Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ – บทที่ 304 ภาพนี้ช่างงดงามนัก

อ่านนิยายจีนเรื่อง Storm in the Wilderness ขุนศึกสยบสวรรค์ ตอนที่ 304 ภาพนี้ช่างงดงามนัก อ่านนิยายจีน.COM | อ่านนิยายจีนแปลไทย.

บทที่ 304 ภาพนี้ช่างงดงามนัก

ณ ห้องโถงมังกรสวรรค์ ภูตทะเลไหลี่ลี่บอกกล่าวความลับสารพันสิ่งให้เยี่ยฉวนได้รับรู้โดยละเอียด ขณะนั้นเองเขาจึงตระหนักว่าตนเกือบพลาดการครอบครองบุคคลผู้มีพรสวรรค์พิเศษเสีย แล้ว!

ไหลี่ลี่กล่าวว่าเผ่าภูตทะเลเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีแหล่งอาศัยอยู่ใกล้กับมหาสมุทรกว้างใหญ่ ตําแหน่งที่อยู่อาศัยอยู่กึ่งกลางระวังสัตว์น้ําในทะเลยาวและมนุษย์ชาวเกาะที่อยู่บนฝั่ง เทียบกับบรรดาสัตว์อสุรกายแล้วพวกเขานับเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีวิวัฒนาการสูงส่งกว่าทั้งยังสามารถอยู่อาศัยในดินแดนแห้งแล้ง และหากเทียบกับมนุษย์ชาวเกาะแล้วพวกเขาสามารถอยู่ในพื้นที่ซึ่งมีสภาพอากาศแปรปรวนและลมพายุที่พัดกระหน่ํา ตํานานเล่าขานว่าพวกเขาสืบทอดวงศ์เผ่าพันธุ์มาจากเทพแห่งท้องทะเล มีการรวมตัวอย่างปลีกวิเวกห่างไกลสังคมอื่น นอกจากนี้…พรสวรรค์แต่กําเนิดของพวกเขาไม่ใช่เสียงเพลงต้องมนตร์สะกด แต่เป็นทักษะด้านการเปลี่ยนทิศทางลมและกระแสน้ําในท้องมหาสมุทร

ทักษะดังกล่าวอาจไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิงหากอยู่ในสภาพแวดล้อมแห้งแล้ง ทว่าสําหรับบริเวณโดยรอบถิ่นอาศัยของนางแล้วไม่ว่ามนุษย์ชาวเกาะหรือสัตว์อสุรกายในทะเลยาวต่างหวาดกลัวพวกภูตทะเลที่สามารถเคลื่อนที่ไปมาราวแสงเงาเป็นอย่างมาก ทุกตํานานที่ปรากฏอยู่บนโลกไม่มีตํานานใดที่ไร้คําสาปแช่งต่อเหล่าภูตทะเล ทุกครั้งที่มนุษย์คนใดล่วงรู้การปรากฏตัวของพวกนางจะรวบรวมฝูงชนออกไล่ล่าอย่างบ้าคลั่ง ราวเกมกีฬาสังหารรวมถึงผู้ฝึกตนจากต่างแดนที่หมายดวงตาของพวกนางอีกด้วย การสังหารภูตทะเลนับว่าเป็นชัยชนะยิ่งใหญ่ที่ได้รับการยกย่อง หลังสหายร่วมเผ่าพันธุ์ของนางถูกจับจะถูกทารุณกรรมสารพัดวิธี ทั้งทุบตีจนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล ทั้งจับมัดไว้กับเสาไม้ซึ่งปักไว้ริมชายหาดตากแสงแดดที่แผดเผาจนแห้งตายไปเช่นนั้น

ด้วยแรงกดดันมหาศาลจากสัตว์อสุรกายทะเลยาวเจ้าถิ่นและมนุษย์ชาวเกาะรวมถึงสภาพแวดล้อมที่นานวันยิ่งเสื่อมโทรม ทําให้จํานวนวงศ์วานของนางลดลงเรื่อยๆอย่างน่าใจหาย

ไหลี่ลี่เคยดํารงตําแหน่งองค์หญิงแห่งเผ่าภูตทะเลรุ่นปัจจุบัน ก่อนหน้านี้นางได้รับภารกิจให้ค้นหาสมบัติล้ําค่าที่สุดของเผ่าพันธุ์ตนกลับคืน..ซึ่งสิ่งนั้นคือเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ นางจึงออกเดินทางไปตามหมู่เกาะอื่นร่วมกับพี่ชายคนโตและสาวกอีกจํานวนหนึ่งเพื่อสํารวจพื้นที่ว่ามีสภาพแวดล้อมที่เอื้ออํานวยต่อการเพาะปลูกมันหรือไม่ ตํานานกล่าวไว้ว่าหากกินเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์อันเป็นอาหารชั้นเลิศของเทพเซียนโบราณ เผ่าภูตทะเลจะสามารถปลุกบรรพบุรุษที่ล่วงลับให้ฟื้นคืนชีพ ทั้งยังอาจคืนชีวิตให้แก่เทพแห่งท้องทะเลอีกครั้ง หากเป็นเช่นนั้นจริงพวกเขาจะสามารถควบคุมลมฟ้าอากาศเหนือมหาสมุทรทั้งหมดให้เปลี่ยนแปรได้ดั่งใจ ทุกแห่งซึ่งมีแหล่งน้ําจะกลายเป็นสถานที่ปลอดภัยสําหรับภูตทะเลทุกตน

ทว่าแผนการทั้งหมดกลับพลิกตาลปัตร…ขณะที่ไหลลี่และเพื่อนร่วมทางของนางเดินไปจนครึ่งทางและมาถึงพื้นที่ของทะเลตะวันออกอันไกลโพ้น พวกเขากลับถูกศัตรูอย่างเผ่าอสรพิษสีนิลซุ่มโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน หลังผ่านการสู้รบอย่างยาวนานพละกําลังของทุกคนจึงอ่อนล้าลงเต็มที่ พี่ชายของไหลี่ลี่เสียชีวิตในสนามรบ…เมล็ดข้าวมังกรสวรรค์จึงถูกแย่งชิงไปตกอยู่ในมือของจักรพรรดิไพรทมิฬ โชคดีที่คนเหล่านั้นไม่มีความรู้เกี่ยวกับทรัพย์สมบัติต่างๆมากพอ จึงไม่รู้ว่าเมล็ดข้าวหน้าตาประหลาดในกล่องไม้คือสิ่งใดกันแน่ ดังนั้นจักรพรรดิพร้อมด้วยสาวกอีกหกคนจึงเดินทางข้ามทวีปมายังตลาดมืดของเทือกเขาหมอกเมฆาพร้อมสินค้าพิสดารชิ้นนั้น โดยหวังให้มียอดฝีมือระบุถึงคุณสมบัติที่แท้จริงของมันเพื่อโก่งราคา กระทั่งพบเข้ากับเยี่ยฉวน

“เรื่องทั้งหมดเป็นเช่นนี้นี่เอง…”

เยี่ยฉวนพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ อันที่จริงภูตทะเลไหลี่ลี่เป็นบริวารคอยรับใช้เขามานานแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินประวัติความเป็นมาและตัวตนที่แท้จริงของนาง ครั้นเสียงเล่าเรื่องของนางหยุดชะงักลงเยี่ยฉวนจึงหันไปสบตานางพลางเผยรอยยิ้มแฝงเลศนัย “ไหลี่ลี่ เช่นนั้นการที่ข้าสามารถช่วงชิงเมล็ดมังกรสวรรค์ของเผ่าเจ้ามาได้คงสร้างความจงเกลียดจงชังให้เจ้าไม่น้อย หากเผ่าพันธุ์ของเจ้าทราบเรื่องเห็นทีคงยกกาลังมาโจมตีสํานักหมอกเมฆาเพื่อแก้แค้นจนชีวิตนี้ ข้าไม่อาจเหยียบบนผืนทะเลได้อีกกระมัง?”

“มะ…ไม่! ไหลี่ลี่ไม่กล้า ตอนนี้ข้าน้อยอยู่ใต้บังคับบัญชาของคุณชาย ข้าน้อยจะบังอาจเคืองโกรธท่านได้อย่างไรกันเจ้าคะ? ข้ามีคําร้องขอเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หลังจากเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์เจริญงอกงามพร้อมเก็บเกี่ยว คุณชายกรุณาแบ่งส่วนเล็กๆให้แก่เผ่าภูตทะเลต้อยต่าของ ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ? คุณชายโปรดวางใจ..พวกเราจะไม่รับของก่านัลนี้มือเปล่าอย่างแน่นอน พวกเรายินดีมอบสมบัติล้ําค่านานัปการให้กับท่าน รวมถึงทรัพย์สมบัติจากสี่มหาสมุทรเป็นส่วยกํานัลให้สํานักหมอกเมฆาทุกปีอย่างไม่บกพร่อง!”

ภูตทะเลสาวโค้งคํานับเยี่ยฉวนด้วยท่าทางนอบน้อม

เผ่าภูตทะเลยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อนําเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ไปเพาะปลูกยังสถานที่ซึ่งมีความอุดมสมบูรณ์ทางด้านพืชพรรณธัญญาหาร ด้วยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์อาจงอกเงยขึ้นที่นั่น และกลายเป็นแหล่งอาหารแห่งใหม่ แต่แม้พวกเขาเดินทางไปยังจุดหมายโดยไม่อาจ หยั่งรู้ว่าจะมีพื้นที่ที่เอื้อต่อการเจริญเติบโตของมันจริงหรือไม่ เมล็ดข้าวมังกรสวรรค์กลับถูกช่วงชิงไปและท้ายที่สุดจึงตกมาอยู่ในมือของเยี่ยฉวน หนําซ้ําเขายังเสาะหาพื้นที่สําหรับเพาะปลูกได้ดีทีเดียว หากเพื่อนพ้องร่วมเผ่าพันธุ์ทราบเรื่องดังกล่าวคงรู้สึกปีติยินดีเป็นล้นพ้น!

“เรื่องนั้นเห็นทีคงยากเสียแล้ว ไหลี่ลี่ เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลผลิตของต้นเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์นั้นมีปริมาณน้อยนัก…อีกทั้งสํานักหมอกเมฆาของข้ายังมีประชากรมากมาย…” เยี่ยฉวนจงใจหยั่งเชิงให้หญิงสาวเสนอข้อต่อรองที่ดีกว่าด้วยใคร่รู้ว่าสมบัติล้ําค่าที่นางเอ่ยถึงคือสินค้าประเภทใดกันแน่ การได้รับสมบัติล้ําค่าทางธรรมชาติโดยมีผู้คนคอยเสาะหามาให้นับเป็นเรื่องดี แม้เขาเคยเป็นถึงมหาปราชญ่ซ่อนเร้นสวรรค์ทว่าไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับดินแดนภายนอกเท่าที่ควร ครั้งนี้จึงนับเป็นโอกาสที่ดียิ่ง

“คุณชายโปรดวางใจ เผ่าพันธุ์ของข้าไม่ต้องการสิ่งใดมากมาย พวกเราเหลือกันอยู่เพียงไม่กี่ตนเท่านั้น” ภูตทะเลสาวไหลลี่เงยหน้าขึ้นสบตาเยี่ยฉวนด้วยสายตาซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง หน้าผากโหนกนูนมีคิ้วสวยประดับแต่งแต้ม ส่วนเรือนร่างนั้นบอบบางและสง่างาม ผิวกายเนียนนุ่มเพราะอาศัยอยู่ในมหาสมุทรมาตลอดชีวิต คงไม่น่าแปลกหากจะมีบุรุษใดฝันใฝ่จะสัมผัส

เยี่ยฉวนสํารวจรูปกายอันเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของนางพลางครุ่นคิดอยู่ในภวังค์ชั่วครู่ ไม่นานเขาจึงเรียกสติกลับคืนก่อนกล่าวออก “เช่นนั้นเราค่อยพูดถึงเรื่องนี้ในอนาคตเถิด ต่อให้ต้นเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์หยั่งรากลึกลงในดินและงอกงามเป็นต้นอ่อนแล้ว ทว่าข้ายังไม่อาจหยั่งรู้ว่านานเพียงใดกว่ามันจะให้ผลผลิต”

“คุณชาย ข้าน้อยขอรับอาสาดูแลเมล็ดข้าวมังกรสวรรค์ให้ท่านเองเจ้าค่ะ เผ่าพันธุ์ภูตทะเลของพวกเรามีตําราโบราณ ซึ่งเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นกล่าวถึงวิธีการเพาะปลูกมันโดยเฉพาะ นอกจากนั้น…”

ไหลี่ลี่หยุดชะงักชั่วครู่ ใบหน้างดงามซับสีแดงระเรื่อขึ้นมาทันใดขณะก้มศีรษะลงต่า จากนั้นนางจึงเอ่ยคําเบาโดยน้ําเสียงขาดหายกระท่อนกระแท่น “นอกจากนั้น…หากคุณชายปรารถนา ข้าน้อยสะ…สามารถปรนนิบัติรับใช้คุณชายเป็นอย่างดี หรืออาจเรียกภูตทะเลสาวตนอื่นมาเพื่อรับใช้ท่านได้ ตราบใดที่ท่านต้องการข้ายินดีทําทุกอย่างเจ้าค่ะ”

น้ําเสียงปลายประโยคของไร่ลี่ลี่แผ่วเบาลงเรื่อยๆ ด้วยความกระดากอายจนไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายอีกต่อไป ถึงกระนั้นนางยังรวบรวมความกล้าเสนอบางสิ่งให้กับเยี่ยฉวน การแสดงออกเต็มไปด้วยความสุภาพนอบน้อม นางเชื่อว่าต่อให้เยี่ยฉวนไม่พอใจจนสังหารตนเสียตอนนี้ นางก็สามารถเกลี้ยกล่อมให้เขาสงบลงได้

“เอ๊ะ! ไหลี่ลี่ เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนประเภทนั้นหรืออย่างไร?

เยี่ยฉวนถึงขั้นกล่าวคําใดไม่ออก ไม่รู้ว่าตนควรหัวเราะหรือร้องไห้กับข้อเสนอของอีกฝ่าย เขากําลังรอให้นางกล่าวถึงสมบัติล้ําค่าจากท้องทะเลลึกทว่านางกลับเสนอเรือนร่างตนเองเพื่อสนองความต้องการของเขาเสียอย่างนั้น ในสายตาของนางเห็นเขาเป็นคนเช่นไรกันแน่? หนําซ้ํายังกล่าวว่าจะพาภูตทะเลสาวนางอื่นมาปรนนิบัติเพิ่มเติม ฉากนี้ช่างงดงามเกินกว่าจะจินตนาการ!

เยี่ยฉวนสายศีรษะ แม้เรือนร่างระหงของไหลลื่น่าเย้ายวนใจทั้งยังมีความงดงามไร้ที่ติ แต่ความจริงแล้วเขาไม่มีรสนิยมที่จะลิ้มรสภูตทะเลซึ่งไม่ใช่มนุษย์แต่เนื้อแท้

ภูตทะเลสาวยังคงก้มหน้านิ่งเงียบโดยไม่ปริปากเอ่ยตอบแต่อย่างใด

นางยังไม่ได้กล่าวถึงความเร้นลับอีกประการหนึ่งของเผ่าพันธุ์ภูตทะเล ผู้ใดก็ตามที่สามารถพรากพรหมจารีจากภูตทะเลเพศหญิงไปสําเร็จจะได้รับพรสวรรค์พิเศษ แต่กําเนิดของพวกนางไปครอบครอง สิ่งล่อตาล่อใจดังกล่าวทําให้ชาวพื้นเมืองรวมถึงบรรดาผู้ฝึกตนจากทุกหนแห่งต่างปรารถนาที่จะได้ลิ้มรส พวกเขาต่างพยายามหลายปีเพื่อไล่ล่าภูตทะเลสาวโดยหวังว่าตนจะได้รับทักษะเหล่านั้น เพราะความทะเยอทะยานส่วนหนึ่ง…แต่ส่วนลึกในจิตใจก็เป็นเรื่องของกามารมณ์ที่ดิบเถื่อนพรรค์นั้น

เยี่ยฉวนอายุยังเยาว์และมีอนาคตไกลยิ่ง ร่างกายของเขาแข็งแกร่งทว่ามีกิริยานอบน้อม หากภูตทะเลสาวพร้อมใจพลร่างกายให้เขาเชยชม ชายหนุ่มอาจได้รับพรสวรรค์ของเผ่าพันธุ์ภูตทะเลที่ยิ่งใหญ่กว่าในประวัติศาสตร์ ถึงเวลานั้นความสัมพันธ์ระหว่างสํานักหมอกเมฆาและเผ่าพันธุ์ภูตทะเลอาจมีเสถียรภาพสูงส่งสนับสนุนซึ่งกันและกันซึ่งเอื้อผลประโยชน์ที่ดีต่อทั้งสองฝ่าย

ทว่านางจะเล่าเรื่องน่าอายเช่นนี้ให้เยี่ยฉวนฟังได้อย่างไร?!

ไหลี่ลี่เงยหน้าขึ้นเล็กน้อยพลางเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยหางตาอย่างเงียบเชียบก่อนหลุบตาลงอย่างรวดเร็ว ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีเข้มจัดราวเลือดฝาดภายใต้ผิวหนังใกล้ปะทุออก นางรู้สึกสับสนไม่น้อยด้วยไม่รู้ว่าควรบอกเล่าต่อเขาอย่างไรดี?

คอมเม้นต์

การแสดงความเห็นถูกปิด