้อนกลับไปยามที่เยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์น้อยขอเข้าพักชั่วคราวทําให้เขารู้ว่าไม่ควร ตัดสินผู้อื่นจากภายนอก โชคดีที่พวกเขาไม่ได้แสดงท่าที่หยาบคายหรือขับไล่ทั้งสองออกไป ไม่เช่นนั้นทั้งหมดอาจตายตกไปในเงื้อมมือของปีศาจเฒ่าแล้วก็เป็นได้

“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ”

เยี่ยฉวนพยักหน้า เขาไม่อยากบังคับหากชายชราไม่เต็มใจ

เป้าหมายหลักของการเข้าสู่เทือกเขาครั้งนี้คือการจับสัตว์อสุรกายจากเทือกเขาหมอกเมฆาชั้นในมาใช้ในการจัดวางค่ายกลซ่อนเร้นสวรรค์ แค่กําราบปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินได้สําเร็จก็นับว่าเพียงพอแล้ว

เฒ่ามู่ทําความเคารพก่อนกลับไปยังหมู่บ้านพร้อมเหล่านักรบเผ่ามู่ พวกเขาต่างโล่งใจเมื่อ เห็นว่าเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะถูกทําลายจนสิ้นซากและปีศาจเฒ่าได้ถูกขับไล่ออกไปแล้ว ระ หว่างการเดินทางกลับจึงเต็มไปด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ

“ท่านพ่อ เหตุใดจึงไม่เห็นด้วยกับคุณชายเยี่ยและอพยพออกไปนอกเทือกเขาเล่า?”

“บรรพบุรุษของเราอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายพันปี นี่คือผืนแผ่นดินที่ให้กําเนิดเรา เจ้าจะให้ข้าละ ทิ้งไปได้อย่างไร? ยิ่งไปกว่านั้นเราต้องอยู่ภายใต้อํานาจของผู้อื่นหากเข้าร่วมสํานักหมอกเมฆา ความอิสระไร้ขีดจํากัดเช่นในหมู่บ้านจะไม่มีอีกต่อไป คุณชายเยี่ยเป็นคนดีแต่ยังเยาว์นัก หากเกิดเหตุอันใดขึ้นในภายภาคหน้าอาจไม่สามารถช่วยพวกเราได้” เฒ่าผู้มากประสบการณ์ตัดสินใจ แน่วแน่หลังจากครุ่นคิดเป็นเวลานาน

“ท่านพ่อ ดูนี่เสียก่อน” มู่ซานหยิบแผ่นอักขระของเยี่ยฉวนออกมาจากอก

เฒ่าปูรับมาดู สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนทันใด “เอ๊ะ! อักษรแถวบนแตกต่างจากแผ่นอักขระของเราและทรงพลังมากกว่าเดิมเสียอีก มีผู้อื่นล่วงรู้อักขระเผ่ามู่ของเรางั้นหรือ? ปูซาน เจ้าไปได้แผ่นอักขระนี้มาจากที่ใด?”

“นี่เป็นแผ่นอักขระที่คุณชายเยี่ยใช้โจมตีปีศาจเฒ่าจนสาหัสที่หมู่บ้านของเรา ท่านพ่อ ข้าเห็นว่ามันเป็นแผ่นเดียวกับที่เรามอบให้เขา เพียงแต่เขาเปลี่ยนแปลงบางสิ่งเล็กน้อย”

“คุณชายเยี่ยงั้นหรือ? หรือว่า…”

เฒ่ามู่ตกตะลึงและไม่มีทางเลือกนอกจากจําเป็นต้องพิจารณาข้อเสนอของเยี่ยฉวนอีกครั้ง ข้อสงสัยว่าเยี่ยฉวนเสริมความแข็งแกร่งให้แผ่นอักขระด้วยวิธีใดช่างรบกวนจิตใจของเขาเหลือเกิน แต่โบราณว่าขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด ชายชรายังคงมุ่งหน้ากลับไปยังหมู่บ้านเผ่ามู่เพื่อคิดทบทวนดูอีกครั้ง การอพยพทั้งเผ่าออกจากเทือกเขาเพื่อเข้าร่วมสํานักหมอกเมฆาไม่ใช่เรื่องเล็ก หากตัดสินใจถูกต้องอาจนําเผ่ามูไปสู่ความรุ่งเรือง ทว่าหากตัดสินใจผิดพลาดอาจนําไปสู่ความล่มสลาย

เยี่ยฉวนและหลงเอ๋อร์น้อยยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมพลางมองดูนักรบเผ่ามู่เคลื่อนขบวนไกลออกไป

“พี่ใหญ่เยี่ยฉวน เราจะกลับกันเลยหรือไม่ขอรับ?” หลงเอ๋อร์น้อยถามขึ้นเมื่อนักรบเผ่ามู่หายลับไปตรงเส้นขอบฟ้า

“ยังก่อน เราไม่จําเป็นต้องรีบร้อน”

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ แสงสีครามสว่างวาบขึ้นเมื่อเขาอัญเชิญปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินออกมา และเข้าประเด็นทันที “ปีศาจเฒ่า มีสิ่งชั่วร้ายถูกผนึกไว้ในเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะงั้นหรือ? หรีอมีเส้นทางที่เชื่อมไปสู่อาณาจักรลางสังหรณ์โบราณกันแน่?”

“คุณชายเยี่ยรู้ได้อย่างไร?”

ปีศาจเฒ่าร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ เขาค่อยๆ บอกเล่าทุกสิ่งที่รู้ด้วยไม่มีเหตุผลใดต้องปิดบัง

เดิมที่เขาเป็นเพียงปีศาจตัวกระจ้อยไร้พิษสง หากแต่ค่อยๆ เรียนรู้ความลับแห่งฟ้าดินในอาณาจักรลางสังหรณ์โบราณอันกว้างใหญ่ไพศาลและกลายสภาพจากปีศาจเถาวัลย์ธรรมดาเป็นร่างคล้ายมนุษย์ ก่อนที่ขั้นการฝึกตนจะก้าวหน้าขึ้นจนกลายเป็นเถาวัลย์พันกร แต่ถึงกระนั้นก็ยังเป็นเพียงปลาซิวปลาสร้อยในอาณาจักรโบราณ ปีศาจเฒ่าต้องระแวดระวังในทุกขั้นตอน เพราะอาจถูกทําลายโดยเหล่าวิญญาณร้ายอันทรงพลังได้ทุกเมื่อ หลังจากหลบซ่อนด้วยความหวาดกลัวและวิตกกังวลมาเป็นเวลาหลายพันปี เขาก็ฉวยโอกาสหลบหนีออกมายามที่อาณาเขตในอาณาจักรโบราณแปรปรวนและเข้ายึดครองเทือกเขาหยินห้านิ้วมรณะในที่สุด

“ปีศาจเฒ่า อาณาจักรโบราณแห่งนั้นมีนามว่าอะไร?” เยี่ยฉวนเอ่ยถาม

“ข้าได้ยินพวกวิญญาณร้ายเรียกขานกันว่าถ้าพุทธดรรชนี คุณชายเยี่ย ต่อจากนี้โปรดเรียกข้าว่าหลัวเต่อ หากพวกวิญญาณร้ายในถ้ําพุทธดรรชนีรู้ว่าข้าถูกเรียกว่าปีศาจเฒ่าคงหัวเราะเยาะข้าจนตายแน่ ในที่แห่งนั้นหากผู้ใดมีอายุไม่ถึงหลายล้านปีจะถูกเรียกว่าอสูรน้อยเท่านั้น” ปีศาจเฒ่าแห่งเทือกเขาหยินขัดเขินเล็กน้อย

“ฮ่าๆๆ ได้ เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าหลัวเต่อ ไปกันเถอะ พาข้าไปดูช่องทางนั้นที”

เยี่ยฉวนหัวเราะขบขันเมื่อเห็นท่าที่อับอายของปีศาจเฒ่า ทว่ากลับรู้สึกหนักใจในขณะเดียวกัน หากปีศาจเฒ่าหลัวเต่อที่อยู่มานานนับหมื่นปียังเป็นเพียงอสูรน้อย แล้ววิญญาณเก่าแก่ที่แท้จริงในถ้ําพุทธดรรชนีจะทรงพลังและน่าเกรงขามสักเท่าใดกัน?

หลงเอ๋อร์น้อยเผยสีหน้าเคร่งเครียดด้วยความหนักใจไม่ต่างกัน

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด